Advice

เสริมดั้งแล้วสลบเป็นอัมพาต! ทำศัลยกรรมจมูกต้องเสี่ยงอะไรบ้าง

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสข่าว น้องบุ๋ม-ชไมภรณ์ แก้วเกื้อ อดีตนักกีฬากระโดดสูงทีมชาติไทย ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตมานานกว่า 3 ปีหลังทำศัลยกรรมจมูก …กลายเป็นข่าวครึกโครม สร้างความกังวลใจให้กับ สาวๆ ที่มีความคิดอยากเสริมจมูก ต้องขยาดด้วยเกรงถึงผลข้างเคียงดั่งน้องบุ๋ม

แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าอะไรคือ สาเหตุที่ทำให้อดีตนักกีฬาทีมชาติผู้นี้ต้องป่วยหนัก ทว่ากระแสข่าวเบื้องต้นมีการระบุไว้ ว่าอาจมาจากการติดเชื้อในสมอง! ได้ยินเช่นนี้แล้ว จึงต้องรีบไขรหัสโดยด่วนเพื่อคุณๆ ได้ทราบข้อมูลแบบเคลียร์ชัด ว่ามีโอกาสเกิดภาวะติดเชื้อในสมองจากการศัลยกรรมจมูกมาก-น้อยแค่ไหน และหากคิดจะผ่าตัดอัพดั้ง คุณต้องยอมรับภาวะเสี่ยงใดๆ อีกบ้าง?

โอกาสนี้ เราได้รับคำตอบแบบเจาะลึกจาก นายแพทย์สมศักดิ์ คุณจักร คุณหมอประจำศูนย์ศัลยกรรมเพื่อความงามโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น และเจ้าของศัลยกรรมคลินิก (รัชดา24) ศัลยแพทย์ชื่อดังที่เล่าลือกัน ว่าดาราคนดังแวะเวียนมาทำศัลยกรรมกับท่านเพียบ!

ศัลยแพทย์มากประสบการณ์ กล่าวถึงกรณีการผ่าตัดเสริมจมูกของนักกีฬาสาวทีมชาติตามตรง ว่าโดยส่วนตัวแล้วคงไม่สามารถอธิบายและสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ตนก็ไม่เคยพบเจอมาก่อนเช่นกัน

“โดยส่วนตัวผมไม่ได้ตามเรื่องดังกล่าวโดยละเอียด แต่ได้ทราบคร่าวๆ ก็คือ ผ่าตัดแล้วไม่ฟื้นขึ้นมา แม้กระทั่งเรื่องว่าหมอที่ผ่าตัดเขาให้ยาอะไรบ้าง ผมก็ยังไม่รู้เลย ถ้ารู้ว่าให้ยาอะไร ให้ยาสลบหรือเปล่า เรายังพอพูดได้ แต่เท่าที่ตามข่าวคร่าวๆ ทราบมาว่า เขาไปตรวจที่โรงพยาบาลศิริราชมาแล้ว ซึ่งที่นั่นพิสูจน์แล้วว่าเกิดจากเชื้อไวรัส (virus) ชนิดหนึ่งซึ่งเผอิญมันอยู่ที่ผิวหนัง แล้วเชื้อไวรัสนี้มันก็เข้าไปในสมอง จึงทำให้เกิดการอักเสบในสมองขึ้นมาทำให้เขาไม่ฟื้น

ซึ่งในกรณีแบบนี้ ส่วนตัวผมตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินเพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ถามว่ามีใครเจอมั้ย ไม่มี แม้กระทั่งหากไปอ่านรายงานการวิจัย ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเคยมีรายงานหรือเปล่า ในเรื่องที่ว่า ศัลยกรรมจมูกแล้วไม่ฟื้น”

เชื้อไวรัสเข้าสู่สมอง ผ่านทางใบหน้า-ผิวหนัง เรื่องจริงที่พบมาตั้งแต่อดีต

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าเชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่สมองผ่านใบหน้าและจมูกได้อย่างไร มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนนั้น ศัลยแพทย์มือฉมังระบุว่ามีกรณีแบบนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ ซึ่งโดยส่วนตัวคุณหมอเองก็เคยประสบพบเจอมาเช่นกัน

“การไม่ฟื้นหลังการผ่าตัด อาจจะเกิดจากการแพ้ยาสลบ แต่หากเป็นเช่นนั้นก็ฟื้นในเวลาไม่นาน แต่กรณีของน้องนักกีฬาทีมชาติไม่ใช่ เพราะสลบไปนาน และกลายเป็นอัมพาต ซึ่งกรณีนี้มันอาจคล้ายกับเหตุการณ์ของ คุณบิ๊ก ดีทูบี (อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ อดีตนักร้องนำวง ดีทูบี) ที่เสียชีวิตจากการที่ประสบอุบัติเหตุจมน้ำ พอขึ้นจากน้ำมาก็ไม่ฟื้น เมื่อตรวจไปปรากฎว่าเชื้อโรคเข้าไปในสมองโดยผ่านทางจมูก กรณีนี้ก็เช่นกัน คิดว่าน่าจะคล้ายกัน คือ อะไรก็ตามที่เข้าสมองได้โดยผ่านผิวหนังใบหน้า มันมีมานานแล้ว

อย่างเช่นคนโบราณ เขาจะห้ามว่า ถ้ามีสิวอักเสบสิวหัวช้างที่ใบหน้า โดยเฉพาะตรงกลางใบหน้า ห้ามบีบ ถ้าบีบอาจตายได้ ซึ่งในอดีตมันก็มีอย่างนั้น แต่ทางการแพทย์เรารู้ว่าที่ตายไม่ใช่เพราะบีบสิว แต่เพราะว่าพอบีบแล้วมันเกิดแรงดัน ก็ทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในหนองในฝี มันถูกแรงดัน อัดเข้าไปในกระแสเลือด จนกระจายไปทั่วตัว รวมทั้งเข้าไปในสมองด้วย แล้วก็ไปก่อตัวกลายเป็นฝีในสมอง พอเป็นฝีในสมองแล้ว คนไข้ก็มีอาการเป็นไข้หมดสติจนเสียชีวิตได้ คือ เชื้อโรคเข้าสู่สมองจากผิวหนัง หรือใบหน้านี่แหละ

โดยประสบการณ์ส่วนตัว ผมเคยเจอรายหนึ่งคล้ายแบบนี้ สมัยที่ผมเรียนศัลยกรรม คนไข้เป็นฝีบนใบหน้าอยู่ที่บริเวณแก้ม และเราทำการผ่าตัดเพื่อจะเอาฝีหนองนั้นออก มีการบีบ มีการกดเค้น ซึ่งทำตามหลักการแพทย์เลยครับ แต่ปรากฎว่า คนไข้เกือบหมดสติในเวลาถัดมาไม่นาน ซึ่งอาการนี้เขาเรียกว่า เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด คนไข้เหงื่อแตก ความดันตก เกือบช็อคเลย ทั้งที่เป็นแค่การผ่าตัดฝี ที่ดูเหมือนเป็นการผ่าตัดธรรมดา แต่บังเอิญว่าเชื้อโรคในฝีมันกระจายเข้าสู่กระแสเลือด และก็กระจายไปทั่วตัว คนไข้จึงเกิดอาการช็อค”

แม้แพทย์ทำความสะอาดเอี่ยมอ่อง แต่ก็ยังเสี่ยง ติดเชื้อได้!

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการติดเชื้อของน้องบุ๋ม อดีตนักกีฬาทีมชาติต่อว่า

“หากถามว่า การติดเชื้อเกิดจากการผ่าตัดสกปรกหรือไม่ โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะก่อนการผ่าตัดต้องมีการทำความสะอาด ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดตามผิวหนังฆ่าเชื้อเรียบร้อยหมดแล้ว ทั้งเช็ดรูจมูก ตัดขนจมูก

แต่เชื้อพวกนี้มันอยู่ใต้ผิวหนัง ฆ่าไม่ตาย น้ำยาเช็ดบนผิวหนังก็ไม่โดนมัน ซึ่งแพทย์ก็ไม่สามารถทราบได้ จะเป็นเพราะความประมาทหรือก็อาจไม่ใช่ เพราะการผ่าตัดมันก็มีมาตรฐานเหมือนปกติ ถ้ามันเป็นฝีหนองอยู่ตรงนั้นสิ เขาคงไม่กล้าผ่า แต่นี่ไม่ใช่

และเท่าที่ทราบตามข่าว ก็เห็นว่าเกิดจากเชื้อไวรัสเริม ซึ่งเชื้อไว้รัสนี้ ก็เหมือนการที่เรามีเริมบริเวณปาก ขาหนีบ คล้ายกับการที่เป็นงูสวัด ซึ่งเชื้อไวรัสพวกนี้มันฝังอยู่ใต้ผิวหนัง เมื่อไปผ่าตัด หรือไปทำอะไรเข้า มันก็เข้าสู่กระแสเลือด”
“ไม่สวยสมใจ” ผลข้างเคียงที่พบมากจากศัลยกรรมจมูก

เมื่อไขข้อข้องใจกรณีอดีตนักกีฬาสาวทีมชาติแล้ว ศัลยแพทย์ชื่อดังอธิบายต่อถึงผลข้างเคียงของการศัลยกรรมจมูกที่พบได้ทั่วไป

“ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดเสริมจมูกในภาวะปกติที่เราเห็นๆ ส่วนตัวผมเอง ผมให้คำนิยามว่าผลข้างเคียงมีหลายรูปแบบ 'ความไม่สวย' คือผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด เพราะเท่าที่ผมเจอ คนไข้ทำจมูกมาแล้ว มีข้อติเยอะ โด่งไปบ้าง สั้นไปบ้าง เอียงบ้าง ใหญ่เกินไปบ้าง คือ ไม่ได้รูป ซึ่งตรงนี้ผมถือเป็นผลข้างเคียงนะ เพราะถ้ามีปัญหาที่มันไม่สวย มันยังไม่พอดี คนไข้ก็ต้องหาทางแก้ไข ใครจะปล่อยให้ตัวเองไม่สวย บางคนแก้เป็นสิบครั้งก็ยังต้องสู้ เพราะยอมไม่ได้ ที่จะมีอะไรที่ประหลาดๆ อยู่บนใบหน้า

ถ้าจมูกไม่ได้ทำอะไร อย่างดีก็แค่ 'อาย' ว่าไม่สวย แต่อันนี้มันคือ การไม่กล้าสู้หน้าใคร บางคนเสียเงินแล้วไม่สวย มันเป็นเรื่องที่เหมือนถูกหยามถูกเย้ย เขาก็ต้องพยายามแก้ ถ้าแก้ครั้งหนึ่งแล้วมันไม่ดี ก็ต้องมีอีกครั้ง ถ้าแก้อีกไม่ดี มันก็ต้องมีไปเรื่อยๆ ฉะนั้นอันนี้คือ ผลข้างเคียงที่สำคัญมาก คนไข้ทำไม่สวยแล้วก็ต้องแก้อีก ถ้าทำจมูกให้เขาสั้นเหมือนหมู คนไข้จะอยู่ได้มั้ย ไม่มีทาง อย่างไรก็ต้องแก้ ผมเคยเจอคนไข้แก้มา 15 ครั้งก็ยังไม่ยอมหยุด เพราะไม่สวยสักที นี่แหละผลข้างเคียงที่เป็นปัญหามากๆ”

จมูกอักเสบ ซิลิโคนทะลุ สิ่งไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นได้!

“นอกจากความไม่พอใจแล้ว ผลข้างเคียงอื่นๆ สำหรับการทำจมูก ก็เช่น จมูกอักเสบ เป็นหนอง ซึ่งก็บอกไม่ได้ว่าใครจะเป็น มันพบได้ประปราย ไม่มาก และจะเป็นเมื่อไหร่ก็ได้ เช่น ทำไปแล้วหลายเดือน หรือหลายปี ค่อยมาอักเสบ บวม และเป็นหนองอยู่ข้างใน ก็เป็นได้ ซึ่งอันนี้เกิดจากมีแบคทีเรีย (Bacteria) มีเชื้อโรคเข้าไปในโพรงที่เราใส่ซิลิโคน (Silicone) เอาไว้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการที่แบคทีเรียเข้าไปในตอนผ่าตัด เพราะถ้าเข้าไปตอนผ่าตัดมันต้องอักเสบตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ผ่าตัดเสร็จแล้ว แต่ถ้าทำไปเป็นปีๆ แล้วค่อยมาเป็น สาเหตุที่เกิดนี้ อาจอธิบายว่ามันคล้ายกับเรื่องที่บนผิวหนังเรา ทำไมอยู่ๆ ถึงเป็นสิว ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นแผล อยู่ดีๆ สิวปูดขึ้นมา เป็นหนอง เกิดการอักเสบ อยู่ใต้ผิวหนัง นี่ก็เหมือนกัน

แต่การอักเสบเป็นหนอง กรณีที่เสริมจมูกแล้วบังเอิญว่าเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอยู่ในโพรงเดียวกับที่ซิลิโคนอยู่ มันจึงทำให้บวม ปวด แดง และอักเสบ ซึ่งพวกนี้พบได้ประปราย การรักษาก็คือ ถอดซิลิโคน จากนั้นก็พักสักระยะหนึ่ง 4 เดือน 6 เดือน หรือนานกว่านั้น แล้วจึงใส่กลับเข้าไปใหม่

ส่วนอาการอื่นก็เช่น ซิลิโคนทะลุโดยที่ไม่ได้อักเสบ อันนี้เกิดจากการวางซิลิโคนไม่ดี เหลาซิลิโคนไม่ดี มันแหลมไป มันก็ทะลุออกมา ทะลุที่ปลายบ้าง ที่โพรงจมูกบ้าง ซี่งสาเหตุที่ทะลุ ส่วนใหญ่เพราะซิลิโคน แหลมเกินไป ยาวเกินไป”

หมั่นหาข้อมูล เลือกแพทย์ที่มีความเห็นตรงใจคุณ ก่อนตัดสินใจขึ้นเขียง

“ถ้าเป็นเรื่องของการอักเสบ จริงๆ มันคงป้องกันไม่ได้หรอก เพราะเราไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร ส่วนวิธีป้องกันซิลิโคนทะลุก็คือ เหลาซิลิโคนไม่ให้แหลม ความยาวให้พอดี ปลายมน เพราะส่วนใหญ่ซิลิโคนมักจะทะลุที่ปลายเป็นหลัก วิธีป้องกันก็คือ ทำให้ซิลิโคน smooth ไม่ยาวเกินไป ไม่แหลมเกินไป นี่คือ การป้องกันโดยแพทย์ ที่เหลือก็คือ การแนะนำคนไข้ ไม่ให้บีบสิวหลังทำ โดยเฉพาะบนจมูก ถ้าเป็นสิวบนจมูก ก็ให้มารักษาโดยแพทย์

ส่วนวิธีป้องกันสำหรับคนไข้คือ ก่อนทำควรศึกษาหาข้อมูล ดูให้ดีว่าหมอท่านไหนเข้าใจเรา คนที่เราจะไปให้เขาทำ เขาเข้าใจเรื่องความสวยงามมากน้อยแค่ไหน มีแนวคิดอย่างไร โดยอาจจะให้เขาวิเคราะห์จมูกของเราดูก่อนว่าจมูกของเรามีปัญหาอะไร ตรงกับใจเราคิดหรือเปล่า

ถ้าเขาวิเคราะห์ไปคนละเรื่อง มันก็อาจจะแปลว่าเขาไม่เข้าใจแล้วว่ารูปจมูกอย่างเรา รูปหน้าอย่างเรา ถ้าจะทำให้สวยได้ ต้องทำโดยวิธีไหน ควรทำแค่ไหน ถึงพอเหมาะ พอดี” คุณหมอสมศักดิ์ย้ำทิ้งท้ายแก่สาวใจกล้าท้าสวยทั้งหลายว่า

“หากอยากสวยได้ดั่งใจ ต้องหมั่นหาข้อมูลให้ถ้วนถี่ ก่อนตกลงปลงใจทำศัลยกรรม”

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It