>>สยามเซ็นเตอร์ The Ideaopolis เปิดตัว Six P.M. (ซิกซ์ พีเอ็ม) แฟลกชิปสโตร์แห่งแรกของประเทศ ผลงานดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ ชาญชัย สุวรรณฉายา ผู้ชายที่รักการออกแบบและกล้าที่จะท้าทายเส้นทางใหม่ให้ตัวเอง เริ่มต้นจากศูนย์ด้วยตัวเอง ฝ่าฟันอุปสรรคต่อสู้วิกฤต จนสร้างแบรนด์ ลุกขึ้นมาเปลี่ยนคาแรกเตอร์ให้ชัดเจนมากขึ้น และออกแบบงานมาเป็นเอกลักษณ์จนเห็นใครใส่ก็จำได้ทันทีสู่ Six P.M. ณ ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์
ชาญชัย สุวรรณฉายา เล่าว่า “เราอยากเข้าที่สยามเซ็นเตอร์มานานแล้ว แต่พื้นที่เต็มตลอด ที่นี่เป็นเหมือนแหล่งไอเดียที่มากที่สุดของเอเชีย เป็นตลาดครีเอทีฟที่แท้จริง เปิดมาปีกว่าๆ แล้วฟีดแบ็กค่อนข้างโอเค เราเป็นครีเอทีฟแบรนด์ที่อยู่ในศูนย์การค้าที่เป็นครีเอทีฟไอเดีย เราไม่ได้หยุดอยู่ที่การสร้างแบรนด์ แต่มีการ์เมนต์เป็นของตัวเอง ขยายและรับงานผลิตให้แบรนด์ชั้นนำอีกหลายแบรนด์ โตคู่ขนานกันไป เรามีโรงงานที่แข็งแรงกับหน้าร้านที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ”
คอลเลกชันล่าสุด “White Riot” (ไวต์ ไรออต) ตอกย้ำความเป็น Six P.M. ได้ดี นี่เป็นอีกความภูมิใจของ Six P.M. ที่ได้สร้างสรรค์งานที่ไม่ใช้สีอื่นๆ เลย นอกจากขาวกับดำ
“เรากลับมาย้อนคิดว่าอะไรคือแก่นรากของแบรนด์ สุดท้ายก็ได้คอนเซ็ปต์ทำเสื้อผ้ายังไงให้น่าสนใจและดูมีมิติ หากในคอลเลกชันนี้ไม่ใช้สีเลย ทั้งคอลเลกชันมีแต่ขาวกับดำ แต่ทำให้น่าสนใจ เป็นไอเดียที่ท้าทายมากเลยเป็นที่มาของการกบฏของสีขาว เอาสีขาวมากลืนไปทั้งคอลเลกชัน ตัดเย็บดีเทลต่างๆ ของเสื้อผ้า และซิลลูเอตที่น่าสนใจบวกกับการเก็บงานที่ไม่เพอร์เฟกต์ (Imperfect Details) มาเป็นเทคนิคหลัก”
“หลังจากเรียนจบคณะอุตสาหกรรมเกษตร ภาควิชาวิทยาการสิ่งทอ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บวกกับการชอบงานออกแบบอยู่แล้วจึงส่งงานเข้าประกวดจนได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดโครงการแกรนด์สปอร์ต ยังก์ดีไซเนอร์ คอนเทสต์ ประเภทชุดกีฬาชายกับผลงานชื่อ “สติ” เป็นชุดกีฬารถแข่ง และการประกวดครั้งนั้นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจว่าจะต้องทำแบรนด์ของตัวเองให้ได้”
เมื่อต้องต่อสู้และผ่านอุปสรรคไปให้ได้ “จากการทำวิจัยการตลาดของสังคมเมืองแล้วเจอว่าคนเมืองมีคาแรกเตอร์ที่สุดขั้ว สองด้านต่างกันที่สุด เป็นคนทำงานที่โปรเฟสชันนัลที่สุด ในขณะเดียวกันก็รีแลกซ์ที่สุดเกิดเป็นคาแรกเตอร์ของแบรนด์ที่เป็น Creative Luxury ตอนนั้น Six P.M. เจอกับน้ำท่วมใหญ่ และวิกฤตการเมือง รู้สึกว่าแบรนด์เดินอยู่บนวิบากกรรมมาตลอด แต่เรายังมีโอกาสไปออกงานแฟร์ และมีตลาดมาเห็นศักยภาพของแบรนด์ ตรงนั้นทำให้แบรนด์เริ่มเติบโต และยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ได้ออกไปเจอกับตลาดต่างประเทศ ทำให้ทีมงานได้เรียนรู้ ฝึกฝน และปรับเปลี่ยนตัวเองให้ชัดเจนขึ้น”
ฝ่าฟันวิกฤตที่หนักที่สุด! “จากการขยายตลาดไปสู่ยุโรปกับเอเยนซีแล้วโดนโกงกลับมาสูญเงิบนับล้าน วันนั้นทำให้เราเรียนรู้โลกมาก เป็นประสบการณ์ให้เราแกร่งขึ้น ต้องหาทางปรับตัวยังไงให้อยู่ได้ การจะอยู่ให้ได้ไม่ใช่ใครแข็งแกร่ง แต่ปรับตัวเก่งสุดคือรอดจากวิกฤต Six P.M. ยังคงพัฒนาแบรนด์ต่อไป การโฟกัสตลาดให้ลึกขึ้น โดยรักษาคาแรกเตอร์แบรนด์มากที่สุด แต่ถ้ากระแสตลาดกับคาแรกเตอร์แบรนด์ไม่ไปด้วยกันก็ต้องปรับตัวกัน”
การค้นพบตัวตนที่แท้จริง “Six P.M. แบรนด์ที่นำเสนอความครีเอทีฟได้แบบนุ่มนวล ไม่ตะโกนโวยวาย เป็นคนปฏิเสธสังคมลึกๆ ไม่โฉ่งฉ่าง ออกจะรั้นๆ นิดหนึ่ง หัวดื้อหน่อยๆ โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาในดีเทลที่จงใจ การตัดเย็บที่ดูเหมือนไม่เสร็จไม่เรียบร้อย เป็นใจแกนหลักของแบรนด์ เพราะเราเชื่อว่าความเพอร์เฟกต์ไม่มีจริง ฉะนั้นความหรูหราที่ไม่เพอร์เฟกต์กับไอเดียครีเอทีฟกลายเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ ดังนั้นถ้าใครได้เข้ามาเลือกซื้อเสื้อผ้าของแบรนด์นี้จะมีของให้เลือกทั้ง Main Line Items เป็นแฟชั่นที่จะอยู่ในตลอดเวลา หมดแล้วเติมใหม่ เป็นสินค้าที่บอกคาแรกเตอร์ของแบรนด์ได้ดี เช่น กางเกงทรงซิการ์แพนต์ เป็นผ้าหลายๆ ชิ้นมาตัดต่อ แต่คุมโทนสีเอาไว้ดูลุคคูลๆ เพราะความคูลก็เป็น luxury อย่างหนึ่งเหมือนกันซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย กับเสื้อผ้าที่เป็นคอลเลกชัน ล่าสุดคือ White Riot โทนสีขาวดำที่น่าสนใจมากๆ”
พบกับ Six P.M. แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทย พร้อมด้วยคอลเลกชันล่าสุด “White Riot” ได้แล้ววันนี้ ณ ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์
Comments are closed.