Interview

“ปณิธยา เธียรประสิทธิ์” ครูใหญ่โรงเรียนดัง เน็ตไอดอลที่ชอบแอดเวนเจอร์

Pinterest LinkedIn Tumblr


เรียกได้ว่าเป็นเวิร์กกิงวูแมน ที่หายใจเข้าออกมีแต่งานจริงๆ สำหรับ “แพม-ปณิธยา เธียรประสิทธิ์” เพราะนอกจากงานราษฎร์งานหลวงจะมาเต็ม งานส่วนตัวก็ดูแลดีไม่มีบกพร่อง

ปัจจุบันแพมสวมหมวก 3 ใบคือ เป็นรองผู้อำนวยการฝ่าย IEP ที่โรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์ สายลม โรงเรียนที่มีศิษย์เป็นบรรดาลูกหลานไฮโซหลายคน โดยเธอมีหน้าที่ดูแลในส่วนของฝ่ายภาษาอังกฤษ (English Program) ทั้งในเรื่องหลักสูตรและการบริหารบุคลากรครูให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กๆ ที่มาเรียน ซึ่งมีตั้งแต่วัยขวบกว่าๆ จนถึง 6 ขวบ จะได้รับการดูแลอย่างดี ได้ทั้งวิชาความรู้และมีพัฒนาการที่ดี


พักจากงานหลัก แพมยังเป็นสมาชิกของสโมสรโรตารีสยามเอราวัณ ซึ่งหลังจากเข้ามาทำงานเต็มตัวได้เพียง 7 เดือน ก็โชว์ศักยภาพให้เห็น จนได้รับความไว้วางใจ แต่งตั้งให้เป็นนายกรับเลือก และจะขึ้นเป็นนายกสโมสรในเดือนกรกฎาคมนี้

นอกจากงานราษฏร์งานหลวง ด้วยความที่ครอบครัวทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปล่อยบ้านเช่าอยู่หลายแห่ง แพมจึงเข้ามาช่วยดูแล พร้อมต่อยอดธุรกิจส่วนตัวที่ทั้งปล่อยเช่าและขายที่ดิน

“ทุกวันนี้แทบไม่มีเวลาว่างเลยค่ะ เพราะว่าทำหลายอย่างในเวลาเดียว แต่ก็ถือว่า เป็นจังหวะของชีวิตที่ดี ได้นำความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา ต่อยอดและถ่ายทอดให้เป็นประโยชน์กับคนอื่น”


สำหรับงานประจำ อย่าง การบริหารโรงเรียน ต้องบอกว่าแพมถูกวางตัวมาตรงสาย เพราะหลังจากเรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา แพมก็ลัดฟัาไปเรียนต่อด้านบริหารการศึกษา ที่ Cambridge College สหรัฐอเมริกา ระหว่างที่เรียนเธอได้มีโอกาสไปฝึกงาน และทำงานอาสาสมัครที่ วัดบอสตันพุทธวราราม ซึ่งเป็นวัดไทยในบอสตัน เพื่อสอนภาษาไทยให้กับเด็กๆ ที่นั่นอยู่ถึง 3 ปี

“ตอนเรียนปริญญาตรี เหมือนเป็นการเลือกเรียนตามใจตัวเอง เรียนตามความชอบ แต่พอปริญญาโท แพมเลือกจากการมองอนาคตว่า เราจะเติบโตไปในสายงานไหน ซึ่งข้อดีของการที่เรียนมาคนละสายคือ ทำให้เราสามารถเอาความรู้ปริญญาตรี ทั้งเรื่องการดีไซน์ โฆษณา การตลาด มาต่อยอดในการทำงานที่โรงเรียน นำความคิดสร้างสรรค์ มาเติมในการทำงานด้านการศึกษา” แพมเล่าอย่างออกรสก่อนเสริมว่า

“อย่างตอนที่ไปต่อโทด้านบริหารการศึกษา แพมชอบนะคะ เพราะด้วยวิธีการเรียนการสอนที่ค่อนข้างให้อิสระ ​เรียนแบบไม่กดดัน แถมยังได้ความรู้ใหม่ๆ เข้ามา ทั้งจากในห้องเรียนและการไปฝึกงานไปเป็นอาสาสมัคร พอกลับมาเมืองไทย ตอนแรก แพมไปทำงานที่โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ดูแลเด็กนักเรียนระดับไฮสกูลที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เน้นให้คำที่ปรึกษา เด็กๆ ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วโลก”


แน่นอนว่า การไปเรียนต่อด้านการศึกษา ทำให้แพมเห็นว่า ระบบการศึกษาบ้านเรา ยังแตกต่างจากในต่างประเทศพอสมควร

“พูดกันตามตรงคือ การศึกษาไทยอาจจะยังมีหลายอย่างต้องพัฒนา อย่างเรื่องวิธีการสอนของครู ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กที่ต่างประเทศ การจะพูด หรือแตะตัวเด็ก ต้องระวังและใส่ใจทุกอย่าง เพราะที่ต่างประเทศเขาจะเน้นความรู้สึกของเด็กมาก เป็นต้น ซึ่งพอแพมกลับมาทำงานที่โรงเรียน ก็จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาบุคลากรครูในโรงเรียน พยายามเติมความรู้หรือทักษะในส่วนที่ขาด ด้วยการส่งไปอบรมหรือให้คนนอกเข้ามาช่วยอบรมเติมความรู้ อีกเรื่องคือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งต้องยอมรับว่าในต่างประเทศอาจจะไปไกลกว่าบ้านเราพอสมควร”


สำหรับ โรงเรียนเปล่งประสิทธิ์ สายลม ซึ่งเปิดให้บริการมา 18 ปี แพมบอกว่า ถ้าย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นในเวลานั้น ถือว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลที่มีความล้ำหน้าในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ จนมาถึงยุคของแพม ซึ่งเธอเข้ามาช่วยบริหารได้ 7 ปีแล้ว แพมมองว่าเป็นยุคของการมองว่าอะไรขาด ก็นำเข้ามาเติมมากกว่า อย่างเรื่องการระบบออนไลน์ต่างๆ แต่พอเกิดโควิด-19 ทุกอย่างที่คิดไว้ ก็ติดสปีด ทั้งเรื่องของการใช้อินเตอร์เน็ต ทำให้ทุกคน ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ออนไลน์เชื่อมถึงกัน

“พอต้องปรับมาเรียนออนไลน์ เราก็พัฒนาระบบซูม รูปแบบการเรียนการสอน​ ครูทุกคนต้องมีความเป็นเน็ตไอดอล ทำพาวเวอร์พอยต์คล่อง ตัดต่อวิดีโอได้น่าสนใจ ที่ผ่านมา แพมก็จะพยายามหาคลิปการเรียนสอนของต่างประเทศ หรือนำไอเดียที่น่าสนใจมาช่วยต่อยอด​ เพื่อให้ชั้นเรียนออนไลน์น่าสนใจ เพราะโรงเรียนของเราจะเน้นใช้หลักสูตรของออกฟอร์ด ​ไม่เน้นท่องจำ เป็น Activity-based learning พยายามใส่ความสนุกเข้าไป มีการเปลี่ยนรูปแบบการสอนตลอด เพื่อให้เด็กๆ ไม่เบื่อ เพราะต้องยอมรับว่า พอเรียนออนไลน์ เด็กหลายคน ก็อาจจะเบื่อ ง่วงนอน คุณครูก็ต้องหาวิธีกระตุ้นให้เด็กๆ สนใจ”


สำหรับความคาดหวังในฐานะคนที่ทำงานด้านการศึกษา แพมบอกว่า “เป้าหมายของโรงเรียนเราคือ พัฒนาเด็กให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ จริยธรรม แต่ส่วนตัวแพมเอง อยากเห็นเด็กๆ กล้าแสดงออก แพมเชื่อว่าเด็กไทยทำอะไรได้ดีเยอะ แต่ต้องพัฒนาการเรียนรู้ มีวิธีสอดแทรกเนื้อหาที่น่าสนใจ เพื่อให้เด็กๆ ไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ ด้วยการบอกว่าตัวเองไม่ชอบวิชานั้นวิชานี้ ทั้งที่จริงๆ แล้วเด็กคนหนึ่งอาจจะมีความฉลาดหลายด้าน เพียงแต่อาจจะต้องการเรียนรู้หลายแบบ เช่น การเปลี่ยนวิชาเลขที่น่าเบื่อให้สนุก ด้วยการเอาดนตรีเข้ามาเป็นสื่อ เป็นต้น”

ชวนคุยเรื่องงานมาพอสมควร มาถึงไลฟ์สไตล์ของแพม ใครที่ติดตามไอจีของแพมจะรู้ว่า ผู้บริหารสาวคนนี้มีความเป็นสาวหวานซ่อนเปรี้ยวอยู่ในตัว แม้จะเห็นเป็นคุณครูใหญ่ของโรงเรียน แต่ความจริงแล้วเธอออกจะเป็นสายอินฟลูเอนเซอร์สุดแซ่บเหมือนกัน!

“แพมเป็นคนชอบแต่งตัวตามแฟชั่น แต่ก็จะดูกาลเทศะด้วย​ วันว่างของแพมชอบท่องเที่ยว ชิมอาหารอร่อย อย่างช่วงก่อนโควิด-19 แพมชอบไปเที่ยวต่างประเทศ แต่พอโควิด-19 ก็หันมาเที่ยวเมืองไทย ส่วนใหญ่เป็นทริปงานบวกเที่ยว เพราะพอมาทำธุรกิจด้านอสังหาฯ บางครั้งมีลูกค้านัดไปเที่ยวหรือดูงานที่ภาคเหนือ ก็จะถือโอกาสทั้งทำงานและเที่ยวไปในตัว”


แพมยังเสริมด้วยว่า ถ้าเป็นทริปต่างประเทศ เธอชอบไปทริปแบบ Unseen หรือไปเปิดประสบการณ์ที่ไม่ใช่ใครๆ ก็ไปได้ อย่าง การไปดูคอนเสิร์ต บางงานเปิดจอง 1 นาทีตั๋วเต็มแล้ว หรือบางทีไปเที่ยว แพมจะไปเหมือนคนท้องถิ่น เพราะเราจะทำการบ้านบางประเทศ คือหัดเรียนภาษาไปเลย ทุกวันนี้ แพมพูดได้ 4 ภาษา ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น และเยอรมัน

“อย่างภาษาเยอรมัน เราเรียนเพราะไปครั้งแรกแล้วอ่านป้ายไม่ออก ปีต่อมาวางแผนจะไปอีก ตั้งใจว่าจะไปเยอรมนี ออสเตรีย เข้าซูริก สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้ภาษาเยอรมันเยอะ ก็ไปเรียนเลย ปรากกฏไปรอบนั้น เราอ่านป้ายได้ ขึ้นรถไฟได้ ไปเที่ยวได้แบบคนท้องถิ่น เพราะแพมเป็นคนเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ ชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม เช่น ดำน้ำ เล่นสกี หรืออย่างทริปที่ไปเบลเยี่ยมก็ไปกางเต็นท์นอน”

แพมยังบอกด้วยว่า “เวลาไปเที่ยวแพมจะถ่ายรูปกลับมาเยอะมาก บางทีกลับมาก็มาทำรีวิวลง TikTok แต่ยังไม่มีเวลาทำชาแนลของตัวเอง แพมชอบถ่ายรูป ถ่ายทุกอย่าง ทั้งอาหาร วิว บรรยากาศ รู้สึกว่าเป็นความทรงจำ ที่นอกจากเราจะสัมผัสด้วยตา ยังอยากเก็บความประทับใจไว้ที่ภาพ”


สำหรับเป้าหมายต่อไปที่แพมหมายมั่นว่าอยากกลับไปเยือนอีกครั้ง คือ สหรัฐอเมริกา

“ตั้งแต่เรียนจบกลับมาเมืองไทยตอนปี 2012 แพมกลับไปอเมริกาทุกปี จนโควิด-19 ก็ไม่ได้ไป คิดว่าปีนี้จะไป อยากไปเยี่ยมมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ เพราะจริงๆ ก็ต้องไปร่วมประชุมในงาน Rotary International Convention ซึ่งจะเป็นงานที่นายกรับเลือกจากทั่วโลกจะมาเจอกัน ที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ”


เหตุผลที่มาทำงานการกุศล เพราะแพมเติบโตมาในครอบครัวที่ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว เลยมีโอกาสได้ช่วยงานมาตลอด แต่สำหรับสโมสรโรตารีสยามเอราวัณ คุณป้า (รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์) ชักชวนมาทำ

“ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจ แต่พอได้ทำความรู้จักและพุดคุยกับสมาชิกหลายคน รู้สึกว่าเข้าขา คอเดียวกันก็เลยมาทำ ด้วยความที่เราอาจจะมีไอเดียเยอะ เคยทำงานอาสามาตั้งแต่เรียนอยู่เมืองนอก พอมาทำได้ไม่นาน พี่ๆ ในสโมสรก็เห็นศักยภาพและให้ความไว้วางใจเลือกให้เป็นนายก ซึ่งก็ตื่นเต้นนะคะ เพราะรู้ว่ายังมีอีกหลายภารกิจที่รออยู่ แต่แพมไม่กลัวค่ะ คิดว่าจะทำอย่างเต็มที่”

ส่วนเรื่องอนาคตแพมทิ้งท้ายว่า สำหรับโรงเรียนเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว เพราะฉะนั้น ทิศทางจากนี้จะเป็นการต่อยอดและพัฒนาต่อไป ด้านธุรกิจอสังหาฯ ก็จะโฟกัสไปที่การวางแผนธุรกิจในระยะยาวมากขึ้น​

Comments are closed.

Pin It