มาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตรคือเป้าหมายที่นักวิ่งปอดเหล็กหวังจะพิชิต ในขณะที่บางคนอาจทำได้แค่มองตาปริบๆ ว่าพวกพี่เขาทำได้ยังไง เพราะนี่แค่เดินกิโลเมตรเดียวยังบ่นอุบ ก็ขอบอกเลยว่าเคล็ดลับของนักวิ่งมาราธอนไม่ใช่แค่วางแผนฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ยังต้องวางแผน “การกิน” ให้ดีด้วย เพื่อจัดสมดุลการใช้พลังงานในร่างกาย ไม่ว่าจะก่อนวิ่ง ระหว่างวิ่ง หรือหลังวิ่ง มาดูดีกว่าว่าพี่เขากินยังไงกัน ถึงได้วิ่งทนวิ่งนานได้ขนาดนั้น
จัดหนักคาร์โบไฮเดรต ร่างกายคนเราต้องการพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ใช่มั้ย แต่พลังงานที่ได้จากการกินโดยปกติทั่วไปก็ยังไม่เพียงพอกับพลังงานที่ต้องใช้ในการวิ่งมาราธอนอยู่ดี (วิ่งตั้ง 42 กิโลเมตรเชียวนะ!) เพราะฉะนั้นนักวิ่งจึงต้องวางแผนการกินเพื่อสะสมพลังงานไว้ใช้ในวันจริง โดยก่อนวิ่งสัก 2-3 วันต้องกินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตให้มากกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า Carbo-loading ไม่ว่าจะเป็น ข้าว พาสตา หรือเบเกอรีต่างๆ ในปริมาณสัก 8-9 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือกะคร่าวๆ สัก 85-95% ของแคลอรีที่กินเข้าไปควรมาจากคาร์โบไฮเดรต เพราะคาร์โบไฮเดรตจะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปไกลโคเจน สะสมตามกล้ามเนื้อและตับ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานให้ร่างกายดึงมาใช้ในการวิ่งนั่นเอง
ผักผลไม้ย่อยง่าย นอกจากนั้นยังมีวิตามินซีสูง ช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อลงได้ แต่ก็ต้องระวังเพราะบางชนิดที่มีเส้นใยสูงอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องขณะวิ่งได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นต้องวิ่งหาห้องน้ำแทน เพราะฉะนั้นก่อนวันวิ่งควรเลือกกินผักผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงและเส้นใยน้อย เช่น กล้วย รวมทั้งแอปเปิล พีช และแพร์ ที่ปอกเปลือกแล้ว มันฝรั่ง และมันเทศที่ปอกเปลือกแล้ว หรือกระทั่งพาสตาราดซอสมะเขือเทศ แทนที่จะราดซอสครีม ขนมปังทาแยมผลไม้ แทนที่จะทาเนย เป็นต้น
โปรตีนก็จำเป็น ทั้งก่อนและหลังวิ่ง เพราะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบรรดาเนื้อไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่ และแซลมอน ที่จัดเป็นแหล่งโปรตีนยอดนิยมของเหล่านักวิ่ง ส่วนโปรตีนที่นอกเหนือจากเนื้อสัตว์ก็เช่น อัลมอนด์ ดาร์กช็อกโกแลต โยเกิร์ตไขมันต่ำ ควินัว เป็นต้น ทั้งหมดนี้ย่อยง่าย แถมมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายนอกเหนือจากโปรตีนในปริมาณสูงด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อใกล้จะถึงวันวิ่งมาราธอน ต้องวางแผนลดปริมาณโปรตีนให้น้อยกว่าคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้ร่างกายเปลี่ยนมาสะสมพลังงานแทน
น้ำ คือที่สุด! ร่างกายนักวิ่งที่ขาดน้ำก็เหมือนร่างกายที่ไร้สติดีๆ นี่เอง ไม่ได้พูดเล่นนะ การดื่มน้ำให้เพียงพอในระหว่างวิ่งจะช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง สามารถสูบฉีดเลือดให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดอุณหภูมิในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้วิ่งได้ดีขึ้น คำแนะนำคือ ก่อนวิ่งไม่ต้องซดน้ำเกินจำเป็น ให้ดื่มตามปกติ ระหว่างวิ่งผ่านจุดให้น้ำควรรับมาดื่มทุกจุด (เกลือแร่ ผลไม้ ก็รับมาด้วย) ดื่มแค่ไหน แล้วแต่ใครเสียเหงื่อมากน้อย อย่าเทน้ำรดลงศีรษะ และเมื่อเข้าเส้นชัยก็ค่อยๆ ดื่มน้ำเช่นกัน ทางที่ดีลองสังเกตตัวเอง ถ้าระหว่างวิ่งรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ เวียนหัว ปากแห้ง แสดงว่าร่างกายกำลังขาดน้ำแล้ว หรือภาษานักวิ่งเรียกว่า ชนกำแพง ก็ต้องแวะพัก
กินให้สมดุล ว่ากันว่าความสุขของนักวิ่งคือ วันพัก หรือประมาณ 1 วันก่อนแข่ง เพราะจะเป็นวันที่ได้กินอาหารเติมพลังกัน โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่ย่อยง่าย จัดเป็นวันแห่งการเอาใจตัวเองก่อนเจอศึกสำคัญ แต่ๆๆ นักวิ่งที่ “รู้งาน” จะไม่โหลดอาหารอย่างขาดสติ และไม่ต้องกังวล หากต้องมีนัดกินบุฟเฟต์กับเพื่อนๆ ก่อนแข่ง กินได้ ไม่ถือเป็นเรื่องผิด เพียงแต่เราต้องรู้วิธีกินที่ถูกต้อง และเพียงพอต่อการนำไปใช้ในการวิ่งที่กำลังจะมาถึง เช่น ถ้าไปกินบุฟเฟต์ปิ้งย่าง สั่งข้าวได้ สั่งเส้นอุด้งได้ ลูกชิ้นต่างๆ จัดมาเติมคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานเอาไว้ กะหล่ำปลีนี่ก็ใช่ย่อย มีคาร์โบไฮเดรต 4.8 กรัม/100 กรัมเลยทีเดียว แถมย่อยก็ง่ายด้วย ส่วนบรรดาเนื้อต่างๆ ควรจัดแบบไขมันน้อยๆ หรือไร้ไขมันจะดีมาก พวกสันในหมู ไก่ วัว รวมทั้งแซลมอน ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว ที่สำคัญสุดๆ คืออย่ากินอิ่มจนเกินไป เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ ท้องไส้ปั่นป่วนในวันจริงเอาได้ ลองเอาไปทำกันดู รับรองว่าเจอกี่มาราธอนก็ไม่พลาดแน่นอน
อ้างอิง
– https://www.runnersworld.com/nutrition/the-right-way-to-carbo-load-before-a-race
– https://goodsportsthailand.com/th/knowledge?id_cms=101
– https://www.bangkokhospital.com/index.php/th/diseases-treatment/nutrition-for-runners
– http://www.wingnaidee.com
– http://world-population.net/food/th/k157k18
– https://www.facebook.com/thaidotrun/posts/2029109957376444
Comments are closed.