ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นช่วงเวลาทบทวนเรื่องราวในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ หลายครอบครัวยังนัดพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านก่อนถึงเวลาเที่ยงคืน เพื่อใช้เวลาร่วมกันอย่างอบอุ่น ซึ่งแต่ละประเทศมีประเพณีการปฏิบัติแตกต่างกัน
:: ออสเตรเลีย
เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ฉลองปีใหม่ในซิดนีย์ การแสดงดอกไม้ไฟอันโด่งดังระดับโลก ซึ่งกินเวลา 12 นาที จะจัดขึ้นบนสะพานฮาร์เบอร์บริดจ์ในเวลาเที่ยงคืนตรง โดยมีโรงโอเปราอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเป็นฉากหลัง แต่ละนาทีแสดงถึงหนึ่งใน 12 เดือน
:: บราซิล
นิยมโยนดอกไม้ลงในทะเล หากดอกไม้จมลงไป จะหมายถึงโชคดีและความสมหวังในปีที่จะมาถึง แต่หากดอกไม้ลอยไปติดฝั่ง ความเชื่อเรื่องโชคลางกล่าวว่าความปรารถนาจะไม่เป็นจริง
:: เดนมาร์ก
มักจะฉลองปีใหม่กันอย่างสนุกสนาน คล้ายกับงานเลี้ยงสละโสดของชาวเดนมาร์ก พวกเขาจะทุบจานชามในวันที่ 31 ธันวาคม แต่จะไม่ได้ทำแบบนั้นที่หน้าบ้านตัวเอง พวกเขาจะโยนจานชามเก่าๆ ไปที่หน้าบ้านของคนที่พวกเขาอวยพรให้โชคดีในปีที่จะมาถึง
:: กรีซ
ในวันปีใหม่ ชาวกรีกจะรับประทานขนมปังเซนต์บาซิล ซึ่งมีเหรียญช่อนอยู่ข้างใน ใครก็ตามที่พบเหรียญนั้น ก็จะมีความหวังว่าจะประสบความสำเร็จทางการเงินในปีที่จะมาถึง
:: อิตาลี
ผู้คนที่นั่นทั้งหญิงและชายจะสวมชุดชั้นในสีแดงในวันส่งท้ายปีเก่า เชื่อกันว่าจะนำโชคดีมาให้ โดยเฉพาะ เรื่องความรัก นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าถั่วเลนทิลจะนำมาซึ่งความร่ำรวย
:: โรมาเนีย
ผู้คนที่นั่นเชื่อในพลังแห่งโชคลาภของลูกแกะ คืนส่งท้ายปีเก่าในเมืองหลวงบูคาเรสต์และเมืองอื่นๆ จะมีเด็กๆ เดินอยู่ตามท้องถนนพร้อมกับลูกแกะตัวเล็กๆ ในแขน ใครๆ ก็ลูบคลำมันได้โดยจ่ายเงินเล็กน้อย และขอพรให้ปีใหม่เป็นปีแห่งความสุข
:: สเปน
ชาวสเปนจะกินองุ่นสิบสองลูกตอนเที่ยงคืนตรง ซึ่งเป็นเวลาที่ระฆังโบสถ์ดังสิบสองครั้ง เชื่อกันว่าจะนำโชคดีมาให้ ตามความเชื่อดั้งเดิม ใครก็ตามที่นับผิดและกินน้อยเกินไปหรือมากเกินไป จะโชคร้ายในปีถัดไป
:: สหรัฐอเมริกา
มีประเพณีส่งท้ายปีเก่าหลากหลาย เช่น แถบใต้นิยมรับประทานถั่วเลนทิลเพื่อความโชคดีและความสำเร็จ ส่วนประเพณี “ห้ามนำอะไรออกไป” คือห้ามมิให้สิ่งใดหรือใครออกจากบ้านในวันส่งท้ายปีเก่า เพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคร้าย
Comments are closed.