ได้ชื่อว่าความรักมักหอมหวาน โดยเฉพาะ ผู้ที่มั่นคงในรัก ไม่ว่าวันเวลาผ่านไปแค่ไหน ความรักก็ยังคงเบ่งบานอยู่ในใจเสมอ ดังเช่นความรักของคู่รักไฮโซ ที่รักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนถึงทุกวันนี้ก็ยังรักกันไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าลูกจะโตแล้วก็ตาม แต่ละคู่เขามีวิธีบ่มเพาะต้นกล้าแห่งความรักอย่างไร? ตามไปฟังกันได้เลย
เริ่มที่คู่เพื่อนรักที่พัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นรักแท้ “บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ กับ แหม่ม-สิชล” ที่พบรักกันตั้งแต่สมัยมัธยม (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพญาไท) คบกันหนึ่งปีก่อนเป็นแฟน 11 ปี แล้วตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่มาจนถึงทุกวันนี้ นานกว่าสองทศวรรษ
นักร้องหนุ่มอารมณ์ดีขวัญใจสาวๆ ทั้งประเทศ เผยถึงเคล็ดลับการครองคู่มาอย่างยาวนานว่า “เรารักกันตั้งแต่อายุ 16 ผมรู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้เจอคนที่เรารักและถูกใจเขา ส่วนเขาก็ถูกใจเรา มีความพอดีกันทุกอย่าง โชคดีมากที่เจอกันเร็ว จึงเริ่มจากการเป็นเพื่อน พัฒนามาเป็นแฟน เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก พอเริ่มจากความเป็นเพื่อน มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า การหยวนๆ กัน เวลาเกิดปัญหาอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เคลียร์กันได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราเป็นแค่แฟนกันอย่างเดียว บางทีอาจจะมีความน้อยอกน้อยใจตลอดเวลา สำหรับผมในตอนนี้ มันไม่ใช่แค่เพื่อน ไม่ใช่แค่แฟน มันเป็นเหมือนคนละครึ่งของกันและกัน คนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าขาดไปคงเสียใจมาก”
ไฮโซหนุ่มเล่าถึงหมัดเด็ดที่ครองรักกันมาจนมีพยานรัก 2 คนว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษนอกจากความจริงใจ ไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา และเขาก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเรา เพราะถ้าได้ชื่อว่าพยายามแล้วก็คงทำได้ แต่วันหนึ่งก็ต้องกลับไปสู่จุดเดิม มันไม่ใช่ตัวตนของเราทั้งคู่
“ผมไม่โรแมนติกก็ไม่โรแมนติกแบบนี้ตลอด ผมจะเป็นคนแบบนี้ คุณจะเป็นคนแบบนั้น เราจะมาเจอกันตรงกลาง ในสิ่งที่มันเห็นข้อดีของกันและกัน ข้อเสียผมก็มองข้ามมันไป แต่ผมคิดว่าสุดท้ายมันต้องมีข้อดี ที่สามารถทำให้คนสองคนอยู่กันได้นาน ผมไม่เคยเสแสร้งมาตั้งแต่ตอนคบกัน มันไม่มีช่วงโปรโมชัน หรือการเอาใจเป็นพิเศษในช่วงที่คบกันใหม่ๆ เช่น การซื้อดอกไม้ให้ พาไปกินของแพง พาไปชอปปิ้ง ซื้อของให้ ผมเป็นอย่างไรก็เป็นแบบนั้นมาตลอด”
ส่วนคู่รักมาราธอน อย่าง เจ้าแม่เฟอร์รารี่เมืองไทย “มาดามบิ๋ง-นันทมาลี” กับ ทายาทค่ายสิงห์ “จ๊ะ-วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี” ที่ปลูกต้นรักร่วมกันมาตั้งแต่อายุ 16 ค่อยๆ พัฒนาจากเพื่อนเป็นคนรัก จากคนรักเป็นสามีภรรยา จนกลายมาเป็นพ่อแม่ของลูกแฝดชายหญิงวัยรุ่น อย่าง น้องเจมและน้องบีม
มาดามบิ๋งเผยถึงเคล็ดลับการครองคู่กันมายาวนานกว่า 37 ปีว่า สิ่งสำคัญนอกเหนือจากความรักและความเข้าใจที่มีให้กันแล้ว เมื่อมีปัญหาต้องมีบุคคลที่สามที่ไว้ใจได้ มาคอยเป็นกาวใจประสานความไม่เข้าใจนี้ให้ไวที่สุด
“คู่สามีภรรยาก็เหมือนลิ้นกับฟัน บางครั้งก็ต้องมีความคิดที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่ทุกครั้งที่เรามีปัญหา ก็จะมีผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายที่เราเคารพและไว้ใจได้ มาเป็นตัวกลางในการพูดคุย ที่สำคัญ เราทั้งคู่ก็ต้องหันหน้ามาคุยกันให้ไวที่สุด มีปัญหาอะไรก็ต้องพูดคุยกันตรงๆ ไม่หนีปัญหาแล้วทุกอย่างจะคลี่คลายไว”
อีกอย่างคือการมีลูกๆ ที่เปรียบเสมือนโซ่ทองคล้องใจ เป็นยาใจประสานสัมพันธ์รักให้ครอบครัวอบอุ่น และเติมเต็มทุกความสุขในบ้านให้มากขึ้น
“ลูกสำคัญที่สุดในชีวิตรักของบิ๋งและคุณจ๊ะ เวลาที่เรามีปัญหากัน ลูกๆ ก็จะช่วยเป็นตัวกลางทำให้พ่อกับแม่คุยกัน และบ้านเราเป็นครอบครัวกิจกรรมตัวยง เวลาลูกชายไปแข่งรถคุณพ่อจะเป็นคนพาไป ส่วนคุณแม่กับน้องสาวจะตามไปเชียร์ ซึ่งก็จะทำให้พ่อแม่ลูกมีการพูดคุยกันมากขึ้น ทุกปีเราจะจัดทริปไปเที่ยวต่างประเทศกันปีละ 3 ครั้ง เป็นทริปที่เราและคุณจ๊ะไม่ดูโทรศัพท์ไม่ทำงาน จะพักผ่อนกับลูกๆ อย่างแท้จริง”
นอกจากนี้ อีกสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตคู่ในฐานะผู้หญิงคือ การทำตัวเองให้มีคุณค่าอยู่เสมอ ต้องดูแลทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน ในฐานะภรรยา คุณแม่ และสะใภ้ ได้อย่างสมดุล
“สำหรับผู้หญิงบิ๋งคิดว่าเราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าอยู่เสมอ เริ่มจากการเป็นภรรยาเราต้องหมั่นดูแลตัวเองให้ดูสดใสเสมอ ออกกำลังกายดูแลผิวหน้าผิวกายให้เปล่งปลั่ง ให้พื้นที่ส่วนตัวซึ่งกันและกัน ส่วนความเป็นแม่เราก็ต้องดูแลลูกๆ อย่างเต็มที่ พาลูกๆ ไปทำกิจกรรมที่เขาชอบ คอยสนับสนุนในทุกด้าน และสุดท้ายในฐานะสะใภ้ เราก็ต้องช่วยบริหารงานครอบครัวของสามีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราเหนื่อยบ้าง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคนในครอบครัว ความเหนื่อยจะแปรเปลี่ยนเป็นความสุขขึ้นมาในทันที” เจ้าแม่เฟอร์รารี่เผยเคล็ดลับการครองคู่อันยาวนาน
ด้านคู่รักมาราธอนที่คบหาดูใจกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ “บุ๊ค-พิมพ์เลิศ ใบหยก และ บอล-ภัสพงษ์ อร่ามเสรีวงศ์” แม้ทั้งคู่จะเรียนจบกันมานานแล้ว แต่ความรักที่มีให้กันก็ยังไม่แปรเปลี่ยนไปจากวันแรกที่เจอกัน ถึงจะยังไม่ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันก็ตาม เพราะมีความคิดที่ว่า “ทุกอย่างต้องใช้เวลา”
บุ๊คเล่าว่า เริ่มปลูกต้นรักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม จากการเป็นเพื่อนและค่อยๆ พัฒนามาเป็นเพื่อนสนิท คนรู้ใจ จนเป็นแฟนกันถึงทุกวันนี้
“เราคบกันมาถึงปีที่ 17 แล้ว รู้จักกันตอนเรียน ม.3 แล้วก็คบกันมาเรื่อยๆ จนมาเป็นแฟนกัน อาจเป็นเพราะช่วงที่เรียนหนังสือ เรามีเวลาเจอกันเฉพาะช่วงที่ไปโรงเรียนกับมหาวิทยาลัย ไม่ได้เจอกันตลอดเวลา ทำให้รู้สึกดีใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน”
แม้จะศึกษาดูใจกันมาถึง 17 ปีแล้วก็ตาม แต่ความรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้จืดจางไปตาม แต่กลับเพิ่มขึ้นทวีคูณ ซึ่งปีหน้าทั้งคู่ได้วางแผนลั่นระฆังวิวาห์ ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างเป็นทางการ บุ๊คเผยเคล็ดลับการรักษาหัวใจของกันและกันให้ฟังว่า ต้องใช้เวลา เพื่อให้คนรักได้พยายามปรับเปลี่ยนนิสัยให้เข้ากัน ไม่ใช่การบังคับขืนใจให้เปลี่ยนเป็นคนละคนในทันที
“ข้อดีของเราทั้งคู่คือ เวลามีปัญหากันจะปรับความเข้าใจทันที ไม่หนีปัญหา และอีกอย่างที่สำคัญมากคือ เมื่อเราไม่ชอบพฤติกรรมบางอย่างของอีกฝ่าย เราจะพูดกันและขอให้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน และเมื่อเวลาผ่านไป เราจะสัมผัสได้ทันทีว่าพฤติกรรมของเขาดีขึ้น เพราะของบางอย่างมันต้องใช้เวลา สิ่งใดลดทอนได้ก็ทำ สิ่งไหนควรเพิ่มก็ไม่รอช้าที่จะทำ” ไฮโซสาวทายาทใบหยกเผยความในใจ
นอกจากนี้ ยังมีคู่รักไฮโซอีกหลายคู่ ที่ปลูกต้นรักมาตั้งแต่สมัยยุคกระโปรงบานขาสั้น อาทิ หล่อใหญ่ “มาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ที่ปิ๊งรักแรกพบกับศรีภรรยา “ศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ” ตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ แม้ฝ่ายชายจะต้องบินไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศอยู่หลายปี แต่ทั้งคู่ก็ใช้วิธีส่งจดหมายรักถึงกันข้ามประเทศ และศึกษาจบ จึงตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่มาถึงทุกวันนี้ มีพยานรัก 2 คน อย่าง น้องปัณณสิทธ์และน้องปราง เวชชาชีวะ
อีกคู่รักไฮโซที่ปลูกต้นรักกันมาเมื่อครั้งเรียนมัธยมคือ “เป๊ะ-กนิษฐ์ สารสิน” ไฮโซพิธีกรหนุ่มใหญ่กับศรีภรรยาคู่ชีวิต “อมรา” ทั้งคู่เริ่มความสัมพันธ์จากการเป็นเพื่อน เมื่อครั้งเรียนที่สาธิตจุฬาฯ จนพัฒนามาเป็นสามีภรรยา ปัจจุบันมีทายาทเป็น 2 หนุ่มหล่อ อย่าง “กำปั่น-กรวิชญ์ และ ข้าวปุ้น-อนพัช”
Comments are closed.