World Celeb

“แนนซี่ เพโลซี่” ตัวจุดฉนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 !? ประวัติชีวิตไม่เบาเลยจริงๆ

Pinterest LinkedIn Tumblr


ข่าวที่โด่งดังที่สุดในโลกในตอนนี้ คงไม่มีอะไรน่าลุ้นไปกว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา “แนนซี่ เพโลซี่” ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่มหาอำนาจ อย่างอเมริกากับจีน ที่โดยปกติก็ไม่ค่อยจะลงรอย เป็นมิตรกันสักเท่าไรอยู่แล้ว ให้ยิ่งขัดแย้งกันขึ้นไปอีก เพราะจีนที่ดำเนินนโยบาย One China (วัน ไชน่า) ถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน จึงไม่สามารถมีสัมพันธ์การทูตกับประเทศอื่น ถึงขนาดรับรองการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการของผู้บริหารประเทศระดับสูงแบบนี้

ท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่น ที่ทางจีนเตรียมพร้อมระดมกำลังพลพร้อมรบในระดับสูงสุด และขบวนทีมเดินทางมาเยือนเอเชียของประธานสภาสหรัฐในครั้งนี้ก็นำกำลังมาเต็มอัตราศึก ขนทั้งเรือรบ และเครื่องบินรบ พร้อมรักษาความปลอดภัยไปจนถึงการเผชิญหน้า ทำให้ทั้งโลกจับตามองการเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะเกิดการขัดแย้งกันจนลามไปถึงขั้นสงครามโลกได้


ดังนั้นวันนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ “แนนซี่ เพโลซี่” หญิงที่อาจเป็นผู้จุดฉนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 นี้กันว่า เธอเป็นใครมาจากไหน และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง

แนนซี่ ในวัย 82 ปี มีเกียรติศัพท์มากมายในแวดวงการเมืองสหรัฐ เธอได้รับการจารึกในฐานะเป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถก้าวถึงตำแหน่ง บิ๊ก3 ของสหรัฐอเมริกา (ประธานาธิบดี, รองประธานาธิบดี, ประธานสภา) โดยตำแหน่งประธานสภาของเธอนั่นมีความสำคัญอยู่ที่ถือเป็นลำดับที่ 3 ในการบริหารประเทศ นั่นคือถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ ขึ้นกับ ประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ เธอจะได้รับหน้าที่รักษาการผู้นำของประเทศในทันที


แนนซี่เป็นชาวอเมริกันสายเลือดอิตาลี ที่เติบโตมาในครอบครัวการเมือง โดยบิดาของเธอเคยเป็นสส.ของรัฐแมรี่แลนด์ และทั้งบิดาและพี่ชายของเธอเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองบัลติมอร์มาแล้ว ส่วนแม่ของเธอก็พาเธอเรียนรู้งานและพากันช่วยครอบครัวทำงานด้านการเมืองมาโดยตลอด

หลังจากเรียนจบเธอแต่งงานมีลูกถึง 5 คน แต่ในขณะเป็นแม่บ้าน เธอก็ได้ทำหน้าทีอาสาสมัครให้กับพรรเดโมเครต ร่วมแคมเปญหาเสียงของเหล่าส.ส.และส.ว.ในพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียทางตอนเหนือ ก่อนที่กระโดดเข้าร่วมเต็มตัวและได้รับเลือกตั้งในเข้าสู่สภาในวัย 47 ปี ในฐานะผู้แทนของเขตซานฟรานซิสโก และในปี 2550 เธอก็ได้ก้าวสู่ตำแหน่งประธานสภาในวัย 67 ปี ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ สาเหตุหลักที่ทำให้เธอก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เป็นเพราะการที่เคยเป็นอาสาสมัครให้กับส.ส.และส.ว.มาหลายปี ทำให้รู้จักผู้คนมากมาย ว่ากันว่าเข้าสภาไปสมัยแรกเธอก็รู้จักหรือเคยร่วมงานกับคนครึ่งสภามาแล้ว นอกจากนี้เธอยังถือเป็นฐานเงินสำคัญของพรรค และสามารถหาเงินสนับสนุนเข้าพรรคได้มากที่สุด


นอกจากนี้หลายคนยังรู้จักเธอในนาม สาวแสบคู่กัดของทรัมป์ โดยในสมัยที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี แนนซี่ก็นั่งแท่นประธานสภา และก็มีเรื่องขัดแย้ง ทะเลาะ จิกกันแซะกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายวาระ การแพร่ระบาดโควิด และการชัตดาวน์ภาครัฐ ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดเสียงต่อต้านและคำถามมากมายกับพฤติกรรมการแก้ปัญหาในยามเกิดวิกฤตของทรัมป์ที่ไม่มีประสิทธิภาพก็มีแนนซี่เป็นกระบอกเสียงคอยตอบโต้กับทรัมป์อยู่ตลอด อีกทั้งยังเคยยืนฟ้องทรัมป์ว่าได้ทำการทรยศต่อคำปฏิญาณตนและขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งประเทศ

ด้านเรื่องชีวิตส่วนตัวนั่น สำหรับเช้าวันพุธนี้ขณะที่แนนซี่กำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญในต่างแดนที่ขึ้นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก ในเวลาเดียวกันด้านสามีของเธอ “พอล เพโลซี่” เองก็ได้ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่เหตุผลต่างกันฟ้ากับเหว เพราะเขาตกเป็นข่าวดัง เนื่องจากต้องขึ้นศาลมีกำหนดต้องชี้แจ้งต่อผู้พิพากษาในคดีเมาแล้วขับ ที่เขาถูกจับตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยขับรถชนกับรถอีกคันที่บริเวณทางแยก ก่อนจะวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ระดับ 0.8 ซึ่งเกินกว่ากำหนดตามกฎหมายจราจร จึงโดนตำรวจจับและประกันตัวไปด้วยเงิน 5,000 เหรียญ หรือราว 180,000 บาท


แนนซี่ กับ พอล ถือเป็นคู่รักมาราธอน ทั้งคู่รักกันตั้งแต่วัยเรียน สมัยมหาวิทยาลัยและแต่งงานกันมานานเกือบ 60 ปีแล้ว ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 5 คน และหลานอีก 9 คน โดยพอลเป็นนักธุรกิจ ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ มีไร่ไวน์ เซนต์เฮเลน่า ใน นาปา วัลเล่ย์ และมีอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในซานฟรานซิสโก อีกทั้งยังเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษา บริษัทหลักทรัพย์ และเขายังเคยเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอล ซาคราแมนโต้ เมาน์เท่น ไลอ้อน

อีกหนึ่งรายได้สำคัญของ 2 สามีภรรยาคู่นี้ที่มีทรัพย์สินรวมกันอยู่ราว 4,500 ล้านบาท คือ การลงทุนในหุ้น ซึ่งพอลถือหุ้นในบริษัทระดับท๊อปมากมาย ทั้ง Apple Facebook Google Microsoft Amazon ทำเงินจากการเทรดหุ้นได้จำนวนมาก และได้เกิดเสียงครหาหลายครั้ง เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าในฐานะคู่สมรสของประธานสภาอาจทำให้เขารู้ข่าววงใน รู้ความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อการขึ้น-ลงของตลาดหุ้นได้ และทางด้านพรรคเดโมแครตของแนนซี่เองก็มีการเคลื่อนไหวให้ห้ามเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและครอบครัวมีสิทธิ์ซื้อขายหุ้นทำกำไรจากหุ้นได้ ซึ่งแนนซี่เองต่อต้านแนวคิดนี้อย่างมาก

Comments are closed.

Pin It