Guru Talk

ร้อนนี้กล้าเผยผิว! เปิด 5 เคล็ดลับทาครีมกันแดด

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>ผศ.พญ.พัดชา พงษ์เจริญ อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ผู้ที่มีผิวบอบบางและผิวแพ้ง่ายต้องระมัดระวังและหลบเลี่ยงแสงแดดเป็นพิเศษ เพราะหากได้รับแสงแดดเป็นเวลานานและต่อเนื่องจะส่งผลให้ผิวไหม้ มีอาการแสบร้อนและคัน ซึ่งใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า 1 สัปดาห์ แถมเมื่ออายุเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดเมลานิน (Melanin) หรือมีเม็ดสีเพิ่มขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอ

เพื่อให้สามารถรับมือกับแสงแดดในช่วงฤดูร้อนนี้ จึงควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม และทาครีมกันแดดให้ครบทั้ง 5 ขั้นตอน ดังนี้

1. ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ขั้นต่ำที่ 50 (SPF 50) ค่าเอสพีเอฟ (Sun Protection Factor) จะเป็นข้อบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตบี (UVB) ที่ส่งผลให้ผิวไหม้จากแดด หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นเกิดเป็นตุ่มน้ำใสๆ บริเวณผิว ซึ่งจะต้องทำการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น โดยควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 50 ขึ้นไป ซึ่งมีส่วนช่วยดูดซับรังสีได้ถึง 98% ขณะที่พนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่ในห้องแอร์เป็นส่วนใหญ่ สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟขั้นต่ำที่ 30 โดยตัวเนื้อครีมจะช่วยดูดซับรังสีได้ประมาณ 96.7%

2. ทาครีมกันแดดที่มีค่า PA ระดับกลาง (PA+++) ค่าพีเอ (Protection grade of UVA) เป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตบี (UVA) ซึ่งจะส่งผลให้ผิวแก่กว่าวัย ผิวเหี่ยวย่น รวมถึงมะเร็งผิวหนัง ดังนั้น ควรเลือกใช้ครีมที่มีค่าพีเอระดับกลาง (PA+++) หรือระดับสูงขึ้นไป เพื่อเป็นการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตบีในเบื้องต้น และเหมาะกับสภาพอากาศของไทยที่มีอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่อง

3. ใช้ครีมประมาณ 1 ข้อนิ้วมือ ทาบริเวณผิวหน้าและลำคอแต่ละครั้ง ด้วยการแต้มครีมเป็นจุดๆ พร้อมเกลี่ยเนื้อครีมให้สม่ำเสมอทั่วบริเวณ เพื่อให้เนื้อครีมทำงานและซึมเข้าผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง กรณีทำกิจกรรมกลางแจ้ง ครีมกันแดดโดยส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันแดดเพียงระยะหนึ่ง ดังนั้น ในกรณีที่จะต้องทำกิจกรรมกลางแดดเป็นเวลานานจึงควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด รวมถึงจุดด่างดำจากฝ้า กระแดด หรือการสะสมของเม็ดสีบนผิว ซึ่งในระยะยาวอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

5. ทาซ้ำทุกๆ 20 นาที กรณีต้องทำกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำ ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำ หรือ Water Resistant จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันแดด และคุณสมบัติป้องกันเนื้อครีมถูกชะล้างไปกับน้ำได้เพียง 20 นาทีเท่านั้น ทั้งจากการที่ทำกิจกรรมแล้วเหงื่อออก หรือการดำน้ำ ดังนั้น เพื่อให้ปลอดภัยจากแสงแดด จึงควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 20 นาที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อครีม และป้องกันผิวจากการโดนแสงแดดทำร้าย ที่อาจจะก่อให้เกิดรอยด่างดำ หรือฝ้าบนใบหน้า

“อย่างไรก็ดี กรณีที่ประชาชนมีผิวคล้ำเสียจากการโดนแสงแดดทำร้ายผิวจนเสียสะสม ทั้งรอยฝ้า กระ แดด จากการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ควรงดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใส่เสื้อคลุมแขนยาว และบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและฟื้นฟูผิว เลือกรับประทานผักและผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น กีวี สตรอเบอร์รี เสาวรส ส้มจี๊ด ฯลฯ หรือเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่าง วิตามินซีชนิดเม็ด ขนาด 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และปรับผิวให้กระจ่างใส ควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะสมกับสภาพผิว” ผศ.พญ.พัดชากล่าวทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It