หนึ่งในผู้นำเผด็จการที่ปกครองประเทศยาวนานที่สุดในโลก ได้ประกาศก้าวลงจากอำนาจ หลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมา 38 ปี สมเด็จฮุนเซนของกัมพูชากล่าวในการปราศรัยทางทีวีเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง พร้อมแต่งตั้ง “ฮุน มาเนต” บุตรชายคนโตวัย 45 ปีของเขา ให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมนี้
“ข้าพเจ้าขอให้ประชาชนทุกคนเข้าใจว่า ข้าพเจ้าจะไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปแล้ว” สมเด็จฮุนเซนกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม นักการเมืองวัย 70 ปียังไม่ต้องการเกษียณอย่างสมบูรณ์ “ข้าพเจ้าจะยังคงเป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลและเป็นสมาชิกสภาแห่งชาติ พร้อมทั้งยืนยันว่า “บุตรชายของข้าพเจ้าจะไม่สืบทอดบทบาทนี้นอกกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายเด็ดขาด” นั่นหมายความว่า ฮุน มาเนต จะต้องผ่านการเลือกตั้งรัฐสภาครั้งแรกเสียก่อน
ฮุน มาเนต เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1977 เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 5 คนของ “บุนรานี” และสมเด็จฮุนเซน ที่เคยบรรยายไว้เป็นสำนวนบทกวีว่า ฮุน มาเนต เกิดจากวิญญาณที่แย้มฉายจากต้นไทรในแสงวาบ เขาใช้ชีวิตวัยเด็กในกรุงพนมเปญ และเข้าร่วมเป็นทหารในปี 1995 และยังไปศึกษาต่อในระดับสูงที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษด้วย จนได้ชื่อว่าเป็นชาวกัมพูชาคนแรก ที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยกองทัพบกสหรัฐฯ ที่เมืองเวสต์พอยต์ (ในปี 1999) นอกจากนั้น ฮุน มาเนต ยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (2002) และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบริสตอล (2008) ในประเทศอังกฤษ
ฮุน มาเนต ได้เลื่อนตำแหน่งในกองทัพกัมพูชา รวมทั้งตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ เป็นผู้บัญชาการหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย, ผู้บัญชาการทหารบกราชอาณาจักรกัมพูชา และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเยาวชนของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) และได้เข้าร่วมในคณะกรรมการถาวร เมื่อเดือนธันวาคม 2021 สมเด็จฮุนเซน เสนอชื่อบุตรชายคนโตเป็นตัวเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้นำแทน และต่อมาไม่นาน พรรคประชาชนกัมพูชาก็รับรอง ฮุน มาเนต เป็น “นายกรัฐมนตรีในอนาคต”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฮุน มาเนต ให้สัมภาษณ์กับสื่อน้อยครั้งมาก และบอกเล่าวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อกัมพูชา และประชากร 16 ล้านคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปกติแล้วเขามักหลีกเลี่ยงการกล่าวปราศรัยยาวๆ ในระหว่างหาเสียง แต่จำกัดตัวเองอยู่แค่ส่งยิ้มและโบกมือเป็นส่วนใหญ่ ในการหาเสียงเมื่อไม่นานมานี้ เขากล่าวว่า การลงคะแนนเสียงให้กับพรรค CPP เท่ากับเป็นการลงคะแนนเสียงเพื่ออนาคตที่สดใส อีกทั้งยังกล่าวเตือนถึงความพยายามของ “กลุ่มหัวรุนแรง” ว่าไม่ควรที่จะ “ทำลายบรรยากาศการเลือกตั้ง”
เมื่อปี 2015 ฮุน มาเนต เคยให้สัมภาษณ์กับช่อง Australian Broadcasting Corp ว่า กัมพูชาต้องรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคง “ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม” ส่วนเส้นทางการก้าวขึ้นสู่อำนาจของเขานั้น กำลังเป็นที่จับตามองของประเทศมหาอำนาจ เขาจะสืบทอดแนวทางเผด็จการของผู้เป็นบิดา หรือเปิดเสรีตามแนวทางประชาธิปไตยแบบตะวันตกมากขึ้น?
ฮุน มาเนต สมรสแล้วกับ “เพชร จันมุนี” บุตรสาวของนักการเมืองคนสำคัญในกัมพูชา ซึ่งทำงานด้านสังคมสังเคราะห์ และงานด้านการพัฒนาชนบท ทั้งสองมีบุตรและธิดาด้วยกัน 3 คน
Comments are closed.