Advice

7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเส้นผม/@Bitchy

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager @Bitchy

ผมสลวย สวยเก๋ อีกหนึ่งเสน่ห์ที่สร้างความตราตรึงให้ผู้คนรอบข้างได้ไม่น้อย เพราะหากผมสวยเงางาม ไม่ว่าใครก็ต้องอยากเข้าใกล้ ไปสัมผัส ดอมดมให้หอมฉุย

สารพัดความเชื่อการดูแลผมให้เงางาม ทั้งหมักน้ำมันมะกอก ตัดผมบ่อยๆ จะยิ่งทำให้ผมสวย ไปจนถึงหากอยากผมสวยให้หวีผมจากบนลงล่าง ฯลฯ จึงมีมาน้าน นาน …. ทว่าความเชื่อเหล่านี้จะจริงหรือไม่ ชัวร์หรือมั่วนิ่ม งานนี้เรารวบรวมข้อมูลแจ่มแจ้งเจาะลึกจากเหล่ากูรูผมมาบอกต่อ ว่าความเชื่อฝังหัวเกี่ยวกับเรื่องผมที่เรามักเข้าใจผิดน่ะ มีอะไรบ้าง แล้วแนวทางการดูแลเส้นผมที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร

ความเชื่อ 1 : น้ำมันมะกอก สามารถบำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึก

หลายท่านคงเคยได้ยินกันมานาน ว่าน้ำมันมะกอกน่ะ ถือเป็นสุดยอดทรีตเมนต์ (treatment) ที่ช่วยบำรุงผมให้สวยนุ่ม ชุ่มชื่น ถึงขนาดแชมพูหลากยี่ห้อนำไปเป็นส่วนผสม เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ ….ขอบอกว่าเรื่องนี้ ถูกแค่ครึ่งเดียวค่ะ!

เพราะ Doug DiCanio แฮร์สไตลลิสต์ (Hairstylist) ชื่อดังแห่งเมืองนิวยอร์ค ฟันธงชัดๆ มาเลยว่า หากคุณมีผมแห้งหยาบกระด้าง น้ำมันมะกอกจะช่วยฟื้นฟูผมคุณได้ดี แต่หากคุณมีผมมัน หรือมีผมบางอยู่แล้ว การใช้น้ำมันมะกอก จะยิ่งทำให้ผมคุณมันย่อง ดูเหนียวเหนอะหนะเข้าไปใหญ่

“หากคุณมีสภาพผมที่ค่อนข้างมัน หรือมีภาวะผมบาง ผมน้อย น้ำมันมะกอกจะส่งผลให้ เส้นผมของคุณมีความมันมากยิ่งขึ้น แต่หากคุณมีเส้นผมที่หนา หยาบ หรือผมแห้งมากๆ น้ำมันมะกอกคือ ทางเลือกที่น่าสนใจในการบำรุงผมคุณได้อย่างล้ำลึก”

กูรู Doug DiCanio ให้ทิปส์ในการดูแลผมหยาบหนาหรือแห้งกรอบ ด้วยน้ำมันมะกอกมาว่า ให้ใช้น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ ชโลมลงบนเส้นผมที่ชื้นนิดๆ แล้วหมักทิ้งไว้สัก 30 นาที นั่งชิลล์ๆ ดูหนัง ฟังเพลงสักประเดี๋ยว 30 นาทีผ่านไป ก็ล้างออกด้วยแชมพูชนิดอ่อนโยนจนสะอาด เนี้ยแหละ ทรีตเมนต์แบบบ้านๆ ที่เหมาะนักกับสาวผมแห้ง
ความเชื่อ 2 : ไม่ควรเปลี่ยนแชมพู – ครีมนวดผมบ่อยๆ

สาวเราหลายคนเมื่อใช้แชมพูยี่ห้อไหนก็ยังใช้แต่ยี่ห้อเดิมอยู่เยี่ยงนั้น เรียกว่าจงรักภักดีต่อผลิตภัณฑ์มากมาย จนบริษัทขายแชมพูครีมนวดแทบอยากจะยกโล่ให้ เพราะแม้จะเปลี่ยนแพคเกจ (package) ไปเป็น 10 รอบ แต่คุณเธอก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ขอบอกให้ทราบกันตรงนี้เลยว่า ไม่ถูกต้องนะจ๊ะ

“แชมพูและครีมนวดผมบางยี่ห้อ สามารถทิ้งสิ่งตกค้างบนผมของคุณได้ เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานาน” DiCanio สไตล์ลิสต์ชื่อดังแนะนำ

กูรูของเรายังบอกด้วยว่า การใช้แชมพูยี่ห้อเดิมๆ นานๆ นอกจากจะทำให้สารเคมีตกค้างอยู่ในเส้นผมแล้ว คุณประโยชน์หรือผลลัพธ์ที่ได้จากผลิตภัณฑ์อาจไม่เต็มที่นัก ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณเปลี่ยนยี่ห้อแชมพู และครีมนวดผมทุกๆ 2 สัปดาห์ แล้วคุณจะได้คุณค่าสารอาหารบำรุงผมจากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมากกว่า

“คุณควรจะเปลี่ยนยี่ห้อแชมพู และครีมนวดผม ทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันสารเคมีที่อาจจะตกค้างอยู่บนผมของคุณ แล้วคุณจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่คุณชื่นชอบ”

ความเชื่อ 3 : ตัดผมบ่อยๆ ทำให้ผมยาวเร็วขึ้น

หลายคนเชื่อว่า การตัดผมบ่อยๆ จะทำให้สุขภาพผมดีเส้นผมเงางาม แถมยาวเร็วขึ้นอีกแน่ะ!

Janney Cho ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบทรงผม เฉลยข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับความเชื่อนี้มาว่า “โดยทั่วไปในระยะเวลา 1 เดือนผมจะยาวขึ้นประมาณครึ่งนิ้ว ไม่ว่าคุณจะตัดผมหรือไม่ มันก็จะยาวขึ้นในอัตราประมาณนั้น”

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการตัดผมจะไม่ได้มีส่วนเร่งให้ผมยาวขึ้น ทว่าการตัดผมตามระยะเวลาที่เหมาะสม ก็ถือเป็นอีกส่วนสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณมีผมสุขภาพดี เพราะอย่างน้อยก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ผมขาด หรือปลายผมแตกปลายได้ ดังนั้นการหมั่นเข้าร้านทำผมทุกๆ 12 สัปดาห์ เพื่อเล็มปลาย ตัดจัดทรงให้เข้าที่ เข้าทาง จึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญสู่ผมสวยสุขภาพดีจ้า
ความเชื่อ 4 : เมื่อตั้งครรภ์ ห้ามย้อมผมเด็ดขาด !

เมื่อต้องเตรียมพร้อมรับบทคุณแม่เต็มตัว ว่าที่คุณแม่หลายท่านเคร่งครัดดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องผม ที่ยามปกติผมจะต้องสีสวยเท่ากันทั้งหัว ทว่ายามตั้งครรภ์ก็ต้องข่มใจ ปล่อยให้สีผมกระดำกระด่างไปก่อน เพราะเกรงว่าหากไปย้อมผม สารเคมีในน้ำยาย้อมผม จะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์

Amy Burkett ผู้อำนวยการสถาบัน Summa Health สถาบันด้านนรีเวชวิทยา มลรัฐ Ohio อธิบายถึงกรณีนี้ว่า ความกังวลทั้งหมดทั้งมวลในเรื่องการย้อมผมนั้น สืบเนื่องมาจากการที่ในยาย้อมผม มักมีส่วนผสมของสารฟอร์มาดีไฮต์ (formaldehyde) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ผสมอยู่ด้วย…ทำให้เรื่องนี้ไม่ได้น่าห่วงแค่สตรีมีครรภ์เท่านั้นหรอกค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นสตรีโสด สตรีวัยใส หรือกระทั่งหนุ่มๆ ทั้งหลาย หากใช้ยาย้อมผมที่มีส่วนผสมของฟอร์มาดีไฮต์ ก็อันตรายต่อร่างกายทั้งนั้นแหล่ะ

อ้อ! และไม่ใช่แค่ยาย้อมผมเท่านั้นนะคะที่มีส่วนผสมของฟอร์มาดีไฮต์ในผลิตภัณฑ์สำหรับผมอื่นๆ เช่น น้ำยายืดผม ก็อาจมีส่วนผสมของฟอร์มาดีไฮต์ได้เช่นกัน

ฉะนั้นแนะนำว่า หากคิดจะย้อมผมควรตรวจสอบรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ให้ถ้วนถี่ หากพบว่ามีฟอร์มาดีไฮต์เป็นส่วนประกอบก็รีบลี้ให้ไกล แล้วมองหายาย้อมผมที่มีส่วนผสมของธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น ยาย้อมผมเฮนน่า (Henna) เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาย้อมผม คงต้องระมัดระวังให้มากกว่าเดิม ด้วยการทดสอบการแพ้ผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เสมอ รวมถึงสตรีมีครรภ์อ่อนๆ (ระยะเวลา 3 เดือนแรก) เป็นช่วงที่สมองทารกกำลังพัฒนา ถือเป็นช่วงเปราะบางที่ต้องระแวดระวังให้มาก การใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ รวมถึงยาย้อมผมควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ยอมผมกระดำกระด่างไปสักระยะ คิดเสียว่าเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยแล้วกันค่ะ

ความเชื่อที่ 5 : ควรหวีผมจากบน – ลงล่าง เสมอ

เราต่างพบเห็นกันทั่วไป กระทั่งในโฆษณาทีวีก็ยังเห็นสาวสวยผมยาวๆ เธอหวีผมจากโคนจรดปลาย ดูน่ามอง ทว่าแท้จริงแล้วการทำเช่นนั้น อาจทำให้ผมขาดได้ง่าย

Janney Cho ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบทรงผมแนะนำว่า “คุณควรเริ่มหวีผมที่ปลายผมก่อน เพื่อให้ผมที่ปลายผมหายพันกัน แล้วค่อยกลับมาเริ่มหวีจากโคนจรดปลายผม”

เพราะหากคุณเริ่มหวีตั้งแต่โคนผม โดยไม่สางปมผมยุ่งๆ ที่ปลายผมให้คลายออกก่อน อาจทำให้เส้นผมที่พันกันอยู่ขาดได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังแนะนำว่า ระหว่างหวีให้ใช้มืออีกข้าง คอยจับที่เส้นผมบริเวณที่หวีด้วย เพื่อลดแรงกด และแรงเสียดสีที่อาจเกิดขึ้น จะเป็นการป้องกันไม่ให้ผมถูกหวีดึงจนหลุดล่วงได้
ความเชื่อที่ 6 : หากคุณเป็นคนผมมัน อย่าใช้ครีมนวดผม

“ผมมัน” เกิดจากการที่หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาวๆ บางคน คิดไปเองว่า การที่มีผมมันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผม เพราะจะยิ่งเป็นการทำให้ผมมันเข้าไปใหญ่… แท้จริงแล้ว เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องค่ะ เพราะไม่ว่าสภาพผมคุณจะแห้งหรือมัน เส้นผมก็ยังต้องการการบำรุงอยู่ดี ขอเพียงแค่เลือกให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผม และใช้อย่างถูกวิธี

“ใช้แชมพูทำความสะอาดตั้งแต่รากจรดปลายผม จากนั้นใช้ครีมนวดผมชโลมตั้งแต่กลางผม จนถึงปลายผมเท่านั้น ไม่ควรใช้ครีมนวดผมชโลมไปจนถึงหนังศีรษะ และในกรณีที่คุณมีผมแห้ง แนะนำให้ใช้แชมพูสำหรับผมแห้ง ซึ่งมันจะช่วยกักเก็บน้ำมันภายในเส้นผมเอาไว้” DiCanio สไตลลิสต์ชื่อดังเมืองนิวยอร์ค ให้ข้อมูลการสระผมและใช้ครีมนวดผมอย่างถูกต้อง พร้อมแนะนำอีกว่า

“คุณๆ ควรจะหมั่นทำความสะอาดหวีของคุณให้สะอาดเอี่ยมเสมอ เพื่อไม่ให้น้ำมันที่อยู่ติดกับเส้นผม เข้าคั่งค้างอยู่ไปหวี จนฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปหมักหมมอยู่ในนั้น วิธีทำความสะอาดง่ายๆ คือ ผสมแชมพูเล็กน้อยกับน้ำอุ่นลงในชามเล็กๆ จากนั้นนำหวีของคุณลงไปแช่สักครู่ ใช้แปรงเล็กๆ ขัดสักนิดหน่อย ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด รอจนแห้ง” …แค่นี้เองค่า

ความเชื่อที่ 7 : ไม่มีอะไรเปลี่ยนธรรมชาติเส้นผมคุณได้

บางคนเชื่อว่า เมื่อแรกเกิดมีผมแบบใดก็จะเป็นเช่นนั้นไปตลอด บางท่านโชคดีมีสุขภาพผมเลิศ สวยนุ่ม ก็ชะล่าใจ ทั้งดัด ทั้งยืด ทำเคมีสารพัด มารู้ตัวอีกที ผมก็หยิกหยอยเป็นฝอยขัดหม้อไปซะแล้ว…

นายแพทย์ Joel Schlessinger กรรมการอาวุโสแห่งสมาคมแพทย์ผิวหนังสหรัฐอเมริกา ตอกกลับความเชื่อนี้ว่า

“สภาพเส้นผมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับอาหารการกิน และสารเคมีที่เส้นผมได้รับ เส้นผมที่ต้องเผชิญสารเคมีอย่างรุนแรงจะอ่อนแอ และถูกทำลายลึกไปจนถึงรากผม ทำให้เกิดภาวะเส้นผมหยิก หรือสีผมเปลี่ยนไป และท้ายที่สุดก็อาจถึงขั้นหลุดร่วงได้”

นอกจากนี้ ความเครียดและฮอร์โมน (Hormone) ต่างก็มีบทบาทในการที่จะทำให้สภาพเส้นผมของคุณเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน การมีเส้นผมสุขภาพดีในวันนี้จึงไม่ได้แปลว่าคุณจะมีผมสลวยสวยเก๋ไปตลอด ฉะนั้นนอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอย่างเหมาะสมแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ใส่ใจสุขภาพจิตให้แจ่มใสด้วยนะคะ แล้วคุณจะไม่ได้มีแค่ “ผมดี” แต่จะมีดีทั้งสุขภาพกายสุขภาพใจเลยหล่ะ

ทราบแล้วเปลี่ยน..ทราบแล้วปรับ..กันซะหน่อยน๊า อย่าให้ความเชื่อฝังหัวเก่าๆ เป็นตัวฉุดรั้งความเงางาม สุขภาพดีของผมคุณอยู่เลย!

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It