Interview

“บงกชทิพย์ ภิรมย์ภักดี” กับแพสชันจากธรรมชาติ สู่การปั้นแบรนด์เครื่องประดับ

Pinterest LinkedIn Tumblr


ถึงจะดูลุคคุณหนูเป็นซิตี้เกิร์ล แต่ลึกๆแล้ว เธอคือสาวน้อยนักผจญภัย ชอบท่องไปในโลกกว้าง ซึมซับความงามของธรรมชาติรอบตัว โดยเฉพาะ ทะเลและเกลียวคลื่น คือ เดสติเนชันสุดโปรดของสาวอาร์ตหน้าสวย “บัว-บงกชทิพย์ ภิรมย์ภักดี” ลูกสาวของ “จุ๊บ-วุฒินันต์ ภิรมย์ภักดี” ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลภิรมย์ภักดีแห่งบุญรอดบริวเวอรี่

จากความหลงใหลในความงามของธรรมชาติที่น่าค้นหานี้เอง กลายเป็นแรงบันดาลในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ทั้งในรูปแบบของงานเพนต์ และ เครื่องประดับของผู้หญิงๆ ที่ถ่ายทอดความงามของธรรมชาติออกมาได้อย่างลงตัว ด้วยรูปทรงและลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์


ย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ บัวออกตัวว่าไม่เคยคิดฝันหรือวาดภาพตัวเองมาก่อนว่าจะมาเป็นนักออกแบบจิวเวลรี

“บัวเรียนจบเอกภาพพิมพ์ จากคณะจิตรกรรมและประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เลือกเรียนด้านนี้เพราะรู้ตัวมาตั้งแต่เด็กว่าชอบศิลปะ ซึ่งครอบครัวก็สนับสนุนให้ทำในสิ่งที่ชอบมาตลอด หลังจากเรียนจบบัวเริ่มต้นด้วยการเป็นนักวาดภาพประกอบ (Illustrator) แต่หลังจากได้มีโอกาสไปร่วม Workshop ทำเครื่องประดับกับรุ่นพี่ที่รู้จักกัน แล้วรู้สึกชอบและมีความสุข ที่ได้เห็นผลงานที่ตั้งใจออกแบบสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน เลยจุดประกายให้อยากลุกขึ้นมาปลุกปั้นแบรนด์เครื่องประดับของตัวเอง”


ผ่านมา 1 ปีเต็มกับการปลุกปั้นแบรนด์ ซึ่งบัวตั้งชื่อว่า “ทรา” (Thra) มีความหมายว่า สิ่งที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับแพสชันของแบรนด์ที่นำเสนอเครื่องประดับที่ไม่เพียงได้รับแรงบันดาลจากธรรมชาติรอบตัว แต่ยังนำความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของ หิน มุก ที่มีสีสันและลวดลายที่เฉพาะตัวในการรังสรรค์เครื่องประดับ ด้วยผลงานการออกแบบที่โดดเด่น ทำให้ขึ้นแท่นกลายเป็นแบรนด์ที่เซเลบริตีตลอดจนคนดังพากันเป็นลูกค้าประจำ

“แรงบันดาลใจการออกแบบของบัวมาจากธรรมชาติ อย่าง เกลียวคลื่น รูปทรงของน้ำ รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุ อย่าง มุก หินหลากสี อาทิ อเมทิสต์ เทอร์คอยซ์ เป็นต้น ซึ่งมาจากความชอบส่วนตัวเพราะบัวชอบเที่ยวทะเล ช่วงแรกๆ ที่ทำ บัวจะออกแบบเป็นคอลเลกชัน แต่ตอนหลังๆ เพื่อให้ทันกับเทรนด์มากขึ้น พอออกแบบและผลิตชิ้นไหนเสร็จก็พร้อมขายเลย”


สำหรับผลตอบรับในฐานะจิวเวลรีดีไซเนอร์รุ่นใหม่ บัวบอกว่าจัดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะ ช่วงก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19)

“ช่วงแรกๆ ฟีดแบคดีเลยค่ะ จนมาเจอโควิด-19 สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย หลายคนหยุดชอป พอตอนนี้สถานการณ์เริ่มกลับมาดีขึ้น ยอดขายก็กลับมาเหมือนช่วงแรกๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะด้วยสไตล์ของแบรนด์เรา มีความเป็นแฟชั่นจิวเวลรี สามารถใส่ออกงานหรือจะใส่ในชีวิตประจำวันก็ได้ อย่างชิ้นที่ภูมิใจนำเสนอมากๆ คือ ตัวที่เป็น “เวฟ โชกเกอร์” (Wave Choker) นอกจากจะออกแบบเองยังขึ้นแบบเองด้วย พร้อมเพิ่มความเก๋ด้วยการใส่มุกเข้าไปตามความชอบของเรา ซึ่งบัวว่าเสน่ห์ของการนำวัสดุ อย่าง มุกหรือหินมาใช้คือ แต่ละชิ้นมีลวดลาย สี ที่ไม่เหมือนกันเลย ซึ่งทำให้ผลงานแต่ละชิ้นโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง”


บทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการปลุกปั้นธุรกิจคือ การพัฒนาแบรนด์อย่างไม่หยุดยั้ง “เราปรับมาเรื่อยๆ ค่ะ นอกจากจะออกแบบให้ถูกใจเจ้าของแบรนด์แล้ว ยังต้องคอยจับทางลูกค้าด้วยว่า ชอบสไตล์ไหน แบบไหน อย่างช่วงนี้เทรนด์แฟชั่น เน้นการแต่งตัวแบบมินิมอล เครื่องประดับที่ลูกค้ามองหาต้องไม่ชิ้นใหญ่มาก เราก็ต้องลดไซส์หินที่นำมาใช้ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ยังมีแบบชิ้นใหญ่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาเครื่องประดับสำหรับใส่ออกงาน”

อย่างไรก็ตาม แม้จะออกตัวว่าไม่ได้มีความรู้ด้านการออกแบบเครื่องประดับโดยตรง อาศัยว่าใจรักและชอบศิลปะ แต่บัวย้ำว่ามีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ควบคู่ไปกับการทำงานเพนต์ ซึ่งตอนนี้เธอยังไม่ได้เปิดรับงานทั่วไป แต่เน้นเป็นแนวเมดทูออเดอร์

“ตอนนี้นอกจากทำแบรนด์ ก็ยังมีวาดรูป เพนต์งาน เหตุผลที่ชอบทำงานศิลปะ เพราะรู้สึกว่าเราอยู่กับมันได้นาน มีสมาธิและมีความสุข โชคดีว่าทางครอบครัวก็สนับสนุนให้ทำในสิ่งที่เรามีความสุข”


มาถึงไลฟ์สไตล์วันว่าง บัวยังย้ำหนักแน่นว่า ชอบเที่ยวทะเลเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งตอนนี้เริ่มกลับมาเดินทางได้อีกครั้ง ก็ทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยว เริ่มกระชุ่มกระชวย

“อย่างช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เดินทางไปไหนไม่ได้เลย ก็พลอยทำให้รู้สึกตันๆ ไม่มีแรงบันดาลใจเท่าไหร่ (หัวเราะ) เพราะปกติบัวจะเอาแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาออกแบบผลงาน เวลาไปเที่ยว หรือออกเดินทางไปที่ไหน ก็จะถ่ายรูปกลับมา แต่พอมาเจอโควิด-19 ต้องเปลี่ยนมาหาแรงบันดาลใจจากหนังสือแทน แต่ก็ไม่เหมือนออกไปเห็นด้วยตา พอช่วงนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ก็เพิ่งไปทริปเชียงใหม่กับกระบี่ ถือเป็นการเติมแรงบันดาลใจ

ส่วนทริปต่างประเทศคงต้องอดใจรอไปก่อน เพราะจริงๆ มีแผนจะไปโรดทริปที่นิวซีแลนด์ เพราะเราชอบธรรมชาติมากกว่าไปดื่มด่ำบรรยากาศในเมือง และเป็นประเทศที่ยังไม่เคยไปมาก่อน แต่พอมาเจอโควิด-19 ก็ต้องพักไปก่อน ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เดี๋ยวทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง”


อีกกิจกรรมที่หันมาทำอย่างจริงจังคือ การออกกำลังกาย “ช่วงโควิด-19 ไม่ค่อยได้ไปไหน แถมไม่ค่อยได้ทำอะไร น้ำหนักขึ้นเยอะ ตอนนี้เลยกลับมาออกกำลังกาย เล่นทุกอย่าง ทั้งโยคะ พิลาทิส แล้วก็ยังมีเทรนเนอร์ โชคดีที่เรายังเป็นบริษัทเล็กๆ มีทีมงานไม่กี่คน ไม่ได้มีชั่วโมงการทำงานแบบรูทีน เลยแบ่งเวลาได้ไม่ยาก”

สำหรับสไตล์การแต่งตัว บัวนิยามว่าห่างไกลจากคำว่าสาวหวาน แต่เป็นสายเท่ “บัวชอบแต่งตัวแบบทะมัดทะแมง คล่องตัว เรียบๆ ง่ายๆ แต่เน้นแอกเซสซอรีเพื่อเพิ่มสีสันให้การแต่งตัว ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า หรือเครื่องประดับ อย่าง ตุ้มหู นาฬิกาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เลยเป็นแรงบันดาลใจให้อยากมาออกแบเครื่องประดับมั้ง (หัวเราะ) เพราะฉะนั้น เรื่องชอปปิ้งเสื้อผ้าไม่ใช่โจทย์ใหญ่ ส่วนใหญ่ชอปออนไลน์ ไม่ค่อยไปเดินห้างเท่าไหร่ ที่หมดเงินเยอะคือ รองเท้า โดยเฉพาะ รองเท้าส้นสูงที่มีความยูนีค โดดเด่น”


ชวนคุยมาหลายเรื่อง ถือโอกาสทิ้งท้ายด้วยคำสอนของครอบครัวและคุณพ่อ ที่ยึดถือไว้ในใจเสมอในเรื่องของการทำงาน “คุณพ่อสอนเสมอว่า เวลาทำอะไรต้องจริงจัง ตั้งใจทำ ซื่อตรงกับความชอบ ความรู้สึกของตัวเอง และซื่อสัตย์กับลูกค้า ซึ่งบัวก็นำมาใช้ตลอด โดยเฉพาะ การทำแบรนด์”

ส่วนอนาคตในเส้นทางศิลปะ ถามว่าฝันไปไกลถึงขั้นมีงานนิทรรศการของตัวเองหรือไม่ บัวตอบชัดว่า คงต้องใช้เวลาในการสั่งสมแรงบันดาลใจอีกมาก ตอนนี้เธอขอมุ่งมั่นปลุกปั้นแบรนด์เครื่องประดับที่สร้างมากับมือก่อน” บัวทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It