การหลบหนีลี้ภัยของบรรดาผู้นำ สาเหตุมักเกิดจากการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง หรือไม่ก็ทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้ต้องระเห็จระเหเร่ร่อนไปเสาะหาแผ่นดินอื่นอยู่ แม้ว่าหลายคนจะยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างสุขสบาย แต่ลึกๆ แล้วพวกเขาคงโหยหาสิ่งที่ถูกพรากไปอยู่ดี
:: บาชาร์ อัล-อัสซาด
ผู้นำซีเรียได้ลี้ภัยไปยังรัสเซีย พร้อมกับภรรยาและลูกๆ แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าพวกเขาไปพำนักอยู่ที่ไหน แต่มีข่าวว่าครอบครัวนี้มีบ้านพักหรูอยู่ในกรุงมอสโก Financial Times เคยรายงานเมื่อปี 2019 ว่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอัสซาดได้ซื้ออพาร์ตเมนต์อย่างน้อย 18 แห่งใน Gorod Stoliz (ศูนย์กลางเมืองหลวง) ของมอสโก เป็นตึกระฟ้าสองแห่งในย่านการเงินใหม่ของมอสโก แต่ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะอาศัยอยู่หลังกำแพงสูงของบ้านในชนบท ที่ซึ่งบุคคลระดับสูงของรัสเซียหลายคนอาศัยอยู่เช่นกัน ล่าสุด มีข่าวว่า อัสมา อัล-อัสซาด-ภริยา ขอหย่าจากสามีเพื่อเดินทางกลับอังกฤษ เพราะเธอเป็นพลเมืองอังกฤษ ยังคงมีหนังสือเดินทางอังกฤษอยู่ และไม่ได้ถูกห้ามเข้าประเทศ แต่เรื่องนี้คงสร้างความลำบากใจให้กับรัฐบาลอังกฤษไม่น้อย
:: ฮวน คาร์ลอส
ในเดือนสิงหาคม 2020 อดีตกษัตริย์แห่งสเปน ได้แถลงอย่างเป็นทางการถึงสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเป-พระโอรสว่า เขาจะโยกย้ายไปต่างประเทศ และเขาได้ออกจากพระราชวังซาร์ซูเอลาในกรุงมาดริดแล้ว เพราะถูกกล่าวหาว่ารับสินบนหลายล้าน และถูกศาลฎีกาสอบสวน เริ่มแรกเขาไปพำนักอยู่ที่โรงแรมเอมิเรตส์ พาเลซ ในอาบูดาบี ปี 2021 เขาย้ายไปอยู่บนเกาะนูไร ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัว มีวิลล่าหลังใหญ่ 1,050 ตร.ม. มูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นของ “ชีค คาลิฟา บิน ซายิด อัล-นาห์ยาน” ชีวิตประจำวันที่ถูกบอกเล่าในหนังสือ ‘Mon roi déchu’ (My Fallen King) ของนักเขียนชาวฝรั่งเศส “ลอเรนซ์ เดอเบรย์” บรรยายว่าอดีตกษัตริย์วัย 83 ปี คงคิดถึงอาหารสเปนเป็นพิเศษ จึงได้สั่งแฮมไอบีเรียเซอร์ราให้ไปส่งที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประจำ นอกจากนั้น แล้วเขายังมีพนักงานรับใช้สองคนคอยดูแล รวมถึงบอดี้การ์ดอีกสี่คน ทุกวันนี้ฮวน คาร์ลอสต้องใช้ไม้ค้ำเวลาเดิน เพื่อบรรเทาอาการปวดสะโพก เขาออกกำลังกายภายในโถงซาลอนของวิลล่าตอนเช้า ต่อด้วยการว่ายน้ำ จากนั้นเขาก็อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาสเปน ติดต่อกับราชินีโซเฟีย และบุตรสาวทั้งสองผ่านทางโทรศัพท์ วิดีโอคอล หรือส่งข้อความ รวมถึงโทรศัพท์หาทนายของเขา ตามลำดับทุกวัน
:: ฟาราห์ ปาห์ลาวี
อดีตจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน พระอัครมเหสีของ “พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี แห่งอิหร่าน” ที่ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดช่วงการปฏิวัติปี 1978 เธอและจักรพรรดิพร้อมสมาชิกครอบครัวออกจากอิหร่านในเดือนมกราคม 1979 หลังจากได้รับการตัดสินโทษประหารชีวิต จักรพรรดิเรซาฉลองวันเกิดครบรอบ 60 ปีในเดือนตุลาคม 1979 ที่นิวยอร์ก ก่อนที่ครอบครัวจะไปอาศัยอยู่ในอียิปต์ในปีถัดมา และเสียชีวิตที่นั่นในเดือนกรกฎาคมของปีเดียวกัน ด้วยโรคมะเร็ง ทำให้ฟาราห์ ปาห์ลาวีกลายเป็นม่ายในวัย 41 ปี และต้องใช้ชีวิตแบบผู้ลี้ภัยอย่างลำพัง แต่เธอก็ไม่ได้ขัดสน หลังจากสองปีในอียิปต์เธอก็ไปตั้งถิ่นฐานอย่างสบายในสหรัฐอเมริกาและต่อมาในฝรั่งเศส โดยเธอพยายามถอยห่างจากสาธารณชนเป็นเวลาหลายปี ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่ในปารีสเป็นหลัก ในขณะที่อิหร่านบ้านเกิดของเธอ ผู้คนยังคงต่อสู้เพื่ออิสรภาพและความยุติธรรมภายใต้การปกครองของกลุ่มมุลลาห์ ซึ่งเคยขับไล่จักรพรรดิและครอบครัวของเธอออกจากประเทศ เมื่อปี 2022
Comments are closed.