ว่ากันว่าคนเราเกิดมามีมากเท่าไหร่ ก็ต้องแบ่งปันให้คนที่ด้อยกว่ามากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะ คนที่เกิดมาเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติที่มีใช้ยันชาติหน้าก็ไม่หมด อย่าง เซเลบริตีเมืองไทย ที่นอกจากจะเกิดมาพร้อมทุกอย่างแล้วยังน้ำใจงาม พร้อมแบ่งปันความสุขให้กับสังคม ด้วยการทำมูลนิธิขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
กว่า 20 ปีของการทำงานในฐานะ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันภัย ของ “มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ” ได้มีส่วนร่วมกับการทำงานด้านสังคมมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ตระหนักว่า การสร้างสังคมแห่งการให้และแบ่งปัน เป็นหลักสำคัญของการสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม ซึ่งส่งผลให้มาดามแป้งเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม โดยมองว่าสิ่งเหล่านี้คือกำไรทางใจที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญและจะทำให้เกิดความยั่งยืนในสังคม ฉะนั้น ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ จึงก่อตั้งขึ้นจากแนวคิดของพลังแห่งการให้
มาดามแป้ง เล่าถึงวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งมูลนิธิว่า ต้องการส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ สร้างอาชีพ, พัฒนาชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย ภายใต้แนวคิด “ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน”
“เราต้องการสร้างสังคมแห่งการให้ ที่เอื้อให้คนไทยสามารถให้และเข้าถึงการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง สร้างความเปลี่ยนแปลงที่สามารถมอบกำไรทางใจ ในรูปแบบที่จับต้องได้สู่สังคมและชุมชนได้อย่างยั่งยืน มูลนิธิมาดามแป้ง ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือ บรรเทา และเยียวยาผู้คน ตลอดจนสังคมไทย เมื่อยามเกิดภัยหรือในช่วงวิกฤตต่างๆ เพราะตระหนักดีว่าภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด และเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมเกิดความสูญเสีย ทั้งต่อประชาชนและชุมชนในระดับจุลภาค และสังคมไทยในระดับมหภาค ดังนั้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาความเดือดร้อน แก่พี่น้องประชาชนคนไทยได้อย่างทันท่วงที มูลนิธิมาดามแป้ง จึงตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการให้ความช่วยเหลือและดูแลผู้ประสบภัยทั่วประเทศ”
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา มาดามแป้ง ในฐานะ CEO บมจ.เมืองไทยประกันภัย ยังได้ตั้งโครงการ “ครัวมาดาม” เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว ผ่านการดำเนินกิจกรรม อาทิ การสอนให้คนในชุมชนเรียนรู้วิธีการทำสเปรย์แอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัยแบบผ้าด้วยตัวเอง, การตั้งครัวประกอบอาหารในชุมชน และการมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ที่เดือดร้อนในชุมชนต่างๆ
“เราจัดทำอาหารกล่องโดยอาสาแม่ครัว และอุดหนุนร้านอาหารรายย่อย มอบให้แก่คนในชุมชนที่เดือดร้อน รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครในโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ และขยายสู่การช่วยเหลือคนงานในแคมป์ก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ สนับสนุนข้าวกล่องไปแล้วกว่า 135,000 กล่อง สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ อาทิ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูง เป็นต้น รวมถึงมอบกล่องน้ำใจมูลนิธิมาดามแป้ง ที่บรรจุอาหารแห้งและของใช้จำเป็น กล่องน้ำใจช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ ผู้ที่ต้องกักตัว ผู้ป่วย Home Isolation และผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และสนับสนุนอุปกรณ์จำเป็นสำหรับดูแลผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation) 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯ”
ด้าน “ปิ่น-สุวดี พึ่งบุญพระ” บอสหญิงเก่งแห่งพีพี กรุ๊ป ที่มีส่วนในการช่วยงานของ “มูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล” ที่มีคุณแม่ของเธอร่วมก่อตั้ง ด้วยการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ชนบท
“มูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล ได้สร้างประโยชน์ต่อสังคมมาโดยตลอด ด้วยการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ออกไปตรวจรักษาโรคทั่วไปให้กับชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลจากแพทย์ รวมทั้งตรวจวัดสายตา แจกแว่นตาฟรีให้กับคนชรา และผู้ที่มีปัญหาเรื่องสายตาให้ได้มองเห็น อ่านหนังสือ และดูทีวีได้เหมือนเดิม โดยออกให้บริการทุกเดือนมาเป็นเวลากว่า 34 ปีแล้ว และทุกๆ 3เดือนจะออกตรวจโดยหน่วยแพทย์ขนาดใหญ่ และทุกเดือนจะจัดหน่วยแพทย์ขนาดเล็กออกให้บริการประชาชน แต่ละครั้งมีชาวบ้านมารับบริการเฉลี่ยถึง 5,000 คน โดยออกให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง”
แต่เนื่องจากเวลานี้เกิดการระบาดของโควิด-19 หน่วยแพทย์ไม่สามารถออกให้บริการได้ เพราะบุคลากรทางการแพทย์ส่วนหนึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นด่านหน้าดูแลผู้ป่วยโควิด-19 และทีมแพทย์อีกส่วนล้วนเป็นคุณหมอที่เกษียณอายุราชการ จึงทำให้ทางมูลนิธิต้องหยุดการให้บริการออกหน่วยแพทย์ชั่วคราว แต่ทางมูลนิธิจึงร่วมสร้างกุศลด้วยการมอบเงินสนับสนุนให้กับโรงพยาบาลเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
“ทางมูลนิธิได้มอบเงินให้กับ รพ.ราชวิถี รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯ รพ.รามาธิบดี และสถาบันบำราศนราดูร เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนเงิน 2.5 ล้านบาท และนำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นที่สำนักงาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยน้ำยาดังกล่าวไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากมีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและห้องผ่าตัดในโรงพยาบาล”
แม้จะไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ แต่ทุกครั้งที่ออกหน่วยแพทย์ เซเลบสาวใจบุญ ก็ใช้แรงกายช่วยด้านอื่นที่มีความถนัด โดยเฉพาะ ความสามารถพิเศษด้านงานออร์กาไนซ์ มาช่วยบริหารจัดการในหน่วยแพทย์
“ปิ่นจะออกหน่วยแพทย์กับทางมูลนิธิปีละ 2 ครั้ง ส่วนใหญ่เราจะไปในพื้นที่ชนบทไกลปืนเที่ยง และด้วยความที่เรามีประสบการณ์การเห็นการทำงานออร์กาไนซ์มาก่อน ดังนั้น เราจะเข้าไปช่วยจัดคิวคนมาลงทะเบียน ประกาศชื่อคิวคนรับยาเข้าพบแพทย์ เพราะในแต่ละครั้งมีคนมาเข้ารับบริการตรวจมากถึง 7,000-10,000 คน หรือแม้แต่ทำหน้าที่วิ่งส่งตะกร้ายา เราก็ทำมาหมดทุกอย่างเลยค่ะ”
ปิ่นเล่าต่อว่าทุกครั้งที่มีโอกาสไปทำกิจกรรมการออกหน่วยแพทย์ หัวใจจะเต็มไปด้วยความเปี่ยมสุข ที่มีโอกาสได้แบ่งปันสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม อันเป็นการสร้างความสมดุลให้กับชีวิตได้อย่างลงตัว
“ภูมิใจทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปออกหน่วยแพทย์ ก่อนไปเราก็จะชวนเพื่อนๆ ไปด้วยกัน เวลาที่เราเห็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่เดินถือไม้ค้ำยัน นั่งรถสองแถวมาจากบนดอย เพื่อมาเข้ารับการตรวจรักษากับหน่วยแพทย์ เรารู้สึกว่าเราโชคดีที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือคนเหล่านี้ มันทำให้รู้ว่าในโลกใบนี้มีคนลำบากที่รอการช่วยเหลือจากเราอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ด้วยงานที่เราทำมันเป็นงานที่มีแต่ความหรูหราฟุ่มเฟือย แต่เมื่อเราได้ไปทำงานตรงนี้ เห็นชีวิตคนที่ลำบากจริงๆ มันทำให้เรารู้ซึ้งถึงสัจธรรมของชีวิตว่า ในโลกใบนี้มันไม่ได้มีแต่ของสวยงามอย่างเดียว”
ฝั่ง ตระกูลจิราธิวัฒน์ ก็ไม่น้อยหน้า จัดทำโครงการ “เซ็นทรัล/โรบินสัน ทำด้วยใจ ไฟท์โควิด-19” (Help Thai Fight COVID–19) ร่วมสมทบทุนสนับสนุนงานวิจัยพัฒนากระบวนการรักษาและยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด–19 เพื่อมอบแก่แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย “มูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์” ซึ่งเป็นมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำการกุศล มอบสิ่งดีๆ เพื่อสังคมมาแล้วหลากหลายโครงการ
ด้าน “ตระกูลพรประภา” ก็มี “มูลนิธิไต้ล้ง-เช็ง พรประภา” ที่ตั้งชื่อตามต้นตระกูล ซึ่งตอนนี้ได้รุ่นหลานคือ ปรีชา พรประภา นั่งเป็นประธานมูลนิธิ ก็ได้บริจาคเงินให้กับองค์กรและโรงพยาบาลรัฐต่างๆ อยู่เป็นประจำ ยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่สังคมและสาธารณสุขของไทย ยิ่งต้องการความช่วยเหลือมากกว่าช่วงไหนๆ เราจึงได้เห็นบรรดารุ่นลูกหลานของตระกูลพรประภา ช่วยกันจัดการทั้งเรื่องเงินและทรัพยากรทั้งหลาย มาบริจาคช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
สำหรับ “มูลนิธิ ดร. เทียม โชควัฒนา” ของ “ตระกูลโชควัฒนา” ที่ตั้งขึ้นมา 35 ปีแล้ว เพื่อส่งเสริมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ และส่งเสริมการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ยิ่งในช่วงโควิด-19 ก็ยิ่งจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ จัดส่งอาหาร รวมไปถึงการนำความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจของบริษัท มาต่อยอดช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชุด PPE รวมถึงโครงการล่าสุด อย่าง “ไทยช่วยไทย เราสู้ไปด้วยกันกับนักรบ PPE” จัดทำเสื้อเย็นกาย นวัตกรรมใหม่ด้านเครื่องนุ่งห่ม ที่ช่วยลดอุณหภูมิผู้สวมใส่ ระบายอากาศได้ดี เพื่อช่วยให้เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องสวมใส่ชุด PPE ตลอดวัน ได้มีเสื้อผ้าที่สามารถใส่ไว้ด้านในได้อย่างสะดวกสบายตัวมากยิ่งขึ้น
Comments are closed.