Interview

“ปิยะเลิศ ใบหยก” จากซีอีโอสู่ยูทูบเบอร์ที่มีคนตามหลักแสน

Pinterest LinkedIn Tumblr


จัดว่าเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่แอคทีฟสุดๆ สำหรับ “เบียร์-ปิยะเลิศ ใบหยก” ลูกชายคนโตของ พันธ์เลิศ ใบหยก ซึ่งปัจจุบันควบตำแหน่งรองประธานกรรมการกลุ่มโรงแรมใบหยก และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเอฟ โฮลดิ้ง ผู้ดำเนินธุรกิจด้านร้านอาหาร ร้านเบเกอรีชื่อดังจากญี่ปุ่น นอกจากจะรับหน้าที่ดูแลธุรกิจครอบครัว ที่มีทั้งโรงแรม พื้นที่ให้เช่าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ยังเป็นผู้บริหารร้านอาหารอีกหลายแบรนด์ ซึ่งล่าสุด เพิ่งลุยขยายสาขาร้านส้มตำเจ๊แดง หลังจากที่เข้าไปเป็นหุ้นส่วน และยังมีแผนเปิดร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง

เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มาเยือน ซึ่งเป็นโอกาสให้งานที่รัดตัว พอจะคลายล็อกลงไปบ้าง ผู้บริหารคนเก่งเลยผันตัวมาสวมบท “ยูทูบเบอร์” เปิดช่อง BeerBaiyoke ซะเลย จากที่คิดว่าจะทำเล่นๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ กลายเป็นว่า หลังจากทำมาได้ 7 เดือน ก็มียอด Subscribe เพิ่มขึ้นรัวๆ จนตอนนี้ทะลุ 2 แสนไปเป็นที่เรียบร้อย


จากผู้บริหารที่ขยันต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ไม่หยุด ทำไมถึงมาปิ๊งไอเดียอยากเป็นยูทูบเบอร์

เบียร์เล่าว่า “หน้าที่หลักของผมตอนนี้คือ ดูภาพรวมของธุรกิจในเครือใบหยก ซึ่งตอนนี้ในส่วนของโรงแรม เราก็ยังมีโปรเจกต์ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ส่วนธุรกิจโรงแรมที่มีอยู่ ด้วยสถานการณ์ ก็อย่างที่รู้ครับ แขกน้อยลง ซึ่งเราก็ต้องประคองตัว กลับมาเน้นเรื่องการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำองค์กรให้ลีน ขณะเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจอสังหาฯ เราก็ยังมองหาโอกาสทางธุรกิจ ถ้ามีที่ดินหรือโรงแรมที่น่าสนใจ ราคาดี ก็อาจจะลองดูความเป็นไปได้ในการลงทุน

ส่วนธุรกิจร้านอาหารและร้านขนม ตั้งแต่โควิดระลอก 3 ผมเปิดไปอีก 3 แบรนด์ บางแบรนด์ที่มีอยู่แล้วก็ขยายสาขา อาจจะดูสวนทางกับสถานการณ์ แต่ผมประเมินจากยอดขาย ความนิยม ถ้าแบรนด์ไหนไปได้ดี เราก็ไปต่อ แต่ถ้าแบรนด์ไหนนิ่งหรือกลางๆ ก็อาจจะหยุดไว้ก่อน อย่างที่เห็นขยายสาขาเยอะช่วงนี้ คือ ร้านส้มตำเจ๊แดง ที่จีบมานานมาก ในที่สุดก็สำเร็จ ตั้งใจว่าปีนี้จะขยายประมาณ 15-20 สาขา เพราะตั้งเป้าทำยอดขายให้ได้ 100 ล้านบาท”


ส่วนร้านอาหารแบรนด์อื่นๆ เบียร์บอกว่า ถ้ามีทำเลที่เหมาะ ก็อาจจะขยายต่อ เพราะโควิด-19 ทำให้แนวคิดในการเลือกทำเลเปิดร้านเปลี่ยนไปจากอยู่แค่ในเมือง ไปสู่ทำเลนอกเมือง

ลำพังแค่ธุรกิจที่ต้องดูแลก็ดูเหมือนว่าจะกินเวลาไม่น้อยแล้ว แต่กลับไม่ใช่ปัญหาสำหรับซีอีโอเบียร์ ที่เน้นพลังของการสร้างทีมให้บริษัทสามารถเดินได้ด้วยทีมงาน ทำให้ในฐานะซีอีโอก็มีเวลาไปต่อยอดธุรกิจ แถมยังมีเวลาพาตัวเองมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ด้วยการสวมบท “ยูทูบเบอร์” ซึ่งเจ้าตัวไม่คิดมาก่อนว่าจะมาทำ


“ผมมาเริ่มทำตอนที่โควิด-19 ระบาดระลอก 2 ประมาณปลายปีที่แล้ว เลยชวนน้องที่เป็นตากล้องที่รู้จักกัน ซึ่งว่างงานพอดี มาทำคลิป ตั้งใจว่าจะถ่ายเก็บไว้เป็นความทรงจำให้ลูกดูตอนโต หรือดูกันเล่นๆ ในครอบครัว เพื่อนฝูง แต่ทำไปทำมาก็เลยมีผู้ชมที่ติดตาม คอนเทนต์หลักๆ ที่ตั้งใจนำเสนอ ช่วงแรกๆ จะเกี่ยวกับเรื่องรถ เพราะผมชอบรถมาก แต่พอทำคลิปไปเรื่อยๆ เริ่มมีฟีดแบคจากผู้ชมว่าอยากเห็นแง่มุมอื่นๆ ในชีวิตของผม เช่น ตอนไปทำงาน ไลฟ์สไตล์ของผม หลังๆ คลิปที่ลงเลยมีหลายแนว บางครั้งก็มีชวนน้อง ภรรยา ลูก มาออกกล้องบ้าง ทุกคลิปที่เห็นคือไม่มีสคริปต์นะครับ ส่วนใหญ่จะแค่นัดหมายกับตากล้องว่าจะไปถ่ายที่ไหน ที่เหลือคิดสดเอาหมด” เบียร์เล่าอย่างอารมณ์ดี

พอต้องมาเป็นยูทูบเบอร์มือใหม่เขินๆ หรือไม่ เบียร์ ตอบชัดว่า “แรกๆ ก็มีบ้าง แต่ตอนนี้ไม่เขินแล้วครับ จะออกแนวกังวลมากกว่า สิ่งที่ผมระวังมากเวลาทำคอนเทนต์ทุกคลิปคือ ไม่อยากให้คนดูแล้วหมั่นไส้ หรือทำให้เสียภาพลักษณ์ ไม่ใช่เพราะห่วงตัวเองนะครับ แต่ผมเองก็เหมือนเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทประมาณหนึ่ง ฉะนั้น ภาพลักษณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ บางทีอาจจะมีพูดไม่เพราะบ้าง ผมว่าคนดูเข้าใจเพราะคลิปเราเน้นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว แต่อย่างน้อยทุกคอนเทนต์ที่ออกไป ผมต้องมั่นใจว่าไม่สร้างความเสียหายกับใคร ”


จากที่ตั้งใจจะทำเล่นๆ วันนี้ยอดผู้ติดตามมากกว่า 2 แสน แถมยังเริ่มมีสปอนเซอร์ติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางการหารายได้อีกทาง เอามาเลี้ยงทีมงานในช่อง เพราะนอกจากตากล้องคู่ใจแล้ว ก็ยังมีผู้ช่วยที่ดูแลเรื่องการรับงาน ทั้งยังเป็นช่องทางในการโปรโมทธุรกิจ ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร

“พอมาทำยูทูบทำให้มีคนรู้จักผมมากขึ้น (หัวเราะ) เวลาไปข้างนอกมีคนมาขอถ่ายรูปตลอด แรกๆ ก็เขินนะครับ ตอนนี้เริ่มชิน จากแต่ก่อนคนที่รู้จักผมจะมีแต่คนในวงการรถหรือธุรกิจ แต่ตอนนี้มีคนที่รู้จักผมในฐานะยูทูบเบอร์ ซึ่งผมก็ดีใจนะครับ ถามว่าคลิปไหนที่ทำให้คนรู้จักผม มี 2 คลิปที่แจ้งเกิด ยอดคนดูเกิน 1 ล้านคือ คลิปที่ผมขับ Benz G Class ไปรับ แจ๊ส ชวนชื่น ถึงบ้าน เพราะเขามาคอมเมนต์ในอินสตาแกรมว่าชอบรถคันนี้ กับอีกคลิปคือ ตามติดชีวิตทำงาน หนึ่งวันเต็มๆ ของ เบียร์ ใบหยก”

เบียร์เล่าอย่างออกรสว่า ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ทุกคลิปเขาไม่เคยขอให้ผู้ชมกด Subscribe ทั้งที่เพื่อนๆ และคนรอบข้างบอกว่าน่าจะพูด เผื่อบางคนดูเพลินแล้วลืม “บอกเลยครับว่า เขิน กลัวว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะเป็นการดันตัวเอง และทำให้ผู้ชมเกิดความคาดหวัง เพราะย้อนมาที่จุดเริ่มต้นครับ ผมตั้งใจถ่ายคลิปไว้ดูเอง แต่พอทำแล้วมีคนชอบ ผมก็แค่อยากนำเสนอคอนเทนต์ในสิ่งที่มีประโยชน์กับผู้ชม ผมจะพูดเสมอว่า ผมเป็นนักธุรกิจ มาทำยูทูบเป็นงานอดิเรกเท่านั้น ผมเลยคิดว่าไม่พูดชวนให้ใครมาติดตามดีกว่า ถ้าผู้ชมดูแล้วเขาชอบไลฟ์สไตล์ของผม เขาคงกด Subscribe เอง”


ทุกวันนี้ เบียร์บอกว่าทุกคลิปที่ถ่ายทำเรียบร้อย เขาจะเป็นคนไฟนอลเองทั้งหมด แถมยังติดตามอ่านคอมเมนต์ ซึ่งโชคดีคอมเมนต์ที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นแง่ดี อาจจะเป็นเพราะคนที่มาติดตามส่วนใหญ่เป็นคนที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ในแบบที่เบียร์เป็น นานๆ ครั้งจะมีคอมเมนต์ที่ทำร้ายจิตใจ

“รู้ไหมครับคอมเมนต์ที่ผมอ่านแล้วเจ็บที่สุด ไม่ใช่คอมเมนต์ที่ตำหนิว่าผมพูดไม่เพราะ หรือชอบแกล้งแฟน แต่เป็นคอมเมนต์ประมาณว่า ‘รวยจัง’ เพราะสำหรับผมมันคือคำด่า ผมไม่อยากให้ใครเอาคำว่า ‘รวย’ มาตัดสินใจผม ว่าต้องเป็นคนแบบไหน ใช้ชีวิตเวอร์วัง กินข้าวร้านข้างทางไม่ได้ เพราะความจริงไม่ใช่ จริงอยู่เขาอาจจะคิดแบบนั้น เพราะรถที่ผมขับ แต่อย่างที่บอกครับ ผมเป็นคนชอบรถ เป็นไลฟ์สไตล์ของผม แต่ในมุมอื่นๆ ผมก็ต้องทำงาน และไม่ได้รบกวนเงินจากคุณพ่อมานานแล้ว ซึ่งเวลาผมเจอคอมเมนต์แบบนี้ ผมจะไม่ตอบโต้ แต่อาจจะมาอธิบายในคลิปต่อๆ ไป ว่า เส้นทางของผมกว่าจะมาถึงวันนี้ ผมต้องทำอะไรบ้าง ทำงานหนักแค่ไหน เพราะผมก็อยากให้เรื่องราวของผม เป็นแรงบันดาลใจและเป็นประโยชน์ให้กับผู้ชม”


ส่วนเป้าหมายของการเป็นยูทูบเบอร์ เบียร์ตอบชัดว่า จะทำไปเรื่อยๆ แต่เมื่อไหร่ที่ทำคลิปแล้วผู้ชมไม่ได้รู้สึกบันเทิงหรือได้ประโยชน์ ก็คงเลิกทำ

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งบทบาทที่ทำให้เบียร์มีความสุขมากเช่นกันคือ การเป็นคุณพ่อ “ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ก็ยังมีข้อดีคือ ทำให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่กับลูกๆ แต่รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ผมด้วย ผมเองส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้ไปทำงานก็อยู่บ้าน ถ้าวันไหนว่างจริงๆ อาจจะไปขับรถเล่น หรือขับรถไปล้าง บางทีก็ขับไปหาเพื่อน หรือพาลูกขับรถเล่น แล้วก็ถือโอกาสไปดูร้านอาหารด้วยเลย กลายเป็นการพักผ่อนที่ได้งานไปในตัวครับ” เบียร์ทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It