ขี้ลืม! กิจกรรมเล็กๆ ง่ายๆ ที่ช่วยออกกำลัง“สมอง”/นพ.กฤษดา ศิรามพุช

โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช

การกระทำง่ายๆ หลายอย่างช่วย สมอง ได้โดยที่เราไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับกิริยาหลายแบบที่เชื่อมโยงกับสมอง เป็นต้นว่าการกรอกตาขึ้นข้างบนเวลานึกถึงเรื่องต่างๆ

ลองง่ายๆ ให้ถามคนใกล้ตัวว่ามื้อที่แล้วกินข้าวกับอะไร?

ท่านจะได้เห็นปรากฏการณ์เหลือกตาขึ้นไปเหมือนกำลังคิด นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนเดียวที่แสดงถึงความสัมพันธ์กับสมองที่อยู่ภายใน ขอให้ลองสังเกตท่าทางของบุคคลรอบตัวเราหรือดูอิริยาบถต่างๆ ของนักแสดงในโทรทัศน์จะได้เห็นความเกี่ยวข้องกับจิตใจข้างในอย่างไม่น่าเชื่อ

ผมเองทำงานพิธีกรโทรทัศน์ต้องใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาก

จะได้คอยช่วยให้ทราบว่าแขกรับเชิญรู้สึกอย่างไร ซึ่งในกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยฝึกไปถึงสมองของเราได้คือ “การออกกำลังกาย” ด้วยกล้ามเนื้อ และระบบประสาทเป็นดั่งปาท่องโก๋ที่เชื่อมกันแบบขาดกันไม่ได้ การออกกำลังจึงเหมือนกับได้ฝึกทั้ง 2 ส่วนไปพร้อมกัน

แต่ถ้าหากเราไม่มีเวลาที่จะออกกำลังในขณะนั้น ซ้ำยังต้องรีบเร่งใช้สมองในเวลาอันสั้น เช่น ขณะสัมภาษณ์งาน, กำลังจะสอบ, ร่วมระดมความคิดประดิษฐ์ไอเดีย รวมความแล้วคือ การเค้นสมองสุดๆ แล้วต้องให้สมองแล่นในขณะนั้น บางทีมันเป็นความอึดอัดที่เกิดกับหลายคน

ยิ่งเค้นยิ่งคิดไม่ออก

อย่างไรก็ดี มีสิ่งหนึ่งที่อยากบอกท่านที่รักทุกท่านเมื่อเกิดอาการ “สมองล็อค(Mental block)” หรือสมองตันที่เราเรียกกันเล่นๆ ว่า “เบรนบล็อค” ซึ่งถ้าคิดสิ่งใดไม่ออกขอให้ “วาง” ทุกเรื่องไว้ก่อน แล้วค่อยๆ หาทางค้นความคิดนั้นขึ้นมา ซึ่งทางหนึ่งที่จะช่วยปลดล็อคได้ในสไตล์อายุรวัฒน์คือ ใช้การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปนี้เข้ามาช่วย

ขอเรียกว่าเทคนิคปลดล็อคให้สมองก็แล้วกันครับ

>>ปลดล็อคแก้สมองบล็อก

1) เคี้ยวหยับ

การขยับกรามในกิริยาเคี้ยวหยุบหยับนี้มีประโยชน์มากกว่าแค่ทำให้อาหารละเอียดขึ้นครับ

โดยมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรียชี้ว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มพลังการจำระยะสั้นและยาวได้มากขึ้นถึง 35% ซึ่งเรื่องนี้มาจากกลไกที่ช่วยกระตุ้นอินสุลินซึ่งทำให้สมองส่วน “ฮิปโปแคมปัส” ซึ่งเกี่ยวกับความจำได้รับน้ำตาลเข้าไปเลี้ยงมากขึ้น แถมการเคี้ยวยังกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้นจึงทำให้ได้รับเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้นด้วย

ดังนั้นเทคนิคก็คือ ท่านอาจหาหมากฝรั่งที่ใช้น้ำตาลเทียมหรือของกินที่ไม่เพิ่มแคลอรีมากมาเคี้ยว อย่างเซเลอรีหรือแครอทก็ได้ครับ

2) กำมือ

คนเรามีมืออยู่ 2 ข้างซึ่งการกำมือที่เป็นกิริยาง่ายๆ ทุกคนทำได้นั้น มีผลต่อสมองซึ่งอยู่ห่างออกไปได้

โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมองต์แคลสเตทเผยว่าการกำมือ “ซ้าย” และ “ขวา” ให้ผลที่ต่างกันโดยการกำมือขวาช่วยให้ความจำมั่นคงแม่นยำขึ้น ส่วนการกำมือซ้ายนั้นมีส่วนช่วยให้เก็บเกี่ยวความทรงจำได้ดีในเวลาต่อมา

ซึ่งเรื่องนี้มีคำอธิบายคร่าวๆ ว่าการเปลี่ยนกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของร่างกายมีผลกับการทำงานของสมอง โดยการกำมือนั้นไปกระตุ้นบางจุดของสมองที่เกี่ยวกับความจำ

3) กรอกตา

ใครจะคิดว่ากิจกรรมที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้วเช่นเดียวกับการกะพริบตา จะมีส่วนช่วยสมองได้ สิ่งนั้นคือการ “กรอกตา” ไปทางซ้ายและขวาครับ

มีการศึกษาที่ลงตีพิมพ์ใน Brain and cognition พบว่าในคนที่ถนัดขวาเช่นเดียวกับเราๆ และคนส่วนใหญ่นั้นการกรอกตาตามแนวนอนไปมาราว 30 วินาทีนั้น ช่วยให้สมองผลิตไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ขึ้นมาได้

โดยผ่านกลไกคือ การคุยกันของสมอง 2 ซีก ?ซึ่งปกติแล้วคนเราจะมีซีกใดซีกหนึ่งที่เด่นกว่าเพราะว่าถูกใช้งานบ่อย แต่การกรอกตาเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมันเหมือนกับการช่วยจับมือ 2 ฝ่ายให้มาทำงานร่วมกันได้

4) อ่านหนังสือ

หัวใจนักปราชญ์ สุ จิ ปุ ลิ ยังใช้ได้เสมอ การอ่านมีส่วนช่วยสมองอย่างมาก

จากการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญจากแคนาดาเผยสิ่งที่น่าทึ่งว่าผู้ใหญ่ผู้สูงวัยที่มีทักษะทางดนตรีมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ ดังเช่นในท่านที่เคยเรียนดนตรีมา จะมีความสามารถในการฟังการพูดของคนอื่นได้ดีเมื่อสูงวัยครับ

โดยสิ่งนี้เกิดจากสมองส่วนกลางของการรับรู้มีการฝึกจนทำให้มีศักยภาพสูง จึงทำให้ยังคงพลังนี้ไว้ได้จนแม้ปัจฉิมวัย

ในเรื่องนี้ต้องกลับไปขอบคุณคุณพ่อคุณแม่และครูอาจารย์ผู้ประสาทวิชาดนตรีให้ทีเดียวครับ

การศึกษาหลายชิ้นพบว่าบุคคลที่มีขุมพลังในสมองอยู่ไม่ว่าจะล่วงเลยวัยไปเท่าใดก็ตามนั้น เกิดจากการได้ฝึกทักษะสมองอยู่อย่างไม่ขาด จึงเป็นเหตุให้ในทางอายุรวัฒน์เราเน้นความสามารถที่ทำได้ในทุกวัย นั่นคือการ “ลับสมอง” หรือจับสมองมาออกกำลังอยู่ในทุกขณะชีวิต

แต่เรารู้ว่ามันมีความหมายต่อท่านยิ่งในอนาคต
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)

 

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net