สาวจีนจากเซียงไฮ้ ที่ย้ายตามครอบครัวมายังซานฟรานซิสโกตั้งแต่อายุ 17 ภาษาอังกฤษก็ยังพูดไม่ได้แม้แต่น้อย ทว่า ปัจจุบัน กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ในวัย 60 เธอสร้างชื่ออย่างรวดเร็วในซิลิคอน วัลลีย์ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งและนักลงทุนในหลากหลายบริษัท
ไต๋เหว่ยลี่ เข้ามาอยู่ในทำเนียบเศรษฐีระดับพันล้านตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยร่ำรวยถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ในปีนี้ กลายเป็น 25 สตรีอเมริกันที่ร่ำรวยด้วยตัวเอง ร่วมกับคิม คาร์ดาเชียน ริอันนา และโอปรา วินฟรีย์
นักลงทุนสาวจีน-อเมริกันได้แง่คิดในการทำธุรกิจจากบาสเกตบอล ด้วยความที่ชอบกีฬามาก นอกจากเล่นแบดมินตันแล้ว เธอยังเล่นบาสเกตบอลตั้งแต่อายุ 9 – 14 ปี แถมยังภูมิใจสุดๆ กับท่าเลย์อัพแบบไมเคิล จอร์แดนของตัวเอง
ความมั่นใจ ทีมเวิร์ค และพลังงานของเธอในการทำธุรกิจ ได้มาจากเกมกีฬา “งานอดิเรกของฉันคือกีฬา ฉันรักบาสเกตบอล ฉันชอบการทำอะไรเป็นทีม” ไต๋เหว่ยลี่ บอกว่า ยังคงเล่นบาสเกตเมื่อมีเวลาว่าง “ฉันชอบทำสกอร์ เวลาชูตลูกบอลลงห่วงแล้วรู้สึกเหมือนเราประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง”
หลังจากจัดการกับภาษาอังกฤษได้ด้วยการพกดิกชันนารีจีน-อังกฤษไปด้วยทุกที่แล้ว ไต๋เหว่ยลี่ ก็ไปศึกษาจบทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ ที่ซึ่งเธอได้พบกับสามี ซีฮัต สุทัดยา ที่ร่วมก่อตั้ง มาร์เวลล์ เทคโนโลยี กรุป ด้วยกันในปี 1995 และใน 20 ปีต่อมา บริษัทนี้มีพนักงานถึง 7,000 คน มีการส่งออกชิปสำหรับสมาร์ทโฟน ทีวี และอื่นๆ ปีละกว่าพันล้านชิ้น สร้างรายได้ให้เธอและสามี ปีละ 3.5 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เธอติดอันดับเป็น 100 ผู้ทรงอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต้องลดบทบาทจากบริษัท มาร์เวลล์ เทคโนโลยี กรุป ในปี 2016 หลังจากถูกสอบสวนการทำบัญชีของบริษัท แต่แพสชันในการทำธุรกิจและเทคโนโลยีไม่ได้ลดลงไป พวกเขาไปลงทุนในบริษัท อัลฟาเวฟ, เน็กซ์ อินพุท และ เอฟแอลซี เทคโนโลยี และยังก่อตั้ง มีตไค ที่รู้จักกันในนามหุ่นยนต์ผู้ช่วยรายแรกของโลก ในปี 2018 และยังก่อตั้งบริษัทผลิตชิปแห่งใหม่ ดรีมบิ๊ก ในปี 2019
ปรัชญาในการทำงานของไต๋เหว่ยลี่ คือ ซื่อสัตย์และใส่ใจ นั่นคือสิ่งที่เธอเรียนรู้จากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก “ไม่ว่าคุณจะทำอะไรคุณต้องมีความซื่อสัตย์และจริงใจกับคนรอบข้าง และต้องใส่ใจพวกเขาในทุกเรื่องด้วย แล้วทุกอย่างจะดีเอง ในการทำธุรกิจ ฉันก็จะมองว่าเราสามารถสนับสนุนคู่ค้าหรือผู้ร่วมงานได้อย่างไรบ้าง ให้งานออกมาดีที่สุด มันเป็นสมการที่แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าคู่ค้าและพนักงานประสบความสำเร็จ เราก็จะสำเร็จไปด้วย คู่ค้าจะไม่กลับมาซื้อเราอีกแน่ถ้าสินค้าของเราไม่ดีจริงน่ะ”
เมื่อประสบความสำเร็จในธุรกิจ เธอก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม โดยเฉพาะในด้านการศึกษา อย่างเช่นการที่เธอและสามี ไปสร้างอาคารอัจฉริยะในอดีตมหาวิทยาลัยที่จบมา ยูซีเบิร์กลีย์
สำหรับ ไต๋เหว่ยลี่ บอกว่า มีวันนี้ได้เพราะพ่อกับแม่ ที่สอนให้เธอมีความเชื่อมั่น และเชื่อในความสามารถของตัวเอง “เวลาทำอะไร ฉันมักจะทุ่มเท 100% พ่อแม่สอนให้ฉันเข้มแข็ง เหมือนกับมีพลังฮึดซ่อนอยู่ตลอดเวลา
“กฎข้อที่หนึ่ง คือ ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และทำตามแพสชันที่มีอย่างเปี่ยมล้น จากนั้นก็ทุ่มเทพลังกายพลังใจไปให้เต็มที่”
ไต๋เหว่ยลี่ มักจะยุ่งกับการทำงาน อย่างที่เธอบอกว่า หนึ่งวันของเธอมี 48 ชั่วโมง เธอมักจะตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้ามาเคลียร์งานกองพะเนิน และทำงานไปถึงมืดค่ำ และแม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ยังทำงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็ทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูก 2 คนได้อย่างไม่บกพร่อง
“แพสชันนอกออฟฟิศของฉันก็คือการได้อยู่กับสามีและลูกๆ ฉันบางวันอาจจะท้าพวกเขาเล่นบาสเกตบอล แต่ฉันก็ชอบทำอาหารและชอบแต่งบ้านด้วย”
ราชินีเทคสร้างอาณาจักรพันล้านอย่าง มาร์เวลล์ เทคโนโลยี จากความฝันล้วนๆ ในขณะที่ครอบครัวใช้ชีวิตแต่บะวันจากเงินเก็บ ไต๋เหว่ยลี่ จึงมักจะคอยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ๆ เติมเต็มแพสชันของตัวเอง โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยี เพราะเธอเชื่อว่าเทคโนโลยีทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น
“ฉันมักจะช่วยผลักดันคนรุ่นใหม่ๆ ให้เขาเห็นความฝันของเขาชัดเจนขึ้น เพราะในช่วงเริ่มต้น พวกเขาจะยังสับสนและไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน เทคโนโลยีเป็นสิ่งสวยงาม ยิ่งเราทำให้มีประสิทธิภาพมากเท่าไกร่ โลกนี้ก็จะสวยงามยิ่งขึ้น และดีขึ้น”
Comments are closed.