Interview

“ณัฐนิช สมิตชาติ” ทายาทตำนานมอเตอร์สปอร์ตไทย ที่มี DNA นักแข่งอยู่ในสายเลือด

Pinterest LinkedIn Tumblr


ในยุคที่โลกไร้พรมแดน การแข่งรถไม่ใช่กิจกรรมที่สงวนไว้สำหรับหนุ่มๆ ที่ชื่นชอบความเร็วอีกต่อไป แต่ผู้หญิงหลายคนก็หลงใหลในกิจกรรมแข่งรถเช่นกัน เพราะเหนือกว่าความสนุกคือประสบการณ์ในสนามจริง ที่หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจากฝีมือ ยังต้องอาศัยสมาธิและทีมเวิร์กขั้นเทพ

หนึ่งในตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ที่หลงใหลในความเร็วและชื่นชอบเกี่ยวกับรถ จนผันตัวมาเป็นนักแข่งหญิงหน้าใหม่ของวงการคือ “มินนี่-ณัฐนิช สมิตชาติ” ลูกสาวคนสวยของ สุทธิพงศ์ สมิตชาติ เจ้าของบริษัท TRD ผู้ผลิตชุดแต่งรถอย่างเป็นทางการ และผู้อำนวยการทีมและนักแข่งสังกัด โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกและยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ให้เป็นที่รู้จักระดับโลก จนได้รับยกย่องเป็น “The Legend of Thai Motorsport”


งานนี้บอกเลยว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เห็นลุคดูเป็นสาวหวานแบบนี้ แต่ได้เลือดคุณพ่อมาเต็มๆ เพราะในขณะที่คุณพ่ออินกับรถจนมาทำธุรกิจด้านนี้ แถมยังสวมบทเป็นนักแข่งและสร้างทีมของตัวเอง อย่าง “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีม ไทยแลนด์” ซึ่งเป็นหนึ่งในตำนานทีมแข่งรถของประเทศไทย และกวาดแชมป์มาแล้วมากมาย ล่าสุด เพิ่งคว้าแชมป์โลก 2 ปีซ้อน ในการแข่งขันรถยนต์สุดหฤโหด รายการ “มาราธอนความเร็วสุดโหด 24 ชั่วโมง นูร์เบอร์กริง เยอรมนี” จุดประกายให้มินนี่เองก็อยากเดินรอยตามคุณพ่อ ทั้งในการกลับมาสานต่อธุรกิจและการแข่งรถ เพราะมีโอกาสตามไปเชียร์คุณพ่อแบบเกาะขอบสนาม มาตั้งแต่เด็ก

ในขณะที่ แผนการสานต่อธุรกิจของครอบครัว อาจต้องรอไปอีกสักระยะ เพราะมินนี่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกำลังเตรียมไปเรียนต่อปริญญาโท แต่เธอเลือกทำแพสชั่นในการเป็นนักแข่งรถให้เป็นจริงแล้ว โดยเธอเริ่มฝึกซ้อมและลงแข่งขันมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน โดยเธอสามารถยืนบนโพเดียมได้ตั้งแต่การลงแข่งขันในปีแรก และล่าสุด เธอก็เพิ่งลงแข่งในรุ่น Vios Lady One Make Race ซึ่งเป็นรุ่นหญิง


“มินนี่หัดขับโกคาร์ทตั้งแต่เด็ก บวกกับได้ดูคุณพ่อแข่งรถมาตลอด พอโตก็เลยอยากลองเปลี่ยนจากผู้ชมไปลงแข่งบ้าง ถึงได้รู้ว่าเวลาอยู่ในสนามจริงๆ เราไม่ใช่แค่ขับเอาสนุก หรือขับตามสัญชาตญาณ แต่ต้องมีสมาธิสูงมาก ต้องสังเกตและประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เช่น โค้งนี้จะเข้าอย่างไร จุดเบรกนี้จะทำอย่างไร ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าถ้าเข้าแบบนั้นไม่ได้ มีรถอยู่ด้านข้างจะทำอย่างไร ที่สำคัญคือ การบริหารทีมเวิร์กให้ดี เพราะเวลาแข่งไม่ใช่แค่ขับดีรถดี แต่ยังมีทีมงานเบื้องหลังด้วย

ข้อดีของการสวมบทนักแข่ง ทำให้ได้สกิลการขับรถที่สามารถนำไปใช้ในการขับรถเหมือนกัน ทำให้รู้จักสังเกตมากขึ้น แต่ปกติถ้าไม่ได้อยู่ในสนามแข่ง มินนี่ก็ไม่ได้ขับเร็วอยู่แล้ว เน้นปลอดภัยไว้ก่อน แต่ถ้าอยู่ในสนามแข่ง สายเลือดนักแข่งมาเต็มค่ะ”

ในฐานะทายาทนักแข่ง หลายคนอาจจะมองว่าเป็นความได้เปรียบ เพราะมีคุณพ่อถ่ายทอดเทคนิคให้ แต่งานนี้มินนี่ออกตัวว่า “มีไปขับรถกับคุณพ่อบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะออกแนวเกร็งและกดดันมากกว่า (หัวเราะ) เพราะคุณพ่อช่วยแนะนำก็จริง แต่ด้วยความเป็นห่วง บางทีคุณพ่อก็จะบอกว่าไม่ต้องขับเร็วมากก็ได้ ทั้งที่เวลาลงสนามแล้วไม่เหยียบมิดไมล์ก็คงไม่ได้”


ถามว่าที่ผ่านมาเคยเจออุบัติเหตุหนักๆ บ้างไหม มินนี่บอกว่าตอนรอบควอลิฟาย จับเวลาก่อนแข่ง เคยเข้าโค้งที่ความเร็วสูงแล้วพลาดอัดกับกำแพง จนหน้ารถหายไปเลย แต่โชคดีที่แทบไม่ได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม แม้การแข่งรถจะเป็นประสบการณ์ที่สนุก และมินนี่ก็มีความสุข แต่เธอไม่ได้คิดจะยึดเป็นอาชีพหลัก เพราะเร็วๆ นี้ เธอกำลังเตรียมลัดฟ้าไปเรียนต่อที่ซานฟานซิสโกปีครึ่ง ซึ่งเลือกหลักสูตรนานาชาติที่มีนักศึกษาจากทั่วโลก ใช้เวลาเรียนปีครึ่ง แถมพอเรียนจบยังได้ปริญญาสองใบคือ Entrepreneurship and innovation และ Marketing

มินนี่ยังเล่าอย่างออกรสว่า โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบังคับว่า ต้องกลับมาทำธุรกิจที่บ้านต่อ แต่มินนี่เองที่อยากกลับมาสานต่อ เพราะได้เห็นคุณพ่อทำงานมาตลอด แถมตัวเองก็อินเรื่องการแข่งรถ แต่ลึกๆ ก็มีความฝันว่า อยากทำธุรกิจของตัวเอง


“อยากทำคาเฟ่หมาจรค่ะ เพราะมินนี่เป็นคนชอบสัตว์ โดยเฉพาะ น้องหมา เวลาเห็นหมาจรก็สงสาร เลยอยากเปิดคาเฟ่ที่รับหมาจรมาดูแล ส่วนใครที่มาคาเฟ่แล้วสนใจ ก็เอาไปดูแลได้ ถึงจะรู้ว่าเราคงไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาหมาจรได้ แต่อย่างน้อยก็ดีใจถ้าได้เป็นส่วนเล็กๆ ในการแก้ปัญหา”

เห็นความรักน้องหมาแบบนี้แล้ว ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของมินนี่คือ น้องหมา ซึ่งเธอเลี้ยงไว้หลายตัวถึงขนาดบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อต้นปี ยังมีพื้นที่ที่ทำเป็นห้องน้องหมาและห้องน้องแมว เพราะบ้านของเธอเลี้ยงหมาและแมวให้อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน โดยมีคุณแม่เป็นทาสแมว

“เลี้ยงหมามาแต่เด็ก ตอนหลังถึงมาเลี้ยงแมว ตอนเรียนอยู่ ม.3 ไปเที่ยวเกาะช้าง เจอแมวจรเยอะมาก คนแถวนั้นก็บอกว่าถ้าชอบให้เอามาเลี้ยงได้ ไปถูกใจแมวจรวิเชียรมาศขี้อ้อนตัวหนึ่ง เลยพาขึ้นเรือกลับมากรุงเทพฯ (หัวเราะ)”


นอกจากงานอดิเรกที่ทุ่มเทให้กับเหล่าสัตว์เลี้ยง อีกกิจกรรมที่มินนี่ชอบคือ การท่องเที่ยว ปกติเธอจะมีแพลนไปญี่ปุ่นทุกปี เพราะมีบ้านอยู่ที่นั่น แถมล่าสุดยังเพิ่งได้ Resident Card ที่มีสิทธิ์มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป

ถ้าไม่ใช่ญี่ปุ่น ปกติมินนี่จะมีทริปตามไปเชียร์คุณพ่อแข่งรถทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่ถ้าพูดถึงประเทศที่ชอบ เธอยกให้ทริปทะเลที่กรีซ เป็นหนึ่งในประเทศที่ไปแล้วประทับใจจนอยากแนะนำ เพราะค่าใช้จ่ายไม่สูง สวยแถมโรงแรมดี อาหารอร่อย แต่ถ้าเป็นสายชอปปิ้งมินนี่แนะนำฝรั่งเศส เพราะเป็นประเทศที่ช็อปสนุก จะมีกี่ประเทศในโลกที่ถนนทั้งสายมีแต่ช็อปแบรนด์เนม ให้ชอปต่อเนื่อง

“มินนี่ชอบช็อปปิ้ง อย่าง เสื้อผ้าจริงๆ เป็นคนชอบแนวสีสัน แต่ก็จะซื้อโทนขาว ดำ ครีม ไว้ติดตู้ด้วย เพราะนอกจากจะเอาไปแมตช์กับลุคต่างๆ ได้ง่าย ยังเพื่อใส่ในวันสบายๆ นอกจาก เสื้อผ้า รองเท้าก็เป็นอีกไอเทมที่ชอบและสะสม ทั้งรองเท้าส้นสูงและสนีกเกอร์ อย่าง ส้นสูง ชอบเพราะแต่ละแบรนด์ก็จะออกแบบให้ต่างทั้งดีไซน์และสีสัน ช่วยให้การแต่งตัวสนุก ใส่แล้วดูรูปร่างเพรียว แบรนด์ที่ชอบก็มีทั้งแบรนด์ไทย อย่าง Darlin เป็นผ้าไหม ขนแกะ ใส่สบาย และลักชัวรีแบรนด์ อย่าง Prada, Dior ที่ชอบถึงขนาดไปซื้อ Vespa 946 Christian Dior เพราะคุณแม่ก็ชอบ Vespa”


ไหนๆ ก็เกริ่นมาถึงเรื่องรถ เลยถือโอกาสปิดท้ายด้วยแบรนด์โปรดที่ชอบกัน

“ที่ผ่านมา มินนี่ขับแต่ชอบรถคันเล็ก รถคันแรกคือ มินิคูปเปอร์ เลยชินกับรถคันเล็ก จากนั้น ก็เปลี่ยนมาใช้ Mercedes-Benz SLC พอยกให้น้องสาว ตอนนี้ใช้ Porsche 911 ซึ่งเป็นซูเปอร์คาร์ที่ตอบโจทย์การใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์รถที่ชอบ ปกติจะเลือกจากดีไซน์ก่อน อย่างตอนนี้ที่เล็งๆ ไว้คือ Rolls-Royce Dawn เป็นรถสองประตูเปิดประทุน คันใหญ่แต่เท่ หรือ อย่าง McLaren ก็ชอบเหมือนกัน คุณพ่อก็มีหลายคัน มีตัว speedtail คันสวยด้วย แต่จอดไว้ที่ญี่ปุ่น เลยไม่ได้มาจอดประชันกับคันอื่นในโรงรถนี้ค่ะ” มินนี่ทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It