Beauty

เพิ่มพลังสมองให้แจ่มใส ปรับไลฟ์สไตล์ทันภัยยุคดิจิตอล

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายแพทย์แกรี่ สมอลล์ สุดยอดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองจากสหรัฐอเมริกา ได้เดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ เพื่อร่วมงานเฮอร์บาไลฟ์ เอเชียแปซิฟิก เวลเนส ทัวร์ ครั้งที่ 6 โดยคุณหมอได้มาแบ่งปันมุมมองความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อสมองมนุษย์และรูปแบบพฤติกรรมการใช้ชีวิตในสังคม ในระหว่างกิจกรรมเสวนา คุณหมอเผยว่าคนเจเนอเรชันมิลเลเนียลหลายล้านคนทั่วโลกเสพติดอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำให้สมองของคนเราได้รับการกระตุ้นจากอุปกรณ์สื่อสารเป็นหลัก

คุณหมอยังได้แบ่งปันผลสำรวจของเฮอร์บาไลฟ์ซึ่งทำการสำรวจพนักงานออฟฟิศที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ในไต้หวันเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 61 ของคนทำงานกลุ่มนี้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นาน 6-10 ชั่วโมงต่อวัน และร้อยละ 78 รู้สึกว่า การใช้อุปกรณ์เหล่านี้นานเกินไปมีผลกระทบต่อความจำของพวกเขา รวมทั้งประมาณร้อยละ 60 ยอมรับว่าถึงขั้นหลงลืมข้าวของส่วนตัวเลยทีเดียว

สำหรับประเทศไทย รายงานล่าสุดของ Google Consumer Barometer เผยว่า ร้อยละ 53 ของคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตทุกวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 89 นับจากปี 2556 และร้อยละ 70 ของคนไทยใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นร้อยละ 126 นับจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วเช่นกัน

“ในยุคสมัยใหม่ เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา และเรารู้สึกว่ามันยากที่จะใช้ชีวิตโดยไม่มีสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ผู้คนพึ่งพาเทคโนโลยีกันอย่างมากจนมันส่งผลต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การทำงานการพูดคุยสื่อสาร และการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ตลอดจนส่งผลให้วิธีการทำงานของสมองเปลี่ยนแปลงไปด้วย” คุณหมอกล่าว

รายงานวิจัยหลายฉบับชี้ให้เห็นว่าชาวมิลเลเนียลจำนวนมากที่โตมาในยุคดิจิตอลเริ่มแสดงอาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องความจำระยะสั้นและโรคเกี่ยวกับความจำอื่น ๆ ตลอดจนเสียสมาธิง่ายและมีอาการหลงลืมด้วย “เราเติบโตมากับการจำเบอร์โทรศัพท์และวันเกิด ทว่าตอนนี้เรามีอุปกรณ์มากมายที่ช่วยจำสิ่งเหล่านี้แทนเรา
ผู้คนใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันอยู่กับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตจึงส่งผลกระทบเชิงลบต่อสมอง การใช้เทคโนโลยีมากเกินไปสามารถส่งผลต่อการพัฒนาสมองที่สมดุลได้” คุณหมออธิบาย

ฝึกฝนสมองให้แข็งแรงและเฉียบแหลมอยู่เสมอ

ในช่วงกิจกรรมเสวนา นายแพทย์แกรี่ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสุขภาพสมอง รวมทั้งข้อดีของการมีไลฟ์สไตล์ที่ช่วยให้สมองแจ่มใสอ่อนเยาว์และกระฉับกระเฉงอยู่เสมอรายงานวิจัยหลายฉบับของคุณหมอเผยว่า พันธุกรรมเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม อาการของโรคอัลไซเมอร์ และสัญญาณอื่น ๆ ของภาวะสมองเสื่อมถอยความจริงแล้วยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ สภาพร่างกาย วิธีจัดการกับความเครียด การกระตุ้นการทำงานของสมอง และโภชนาการ ที่เราต้องให้ความใส่ใจกันมากขึ้น “ข่าวดีก็คือ ความจำของเราไม่จำเป็นต้องเสื่อมถอยไปตามวัย มีรูปแบบการใช้ชีวิตมากมายที่ช่วยลับสมองของเราให้เฉียบแหลมอยู่เสมอ การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้เซลล์สมองกระฉับกระเฉงตื่นตัว ในขณะที่วิธีการฝึกฝนสมองและทบทวนความจำ เช่น เกมปริศนาอักษรไขว้ ซูโดกุ หรือการเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ ก็ช่วยเสริมสร้างสมองได้เหมือนกัน การลดความเครียดจะช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียความจำได้ เนื่องจากคนที่มักมีอาการเครียดจะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคด้านสมองได้ง่ายกว่า” คุณหมอกล่าว

นอกจากนี้ คุณหมอยังกล่าวถึงผลวิจัยล่าสุดที่ทำการทดสอบกับอาสาสมัครสูงอายุกว่า 900 คน พบว่า การปรับนิสัยให้หันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพสมอง ซึ่งอุดมไปด้วยโภชนาการสำคัญ ๆ อย่างถั่วต่าง ๆ ผักและผลไม้ เมล็ดถั่ว น้ำมันมะกอก ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี และปลานั้น ช่วยชะลอการเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้(cognitive decline) ได้เป็นอย่างมาก กล่าวคือสามารถช่วยให้สมองแจ่มใสอ่อนเยาว์ลงไปได้อีกถึง 7.5 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโภชนาการมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสุขภาพสมองอย่างไม่อาจแยกจากกันได้ การรับประทานอาหารที่ดีและถูกต้องมีส่วนสำคัญที่ช่วยบำรุงสุขภาพสมองให้สดใสแข็งแรง

“เป็นเรื่องสำคัญมากที่คนทุกเพศทุกวัยต้องตระหนักว่า มีวิธีการเสริมสมรรถภาพด้านสมองอย่างง่าย ๆ และนำไปใช้ได้จริงมากมาย ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปที่จะเริ่มฝึกฝนสมองกันตั้งแต่ตอนนี้ คนรุ่นใหม่อาจจะเริ่มจากการฝึกทักษะง่าย ๆ เช่นเทคนิคการจำ และการพูดคุยสื่อสารแบบพบเจอหน้ากัน ซึ่งจะช่วยฝึกเรื่องการสบตาคู่สนทนาและกิริยาท่าทางในการสนทนาโดยไม่ต้องใช้คำพูดไปด้วยในตัว ลองใช้วิธีการฝึกฝนสมองแบบนี้ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน รวมทั้งนอนหลับให้เพียงพอ จัดการกับความเครียด และรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพสมอง เมื่อเราปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้กระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดีกันตั้งแต่วันนี้ สมองของเราก็จะแจ่มใสแข็งแรงไปอีกนานแสนนาน” นายแพทย์แกรี่ กล่าวสรุป

Comments are closed.

Pin It