World Celeb

"ลีแจยอง" ก้าวขึ้นเป็นประธานบริหารซัมซุงคนใหม่ หลังพ้นโทษจำคุก 2.5 ปี

Pinterest LinkedIn Tumblr


ในที่สุด ลีแจยอง ลูกชายคนเดียวของอดีตประธานซัมซุง ลีกุนฮี ก็ได้สืบทอดตำแหน่งของพ่อ หลังผ่านวิกฤตชีวิตที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีติดสินบนนักการเมือง รวมทั้ง คดียาเสพติด แม้จะมีการคาดเดากันว่า ตำแหน่งนี้อาจจะตกเป็นของ ลีบูจิน น้องสาวผู้บริหารธุรกิจโรงแรมหรูในเครือซัมซุงจะได้ขึ้นมาแทนที่เขา แต่สังคมเกาหลีที่สืบทอดกันผ่านผู้ชายเป็นใหญ่ ยังคงเข้มแข็ง และรอการกลับมาหลังพ้นโทษของลีแจยองในวันนี้

ลีแจยอง มีบุคลิกเรียบง่าย ติดดิน ไม่ค่อยชอบออกสื่อ แม้ว่าจะเป็นทายาทอันดับหนึ่งของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง อย่างซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ โดยได้รับการฝึกฝนอย่างประคบประหงมใกล้ชิดจากบิดา อดีตผู้บริหารสูงสุดของ “แชโบล” แห่งนี้ ที่มีธุรกิจตั้งแต่ด้านเทคโนโลยี ธุรกิจประกันภัย ไปจนถึงธุรกิจขนส่ง และอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2012 ซัมซุง มีรายได้กว่า 371 พันล้านดอลลาร์ มากกว่า 4 เท่าของจีดีพีรวมของชาวเกาหลีเสียอีก


ในวัย 45 ลีแจยอง ขึ้นเป็นรองประธานของซัมซุง ในปี 2012 เพื่อวางรากฐานในการเป็นประธานบริหารสูงสุดในอนาคต ตอนนั้น บิดาของเขาเริ่มสุขภาพแย่ลง และต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลจากอาการหัวใจวาย ทุกสายตาจึงยิ่งจับจ้องมาที่เขา

“รองประธานของเราเป็นนักคิดกลยุทธ์ และเขาก็ทรงอิทธิพลมากต่อทิศทางในอนาคตของซัมซุง” ผู้บริหารคนหนึ่งเล่า “แต่เขาไม่ชอบพูดคุยกับสื่อเท่าไหร่ เขาชอบทำงานแก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ตก เขาไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะพบปะประชุมกับลูกค้าคนสำคัญ และไม่ลังเลที่จะปฏิเสธสัญญาที่ไม่เวิร์กทั้งหลายอย่างเด็ดขาด แบบที่คนอื่นอาจจะไม่กล้าทำ”


นอกจากภาษาแม่ อย่างเกาหลีแล้ว ลีแจยอง ยังเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นอีกด้วย ก่อนหน้านี้ สื่อท้องถิ่นขนานนามให้เขาเป็น “เจ้าฟ้าชายแห่งอาณาจักรซัมซุง” ซึ่งเขาได้กลายเป็นหน้าตาของบริษัท หลังจากที่ได้พบปะกับผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลก ทั้งผู้นำจีนและสหรัฐอเมริกา เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลุ่มบริษัทซัมซุงสามารถเข้าไปทำธุรกิจในสองประเทศได้อย่างราบรื่น

เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ต้อนรับซีอีโอของกูเกิล แลร์รี เพจ ที่มาเยือนกรุงโซล ลีแจยอง เป็นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสมาพบปะพูดคุยกับแลร์รี และยังได้พาเขาทัวร์กรุงโซล รวมทั้ง พาเยี่ยมชมกิจการของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ อีกด้วย เขาถือโอกาสนี้ แสดงเทคโนโลยีล่าสุดของบริษัท อย่างเช่น หน้าจอแบบพับได้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเทคโนโลยีกูเกิล กลาส แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ ในการนี้ แต่ก็ได้ตกลงที่จะร่วมมือกัน เพื่อต่อสู้แย่งส่วนแบ่งตลาดกับแอปเปิล ทำให้ซัมซุงกลายเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดที่อาศัยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล ขณะที่พัฒนาระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตัวเองไปพร้อมๆ กัน


ลีแจยอง ไม่ชอบทำตัวโดดเด่นในสังคม เขาไม่มีแอคเคาต์ทวิตเตอร์ คนนอกบริษัทซัมซุงรู้จักเขาน้อยมาก แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลสำคัญมากที่สุดคนหนึ่งของแชโบลยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ก็ตาม ส่วนใหญ่รู้เรื่องพื้นๆ อย่าง เขาศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลีใต้ ในกรุงโซล ทางด้านประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก ก่อนไปจบเอ็มบีเอจากมหาวิทยาลัยเคโอะ ในญี่ปุ่น รวมทั้ง เข้าเรียนปริญญาเอกทางด้านบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ด แต่ไม่ได้ศึกษาจนจบ ก่อนจะเข้ามาทำงานในซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อปี 1991

ขณะที่นักวิจารณ์บางคนเห็นว่า ลีแจยอง ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน แถมปราศจากบุคลิกของผู้บริหารแบบผู้เป็นพ่อ เขาดูป็นคนเงียบๆ ชอบง่วนทำงานแบบตัวคนเดียว จะบริหารธุรกิจขนาดใหญ่แบบนี้ไหวเหรอ? “เขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เราไม่รู้ว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของซัมซุงกล่าว อย่างไรก็ตาม อดีตเบอร์สองของซัมซุง ได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้เป็นพ่อ และเรียนรู้อย่างรวดเร็ว


“เขาเป็นคนฉลาดมาก และชอบคิดนอกกรอบ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อซัมซุงในอนาคต” กลุ่มผู้บริหารที่ก่อตั้งโดยคุณปู่ของลีแจยองที่เห็นเขามาตั้งแต่เด็กบอกอีกว่า “เขาตั้งอกตั้งใจทำงาน และเป็นนักธุรกิจที่จริงจังกับการงาน”

นอกเหนือจากงานบริหารแล้ว เขามักจะเจียดเวลามาตอบอีเมลด้วยตัวเอง และถ้าว่างยิ่งกว่านั้น เขาชื่นชอบจะไปขี่ม้า และเล่นกอล์ฟ

ในสายตาของนักลงทุน ลีแจยอง อาจจะมีความกดดันเรื่องจะประสบความสำเร็จในฐานะนักบริหาร แต่สำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟนของซัมซุง ที่ซบเซามาเป็นเวลา 3 ปี มีอนาคตที่สดใสขึ้นมามากแล้ว

ชีวิตส่วนตัวของ ลีแจยอง มีลูกชายและลูกสาว อย่างละ 1 คน กับอดีตภรรยา ลิมเซรยุง ที่หย่าขาดจากกันไปเมื่อปี 2009

ในปี 2017 เขาถูกฟ้องในคดีติดสินบน ฉ้อโกง และให้การเท็จ ลีแจยองถูกสอบสวนนานถึง 22 ชั่วโมง คดีนี้เป็นคดีที่คึกโครมมาก โดยนำไปสู่การปลดประธานาธิบดีเกาหลีใต้ขณะนั้น อย่าง พัคกึนฮี ในเดือนต่อมา และลีแจยองก็ถูกตัดสินว่า ผิดจริงในคดีติดสินบนพัคกึนฮีและเพื่อนของเธอ ชอยซุนซิล

คดีนี้ทำให้ชาวเกาหลีหันมามีทัศนคติในแง่ลบกับบรรดาแชโบลทั้งหลาย สังคมเกาหลีใต้ส่วนใหญ่รู้สึกโกรธบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่เหล่านี้ ที่ดำเนินการแบบไม่ตรงไปตรงมา แต่ในที่สุด หลังต่อสู้ถึงฎีกา ลีแจยอง ก็รับโทษ 2.5 ปี หลังจากที่ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุก 12 ปี

นอกจากคดีที่คึกโครมดังกล่าวแล้ว ลีแจยองยังเคยถูกจับในคดีใช้ยาเสพติด ในปี 2015 และ 2020 โดยไปฉีดที่คลินิกศัลยกรรมตกแต่ง และถูกตัดสินให้จ่ายค่าปรับ 60,055 ดอลลาร์

Comments are closed.

Pin It