Interview

"ดรัลรัตน์ ทองเจือ" ฝ่าวิกฤติเอเยนซีโฆษณาและอีเวนต์ต้องรอดอย่างไร?

Pinterest LinkedIn Tumblr


สถานการณ์โควิด-19 ทำให้อีเวนต์ใหญ่ทั่วโลกหายวับไปในพริบตา สร้างแรงสั่นสะเทือนให้คนที่อยู่ในวงการอีเวนต์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับ “น้ำตาลสด-ดรัลรัตน์ ทองเจือ” ผู้บริหารหญิงแกร่งแห่ง Tangible Creative Solution ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นอีเวนต์ ออร์กาไนเซอร์ แต่จริงๆ แล้ว มีบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การวางกลยุทธ์ การสื่อสารการตลาด ไปจนถึงการทำอีเวนต์ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ เลยทำให้แม้จะเจอวิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ่ ที่ต้องใช้คำว่าสาหัส แต่งานอีเวนต์ออนไลน์ก็ยังเข้าแบบรัวๆ

อะไรทำให้ธุรกิจของน้ำตาลสด หรือที่คนใกล้ชิดเรียกสั้นๆ ว่า “สด” ยังสดใสสมชื่อ

“ถ้าโฟกัสแค่ในยูนิตธุรกิจที่เป็นอีเวนต์แบบออฟไลน์ หรืออีเวนต์ที่ต้องมีการรวมพลของคนจำนวนมาก อันนั้นกระทบแน่นอน เพราะด้วยสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ไม่สามารถจัดงานได้ ลูกค้าที่มีแผนส่วนใหญ่ก็จะเลื่อนการจัดงานออกไปก่อน แต่ถ้าพูดถึงอีเวนต์ที่เป็นรูปแบบออนไลน์ อย่าง Virtual Event ต้องใช้คำว่า ลูกค้าเข้ามาแบบถล่มทลาย” เจ้าแม่อีเวนต์ผู้อยู่เบื้องหลังอีเวนต์ใหญ่ๆ ของเมืองไทยมาแล้วมากมาย อย่าง การจัดการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานหลักหมื่น เล่าให้ฟัง


“ถ้าให้มองย้อนกลับไป ก็ต้องขอบคุณสามีค่ะ เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตอนที่สดคิดจะเปิดบริษัทของตัวเอง ตั้งใจจะทำแค่อีเวนต์ออฟไลน์อย่างเดียว แต่เขาไม่ยอม พยายามโน้มน้าวจนถึงขั้นทะเลาะกันก็มี ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เขาทำออนไลน์และแบรนด์ดิ้งด้วย (หัวเราะ) ซึ่งเขาก็จัดการให้เสร็จสรรพ หาคนมาสอน หาคอร์สให้ไปเรียนเพิ่มเกี่ยวกับการทำอีเวนต์-การตลาดออนไลน์

แรกๆ ก็ไม่ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ เพราะแค่อีเวนต์ออฟไลน์ที่ทำอยู่ ก็ไม่มีเวลาเหลือแล้ว แต่พอเรียนไปบวกกับได้ทำงานที่ทั้งใช้และเรียนรู้จริง ก็เริ่มอิน จนตอนนี้กลายเป็นถ้าไม่มีตรงนี้ บริษัทเราก็คงแย่ไปแล้ว เพราะในส่วนอีเวนต์ออฟไลน์ ซึ่งมีเม็ดเงินก้อนใหญ่ก็จะหายไปเลย แต่ยังโชคดีที่เรายังมียูนิตอื่นๆ มาช่วยประคอง บวกกับเรามีทีมงานที่ดี มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมจะกอดคอไปด้วยกัน อย่างทีมที่ทำอีเวนต์ออฟไลน์ พองานส่วนนั้นไม่มี เขาก็พร้อมจะเรียนรู้งานฝั่งออนไลน์ ช่วยทีมอื่น”


ถามว่าอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้งานอีเวนต์ออนไลน์ ไหลมาเทมาจนตารางงานแน่น น้ำตาลสดมองว่า นอกจากชื่อเสียงและประสบการณ์เกือบ 20 ปี ทำให้ลูกค้าไว้วางใจ พอผันตัวจากทำอีเวนต์แบบออฟไลน์มา ทำให้เรื่องการวางแผน และการลงหน้างานจริงๆ จะค่อนข้างเป๊ะและละเอียด ที่สำคัญ ยังสามารถผสานประสบการณ์ O2O (Online to Offline) ให้ลูกค้าที่ต้องทำแบรนด์ดิ้งหรือทำแคมเปญการตลาด เพื่อเพิ่มยอดได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ได้เทน้ำหนักไปที่ฝั่งออฟไลน์หรือออนไลน์มากจนเกินไป บวกกับฝั่งลูกค้าแบรนด์เอง ก็ต้องการปรับตัวเช่นกัน จากที่ไม่เคยทำ นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะมาลองเจาะตลาดออนไลน์ หรือแบรนด์ที่ทำอยู่แล้ว ก็อาจจะทำให้เข้มข้นกว่าเดิม

“ชีวิตการทำงานตอนนี้ แทบจะย้ายมาอยู่ใน zoom ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้การทำงานไม่สะดุด อย่างงานที่เข้าไปช่วยดูเรื่องแบรนด์ดิ้ง สื่อสารการตลาด ถ้าเราอยากเห็นสายการผลิตของลูกค้า เขาก็จัดให้ได้โดยที่ทีมงานเราไม่ต้องไปลงพื้นที่ ใช้วิดีโอคอล เปิดกล้องทัวร์โรงงานกันไป หรืออย่างเวลาเราทำวิจัยการตลาดเชิงลึก ต้องมีการทำ Focus Group หรือสัมภาษณ์เชิงลึก ก็ทำผ่านออนไลน์ได้แบบไม่มีปัญหา”


สำหรับอนาคตของวงการอีเวนต์ น้ำตาลสดเดาว่า อีเวนต์ออนไลน์น่าจะยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับแบรนด์ และคนทำธุรกิจไปจนถึงปลายปี หรืออาจจะต่อเนื่องไปถึงกลางปีหน้า ดังนั้น คนที่อยู่ในธุรกิจอีเวนต์ เพื่อประคองธุรกิจให้ไปต่อก็อาจจะต้องปรับตัวอย่างหนัก

“วิกฤตครั้งนี้ ทำให้มีบริษัทอีเวนต์ที่ทำเฉพาะออฟไลน์อย่างเดียว ปิดตัวไปไม่น้อย เพราะฉะนั้น ในมุมคนที่อยู่ในธุรกิจนี้เหมือนกัน ถ้าไม่ปรับตัว หรือเติมทักษะใหม่ๆ ให้ทีมงาน อยู่ยากแน่นอน สดเชื่อว่าการที่เรายิ่งเติมความรู้ และทักษะให้พนักงานมากเท่าไหร่ สุดท้ายผลดีก็จะกลับมาหาธุรกิจเรา”


มาถึงตรงนี้ น้ำตาลสดทิ้งท้ายด้วยว่า ถ้าถามในมุมคนที่ทำอีเวนต์มานาน สดไม่ถอดใจ แต่แค่รอเวลา ว่าเมื่อไหร่สถานการณ์กลับมาปกติ เราก็อยากกลับมาจัดอีเวนต์แบบออฟไลน์อีกแน่นอน ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือ ปรับตัวไปตามสถานการณ์

“แต่ก่อนเราจะมีอีเวนต์ประจำปีที่จัดมา 5-6 ปี พอ 2 ปีมานี้ไม่ได้จัด ก็โหยหาอยากจัดนะ และสดเชื่อว่าหลายคนเองก็คิดถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานคอนเสิร์ต หรืองานเฟสติวัลใหญ่ๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่สดบอกกับทีมงาน โดยเฉพาะ ฝั่งที่ทำอีเวนต์ออฟไลน์เสมอคือ วันที่ฟ้าเปิด เราก็จะมีโอกาสกลับมาทำอีเวนต์ที่เราคิดถึงอีกแน่นอน ให้มองว่าการที่เราได้มาเก็บเกี่ยวความรู้เกี่ยวกับการทำแบรนด์ดิ้ง หรือการทำออนไลน์ ก็เหมือนการกรูมมิ่งตัวเอง เมื่อกลับมาจัดอีเวนต์อีกครั้ง เราก็จะได้โชว์ศักยภาพที่ไม่เหมือนใครให้ลูกค้าได้เห็น ใครจะรู้ว่า อนาคตการจัดอีเวนต์อาจจะมาในรูปแบบไฮบริด ครบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพราะยิ่งเทคโนโลยีก้าวล้ำเท่าไหร่ ก็มีตัวช่วยมากมายมาช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมอีเวนต์ ต่อให้อยู่บ้านก็เสมือนมาร่วมงานจริงๆ ส่วนคนที่มาจะได้ประสบการณ์ล้ำๆ กลับไปแค่ไหน ก็ต้องติดตามต่อไป”

Comments are closed.

Pin It