เปิดรันเวย์แฟชั่นประเทศปิด เรียกคืนสิทธิ์ความสวยไม่แพ้ฝั่งยุโรป!

>>เรื่องความสวยความงาม อยู่คู่กับสตรีเพศบนโลกนี้มาตั้งแต่สมัยอดัมกับอีฟจีบกันเลยก็ว่าได้ แน่นอนแฟชั่นก็เป็นหนึ่งศาสตร์แห่งความสวยที่ถูกผู้หญิงกลืนกินมันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เกิดในประเทศที่เรียกได้ว่า เข้มงวดเรื่องการแต่งตัว อีกทั้งยังมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์มากมายที่ทำให้ผู้หญิงหลายล้านคนบนโลกพลาดโอกาสที่จะได้แต่งตัวตามแฟชั่นดังใจตนปรารถนา

ประเพณี วัฒนธรรม รวมถึงศาสนา ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการจำกัดสิทธิ์ให้ผู้หญิงต้องยอมจำนนกับเสื้อผ้าที่พวกเธออาจจะมีความรู้สึกมากกว่าเบื่อเมื่อต้องสวมใส่มัน แต่จะทำอย่างไรได้นอกเสียจากการยอมจับมันยัดบนร่างกายแม้ว่าใจจะรู้สึกเอือมระอามันมากแค่ไหนก็ตาม แต่คุณอาจไม่คาดคิดว่าภาพลักษณ์ของการจำกัดสิทธิ์ของสตรีเหล่านั้น กำลังถูกปรับเปลี่ยนแก้ไข ดูได้จากรันเวย์โชว์แฟชั่นที่แม้ว่าจะไม่ได้อลังการ หรือตระการตาเท่าเมืองใหญ่อย่าง ปารีส มิลาน ลอนดอน หรือนิวยอร์กก็ตาม แต่รับรองว่ามันสื่อถึงความรู้สึกของความเป็นผู้หญิงที่อยากจะเรียกร้องสิทธิ์ให้ตัวเองมีโอกาสที่จะสวยได้ดังใจแต่ยังคงไว้ซึ่งความถูกต้องของชนชาติ



เริ่มที่ดินแดนภารตะ ที่ปัจจุบันแม้ว่ายังมีภาพความรุนแรงที่มีต่อผู้หญิง รวมถึงกฎเกณฑ์ ประเพณีโบราณที่จำกัดสิทธิ์ของผู้หญิงอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเธอเหล่าสาวแขกได้มีโอกาสแสดงพลังความสร้างสรรค์ ก็เทียบเท่ารันเวย์แฟชั่นใหญ่ๆ ได้เลยทีเดียว เสื้อผ้าที่ถูกดัดแปลงจาก ส่าหรี (ชุดประจำชาติอินเดีย) บวกกับรสนิยมแบบสมัยใหม่ ทำให้รันเวย์แฟชั่นของอินเดียดูน่าสนใจไม่น้อย และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนอกจากเสื้อผ้าบนรันเวย์แล้ว การแสดงพลังทางแฟชั่นที่คนทั่วโลกควรจะเชื่อได้แล้วว่าสาวอินเดียก็เป็นแฟชั่นเนเบิลได้ การันตีจากการที่อินเดียมีนิตยสารโว้ก ฉบับของตนเองก่อนบ้านเราซะอีก



มาถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ที่เพิ่งจะเริ่มเปิดประเทศไปได้ไม่นาน เป็นที่รู้กันดีว่าสาวชาวพม่าปกติแล้วก็จะนุ่ง ลองจี หรือผ้าถุงกับเสื้อตัวบนแบบแตกต่างกันออกไปแล้วแต่โอกาส เรียกได้ว่าใส่ผ้าถุงกันตั้งแต่เด็กจนแก่กันเลยก็ว่าได้ แต่หลังจากที่ทำการเปิดประเทศแล้วจึงเป็นโอกาสอันดีที่สาวชาวพม่าจะได้ปลดปล่อยพลังแห่งความสวยของผู้หญิงด้วยเสื้อผ้าแบบร่วมสมัย ในรันเวย์แฟชั่นที่ถูกจัดขึ้น ทำให้ทั่วโลกได้เห็นถึงการนำรูปแบบของเสื้อผ้าตามแบบฉบับประเพณี มาผสมกับความเป็นสมัยใหม่อีกทั้งยังไม่หลุดเทรนด์ เปิดโอกาสให้สาวชาวพม่าได้มีทางเลือกใหม่ๆ และถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการเจริญเติบโตของธุรกิจแฟชั่นของประเทศเพื่อนบ้านเราอีกด้วย









บินข้ามฝั่งไปกันที่โลกมุสลิมอันเป็นที่รู้กันดีว่าเขาเหล่านั้นเคร่งในศาสนาเพียงไร และที่สำคัญผู้หญิงที่อยู่ในดินแดนแห่งความศรัทธานั้นต้องใช้ชีวิตกันอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้ถูกกดดันจากคนทั่วทั้งโลก อีกทั้งเหล่าสตรีหัวสมัยใหม่ที่ไม่ยอมรับการจำกัดสิทธิ์ การบังคับด้วยกฏเกณฑ์เดิมๆ ดูได้จาก อัฟกานิสถานที่มีการจัดแฟชั่นโชว์อยู่เรื่อยๆ เสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมานั้นถูกลบภาพความน่าเบื่อออกไปแทบทั้งสิ้น หรือจะเป็นอิสราเอล ที่ประเทศนี้ถือว่าให้การสนับสนุนเรื่องแฟชั่นเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการมีแฟชั่นวีกระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าแฟชั่นนิสต้า และแบรนด์โลกอย่าง tel aviv fashion week และเป็นประเทศแรกๆ ที่แอนตี้การใช้นางแบบหุ่นไม้เสียบผี เรียกได้ว่าสนับสนุนให้ผู้หญิงสวยในแบบที่ตัวเองเป็นอย่างแท้จริง หากแต่ประเทศที่ยังเข้มงวดในเรื่องกฎเกณฑ์ทางศาสนา วัฒนธรรมอย่างอิหร่าน ก็ยังไม่ค่อยมีการสนับสนุนเรื่องการแต่งกายที่ผิดแปลกไปจากเดิมมากนัก แต่ก็ยังมีการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้แสดงความคิดและความสวยอยู่บ้าง



ประเทศสุดท้ายที่จะเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลกในเรื่องของการจำกัดสิทธิ์อย่างเกาหลีเหนือ ก็ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการแฟชั่นเพื่อให้ผู้หญิงในประเทศได้เห็นถึงความงามในรูปแบบของเกาหลีเหนือ ซึ่งนั่นมันก็ถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์อยู่ดี แต่ถ้าจะมองในแง่ดีก็ถือว่าทำให้ผู้หญิงเกาหลีเหนือมีทางเลือกที่จะทำให้ตนเองสวยมากขึ้น แม้ว่ามันจะล้าหลังและไม่ทันสมัยมากแล้วก็ตาม

แฟชั่น ความงามถือเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงทุกคน ในเมื่อคุณมีสิทธิ์ และอิสระในการแต่งตัวได้ตามใจแล้ว ก็อย่าได้ให้ความกลัวเข้ามาทำลายความมั่นใจของเราได้ เพราะหากมองไปถึงผู้หญิงที่ไม่มีโอกาสได้แต่งอย่างคุณแล้ว เชื่อเถอะค่ะคุณเป็นคนที่โชคดีมากคนนึงในโลกใบนี้แล้ว ดังนั้นเซเลบขอแนะนำว่าแต่งไปเลยค่ะ จะแนวไหนสไตล์ใครก็แต่งไปเลย ขอแค่ถูกกาลเทศะ และโอกาสที่จะแต่ง นอกนั้นไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ผู้หญิงอย่าหยุดสวย เซเลบอย่าหยุดรวยนะคะ :: Text by FLASH