World Celeb

"อะแมนด้า ชึง" ยกหอศิลป์อิตาลีมาที่ฮ่องกง

Pinterest LinkedIn Tumblr


การจะนำยอดศิลปะจากยุคเรอเนสซองส์ของอิตาลี อย่าง ซานโดร บอตติเชลลิ มาจัดแสดงยังเอเชียไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่กำลังเกิดโรคระบาดที่ยังหาทางออกกันไม่ได้ 100%


ทว่า อะแมนด้า ชึง ไม่ลดละความพยายาม เธอต่อสู้ฝ่าฟันจนสามารถนำเอานิทรรศการภาพเขียนจากต้นยุคเรอเนสซองส์จากพิพิธภัณฑ์หอศิลป์แห่งชาติเมืองฟลอเรนซ์ มาจัดแสดงต่อหน้าคนรักศิลปะที่ฮ่องกงได้ ในช่วงที่โรค Covid-19 ยังไม่คลี่คลาย

นิทรรศการ ‘Botticelli and His Times – Masterworks from the Uffizi’ คือหนึ่งในซีรีส์งานศิลปะที่จัดโดยฮ่องกงจ๊อกกี้คลับ ที่ได้คัดสรรผลงานอันโดดเด่นของ ซานโดร บอตติเชลลิ มาจัดแสดงให้ชมไปถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2021 นู่นเลย


ด้วยความวุ่นวายปั่นป่วนของโรคระบาดร้ายแรง ที่กินอาณาเขตไปทั่วทั้งโลก ทำให้ยากที่จะวางแผนการอะไรล่วงหน้า นั่นคือความท้าทายครั้งใหญ่ของ อะแมนด้า ชึง กรรมการผู้จัดการสาวสวยของ เฟิร์สต์ อินนิเชียทีฟ ฟาวเดชั่น (เอฟไอเอฟ) มูลนิธิที่มุ่งมั่นจะเป็นศูนย์การเรียนรู้ ได้วิ่งเต้นติดต่อกับพันธมิตรมากมายจนสามารถนำเอานิทรรศการดีๆ จากอิตาลีมาจัดแสดงที่ฮ่องกง

พันธมิตรคนสำคัญที่ไม่รีรอให้ความร่วมมือ คือ พิพิธภัณฑ์หอศิลป์แห่งฮ่องกง ที่ตอบรับมูลนิธิเอฟไอเอฟทันทีที่เห็นโครงการ มอบสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ ‘Botticelli and His Times – Masterworks from the Uffizi’ ที่ประกอบไปด้วยผลงานจากจิตรกรสมัยเรอเนสซองซ์ผู้เอกอุกว่า 40 ชิ้นงาน ที่ส่งตรงมาจากอุฟฟิซี่ แกลเลอรี่ (พิพิธภัณฑ์หอศิลป์) ของเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี พร้อมทั้งกิจกรรมสนุกๆ เกี่ยวกับศิลปะและการเรียนรู้ให้ร่วมมากมาย ระหว่างช่วงเวลา 4 เดือนของการจัดแสดง

มูลนิธิเอฟไอเอฟ ก่อตั้งขึ้นมาโดย มิเชล ออง-ชึง มารดาของอะแมนด้า เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา โดยมุ่งหวังให้เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ซึ่งศิลปะมีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงสังคมเข้าด้วยกันมาตลอดระยะเวลา 10 ปี และจะยังเป็นเสาหลักของกิจกรรมของมูลนิธิต่อไป


“ฉันตื่นเต้นมากที่ได้เข้ามาบริหารมูลนิธิที่มหัศจรรย์นี้ และสนุกกับทุกโครงการที่ทำ โดยเฉพาะกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ทั้งการสรรหาคนที่มีความสามารถโดดเด่น หรือการนำเอาประสบการณ์ดีๆ มาฝากชาวฮ่องกง อย่างเช่น การทำให้ศิลปะและสิ่งล้ำค่าจากพิพิธภัณฑ์ เข้ามาใกล้ชิดเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน” อะแมนด้า ที่มีส่วนร่วมในมูลนิธิฯ ตั้งแต่วันแรกของการดำเนินการ กล่าว

“ฉันมาช่วยแม่ทำงานตั้งแต่แรก ส่วนใหญ่จะช่วยด้านการดีไซน์ หรือมาช่วยงานอีเวนต์บ้างตอนปิดภาคเรียน และเข้ามาเป็นผู้บริหารเต็มตัวหลังจากย้ายกลับมาอยู่ฮ่องกงเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้ก็กลายเป็นงานเต็มเวลาของฉันไปแล้วค่ะ”


นอกเหนือจากบทบาทกรรมการผู้จัดการของ เฟิร์สต์ อินนิเชียทีฟ ฟาวเดชั่นแล้ว อะแมนด้า ชึง ยังเข้าไปจับกิจการร้านอาหารหลายแห่งในฮ่องกง เป็นสาวนักธุรกิจที่งานรัดตัวคนหนึ่ง

“ทุกๆ วันฉันจะเริ่มงานที่เอฟไอเอฟแต่เช้า เพื่อที่จะบริฟต์สิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันให้บรรดาสตาฟฟ์ ก่อนจะไปยังออฟฟิศของกิจการร้านอาหาร ช่วงพักกลางวันฉันก็จะพูดคุยออนไลน์ ตามงานกับเจ้าหน้าที่ที่เอฟไอเอฟ และก็เช็คงานอีกรอบหลังเลิกงานบริหารกลุ่มภัตตาคาร”

เคล็ดลับของอะแมนด้า คือการรักษาสมดุลระหว่าง 2 งาน เช่นเดียวกับการบริหารเวลา รวมทั้ง พยายามมองโลกในแง่บวก และไม่ปฏิเสธโอกาสใหม่ที่ท้าทายเข้ามา


“การบริหารเวลานี่สำคัญมากในทุกๆ วันและในทุกเรื่องเลยค่ะ การจัดลำดับความสำคัญ เป้าหมายในแต่ละวัน ส่วนใหญ่ก็จะมีเรื่องจุกจิกมาทำให้เสียแผนอยู่เรื่อย ซึ่งฉันก็ค้นพบด้วยว่า เราไม่ต้องทำตามตารางเป๊ะๆ เสมอไปหรอก บางทีก็ปล่อยตามน้ำไปบ้างเพื่อความเหมาะสม จริงๆ แล้วความสุข ความสบายใจสำคัญที่สุด เป้าหมายเป็นเรื่องรองลงมาจริงๆ ค่ะ”

อะแมนด้า ยกตัวอย่างล่าสุด ก็คือ นิทรรศการบอตติเชลลิ ที่จริงๆ แล้วต้องจัดก่อนหน้านี้ แต่กว่าจะทำให้เป็นจริงได้ก็ปลายเดือนตุลาคม

“เราก็แค่ทำใจร่มๆ แล้วมองว่า เป็นความท้าทายในการทำงาน ในที่สุดผลก็ออกมาดีค่ะ ช้าหน่อย แต่ก็ได้มา แถมยังเป็นนิทรรศการใหญ่ของบอตติเชลลิครั้งแรกของโลก ที่จัดนอกพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ฟลอเรนซ์อีกด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น ชาวฮ่องกงไม่ควรพลาด”

Comments are closed.

Pin It