เพราะผูกพันใกล้ชิดกับธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ “ไม้-ฐาปนิต โชติกเสถียร” เบนเข็มมาเรียนด้าน Landscape design และทำให้เขาเติบโตในฐานะนักจัดสวนที่นำเสนอตัวตนด้วย “สวนสไตล์เม็กซิกัน (Mexican)” เจ้าของและผู้ออกแบบ Prem Café in the garden คาเฟ่ในสวนเม็กซิกันสุดชิค ย่านปทุมธานี
ไม้เริ่มเล่าถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่ทำให้เขาเติบโตและมีชื่อเสียงในฐานะนักจัดสวนสไตล์เม็กซิกันว่า เขาเกิดและเติบโตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านคุณยายซึ่งอยู่ในป่ายาง จึงทำให้เขาซึมซับในธรรมชาติทุกอณู จนทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนด้านภูมิทัศน์ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ประกอบกับชื่นชอบในสีสันสวยแปลกตาของสวนสไตล์เม็กซิกัน ที่ไม่เพียงแต่สร้างความร่มรื่นให้ผู้พักอาศัยหรือผู้พบเห็นเท่านั้น หากแต่ยังเพิ่มจินตนาการสำหรับเด็กที่อยู่ในวัยเรียนรู้ด้วย
“ย้อนกลับไปเมื่อสัก 15 ปีก่อน การจัดสวนสไตล์เม็กซิกันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ มันมีสีสันแปลกตาและสะดุดตาในคราวเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทรนด์ แตกต่างกันตามช่วงตามยุคสมัย ซึ่งเราจะส่งงานผ่านผลงานของตัวเองกับลูกค้า งานที่เรารับจัดสวนส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านตามโครงการต่างๆ รวมไปถึงคอนโดมิเนียมและสำนักงาน การจัดสวนสไตล์เม็กซิกันสามารถดึงสีสันของสวนให้เข้ากับบ้านที่มีลูกเล็กๆ ในวัย 6-8 ขวบ เพราะเราใช้สีที่ช่วยในการดึงดูดสายตาและดึงมิติการเรียนรู้ของเด็กได้ดี”
ในยุคโควิด-19 แพร่ระบาด จึงทำให้ตลาดต้นไม้ในประเทศไทยฟีเวอร์โตพรวดๆ โดยเฉพาะ ไม้ประดับ ไม้ด่างต่างๆ ราคาสูงลิบ ซึ่งไม้มองว่า การที่เทรนด์ต้นไม้กำลังฟีเวอร์สร้างรายได้ให้ร้านขายต้นไม้กลับมาเฟื่องฟู ในยุคที่เศรษฐกิจสายอื่นซบเซานั้น เพราะมนุษย์ทุกเพศทุกวัย สามารถสัมผัสและรับรู้ความเป็นธรรมชาติได้ง่ายมากขึ้น
“ผมมองเรื่องของธรรมชาติ ความรู้สึกของคนทุกวัย สัมผัสและรับรู้ได้ง่ายมาก และตั้งแต่โควิด-19 เข้ามาครั้งแรกในเมืองไทย มันทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้นและก็มองสิ่งรอบตัวบริเวณบ้านของตัวเอง ที่จะเกิดสุนทรียภาพจับโน่นทำนี่ปรับโน่นนี่นั่น มาปรับปรุงสวนกันหน่อยไหมเรา ไปซื้อต้นไม้มาหรือแม้แต่พืชผักสวนครัวรอบบ้าน ก็เป็นสิ่งที่สัมผัสและรับรู้ได้ง่าย และมันสร้างสุนทรียรสทางอารมณ์ในการปลูกต้นไม้ได้เป็นอย่างดี
โควิดรอบแรกมีเทรนด์การชอปต้นไม้เยอะแล้ว มารอบสามที่ต้องอยู่บ้านยาวนานกันมากขึ้น ดังนั้น คนจึงมองเห็นเรื่องของโอกาสของแต่ละอาชีพ ถูกเบียดบังกลบไปกับโลกที่ให้ค่านิยมกับการเป็นแอร์โฮสเตสหรือนักบิน เป็นต้น และหันกลับมามองสิ่งที่ใกล้ตัวคือ ต้นไม้ และที่สำคัญ เขาสามารถสร้างมูลค่าจากต้นไม้ที่เขารักได้เช่นเดียวกัน แล้วมันก็ส่งต่อกันไปในกลุ่มของคนรักต้นไม้ มันจึงเกิดเป็นกระแสกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพใหม่ๆ ให้กับหลากหลายอาชีพ ที่เขาไม่เคยย่างกรายเข้ามาในเส้นทางนี้ และขณะเดียวกัน ก็สร้างรายได้สร้างความมั่นคงในวิชาชีพ ที่กำลังหยุดพักไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ขณะที่ ร้านขายต้นไม้กลับเฟื่องฟูเป็นเงาตามตัว”
ในวัฏจักรของแวดวงไม้ดอกไม้ประดับ ย่อมมีความผันผวนตลอดเวลา สุดแล้วแต่จะเป็นไปในทิศทางไหน “ปั่นบ้าง ไม่ปั่นบ้าง” หลายคนเคยถูกหลอกให้ซื้อต้นไม้มาในราคาแพงลิบลิ่ว หรือซื้อมาแล้วขายต่อไม่ได้ขาดทุนย่อยยับ ดังนั้นนักจัดสวนมือวางอันดับหนึ่งของเมืองไทย จึงมีเคล็ดลับการเลือกซื้อต้นไม้ในกระแสอย่างไรไม่ให้ถูกโกง
“ต้นไม้ที่ดีไม่จำเป็นต้องแพง เพราะการที่จะซื้อต้นไม้แต่ละต้นต้องเริ่มจากความรักความชอบพอในชนิดและพันธุ์ไม้นั้นก่อน หรือแม้แต่เทรนด์ที่มันมีมาเช่นกระบองเพชร หรือไม้ด่าง หรือพวกบอนไซ ก็สามารถเรียนรู้จากความรักก่อนอันดับแรก แล้วค่อยคอยฟูมฟักไปพร้อมกับการเรียนรู้และการเติบโตของเขา เราก็จะมองเห็นโอกาสในเรื่องของธุรกิจเข้ามา จากนั้นต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ด้วยการศึกษาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่เราชอบไม้ด่างอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เข้าไปที่กลุ่มไม้ด่างนั้นและเรียนรู้ ซึ่งในกลุ่มก็จะมีการสอบถามพูดคุย แม้แต่ราคามาตรฐานเฉพาะของสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้โดนหลอก” ไม้แนะนำเทคนิคการเลือกซื้อต้นไม้ในกระแสที่ไม่ให้โดนหลอก
แต่หากใครที่อยากขยายผลต่อยอดความรักในต้นไม้ มาเพาะชำต้นไม้เพื่อขายเป็นรายได้เสริมนั้น ไม้แนะนำว่าถ้าเป็นไม้ในกระแส อย่าง ไม้ด่างมอนสเตอร่า หรือกลุ่มบอนสีต่างๆ ต้องเริ่มซื้อจากต้นเล็กๆ มาก่อน และมาเพาะเนื้อเยื่อหรือชำข้อหนึ่งตาเพื่อจำหน่าย ที่สำคัญ เมื่อซื้อมาแล้วอย่าเก็บไว้นาน เมื่อมีโอกาสต้องรีบขาย เพราะไม่รู้ว่ากระแสนี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน
“มันมีทริคคือว่าถ้าเป็นพวกมอนสเตอร่า เราต้องซื้อลักษณะของต้นเล็กมาก่อน ซึ่งมันก็จะมีเนื้อเยื่อหรือไม้ชำข้อชำหนึ่งตา และถ้าเราลงทุนซื้อมาในราคา 20,000 บาท ต่อหนึ่งกิ่งหนึ่งข้อหรือหนึ่งตาของมอนสเตอร่า จากนั้นเราต้องฟูมฟักเขาให้เติบโตเพิ่มอีกซัก 6 เดือนขึ้นไป เขาก็จะขยับขยายเติบโตจากหนึ่งข้อเป็นสองข้อสามข้อสี่ข้อ วันหนึ่งเราก็สามารถที่จะขายยกต้นแม่ก็ได้ หรือเราจะแบ่งชำข้อเช่นเราซื้อมาต้นละ 20,000 บาท เราชำข้อได้สี่ข้อเราก็อาจจะแบ่งขายสองข้อไปก่อนได้ เพื่อเอาต้นทุนกลับคืนมา ส่วนอีกสองข้อที่เหลือก็เป็นกำไร แล้วถ้ามีจังหวะที่ให้ปล่อยไม้ก็ควรปล่อย ซึ่งเวลาที่ดีคือช่วง 6-8 เดือน อย่าดึงเก็บไว้นาน เดี๋ยวกระแสมันไป”
5 ต้นไม้สุดโปรดของ ฐาปนิต โชติกเสถียร
องุ่นทะเล เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ซึ่งไม่สูงมากนัก ใบมีความป้อมกลมรีๆ และมีลูกคล้ายผลองุ่นเล็กเท่ากับลูกปัด ชอบน้ำเค็ม สามารถขึ้นได้ในภาคกลาง
แซ่หางม้า หรือหัวโต เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นเดี่ยวไม่แตกกอ โคนจะมีลักษณะอ้วนเป็นโคนใหญ่ ใบเรียวกาบซ้อนคล้ายจันผาแต่จะเล็กกว่า มีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
กระบองเพชรคอนโดนางฟ้า สามารถทำรายได้ให้กับเราได้เหมือนกัน และเทรนด์ก็ไม่ตกเลย มาก่อนไม้ด่างเสียด้วยซ้ำ และดูแลง่าย ปลูกทิ้งปลูกขว้างก็ยังไม่ตาย แถมยังมีหน่อให้อีกต่างหาก
ย่านดาโอ๊ะ หรือใบไม้สีทอง เป็นไม้เลื้อยทางภาคใต้ ลักษณะเด่นคือ ใบอ่อนจะเป็นสีทอง ใบจะแบ่งเป็นหนึ่งคู่ใบแบ่งเป็นสองกิ่ง ใบอ่อนจะถูกนำไปอบแห้งไว้ประดับบ้านก็มี
เสม็ดแดง เป็นไม้ยืนต้นที่นิยมนำมาจัดสวน เป็นไม้ทางภาคอีสาน ให้ร่มเงาได้ดี ลักษณะของเปลือกมีสีแดง ใบละเอียดมีผลสีขาวคล้ายลูกปัด ยอดอ่อนทานได้
Comments are closed.