Celeb Online

"มาดามพัด" เจ้าแม่แอร์เมสมือสอง รายใหญ่ที่สุดของไทย


ใครที่คิดว่าลีลาการไลฟ์แกะกล่องของ “มาดามพัดซัง-พลอยนภัส ศรีสำราญโชค” แห่ง Grease House ร้านแบรนด์เนมที่กำลังโด่งดังสุดๆ ในขณะนี้แล้วรู้สึกผู้หญิงคนนี้แซ่บ บอกเลยว่า เรื่องราวชีวิตจริงของผู้หญิงคนนี้แซ่บกว่าหลายเท่า!

เพราะภายใต้เบื้องหน้าที่ดูหรูหรา ใช้ชีวิตราวกับเมียสุลต่าน ซึ่งเป็นสเตตัสที่เจ้าตัวมักใช้เวลาไลฟ์กับลูกค้า ซึ่งเธอยกย่องให้เป็นมหารานี มหาราชา มาดามพัดซังเล่าอย่างไม่อายเลยว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยตกต่ำจนเคยคิดจะฆ่าตัวตายมาแล้ว

อะไรทำให้เธอผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ และมายืนอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ ในฐานะเจ้าแม่ธุรกิจแบรนด์เนมสุดฮอต ที่แม้แต่เหล่าเซเลบคนดังยังเป็นลูกค้าของเธอ Celeb Online จะพาไปหาคำตอบจากบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากนี้


ตะเกียดตะกายเพื่อไปให้ถึงดวงดาว

เห็นลุคสาวมั่น คล่องแคล่วแบบนี้ มาดามพัดซังบอกว่า จริงแล้วเธอเป็นเด็กบ้านนอกที่เคยคิดว่าตัวเองขี้เหร่ เลยมีความฝันอยากจะเก็บเงินเยอะ เพื่อจะได้แต่งตัวดีๆ ใช้ของหรูๆ

“พัดเป็นคนอุทัยธานี แม่เป็นแม่ค้าขายผลไม้ พัดเองก็เป็นคนชอบค้าขายตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนถ้าไม่ผัดข้าวไปขายก็จะซื้อฝรั่ง ชมพู่จากแม่ มาปอกแล้วก็ทำพริกเกลือไปขายเพื่อนที่โรงเรียน พอย้ายมาเรียนต่อที่ราชมงคลคลอง 6 ก็ไปรับเสื้อผ้า รองเท้ามือสองจากโรงเกลือมาขาย พอเรียนจบก็มาทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาฯ เห็นนายรวยใช้แต่ของแบรนด์เนมก็อยากรวยบ้าง เลยคิดว่าจะทำธุรกิจ ซึ่งธุรกิจแรกมาจาก Pain point ของตัวเองคือ เป็นสาวออฟฟิศที่รักสวยรักงาม แต่สระไดร์ผมเองไม่เป็น ทุกเช้าต้องไปแวะร้านทำผม​ เลยสังเกตว่าโลเกชั่นของร้านทำผมที่อยู่ตามซอกซอยไม่สะดวกสำหรับคนทำงาน น่าจะมีร้านทำผมบนรถไฟฟ้า เลยไปเอ่ยปากขอยืมเงินเจ้านายมา 8 แสนเพื่อทำร้าน” พัดเปิดฉากเล่าถึงเส้นทางชีวิตที่เธอนิยามว่า “ปากกัดตีนถีบ” อย่างออกรส

“เราว่าเราใจใหญ่แล้วนะ แต่เหนือฟ้ายังมีจักรวาล ก่อนนายจะให้ยืมเงินล้าน เขาบอกให้ไปทำ Business plan มา เราก็ไปเขียนใส่กระดาษ A4 ไปติดต่อถามเรทค่าเช่าบนสถานีรถไฟฟ้า จำได้เลยว่าสาขาแรกเราเปิดที่สถานีศาลาแดง ค่าเช่า 75,000 บาท ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วก็ถือว่าแพงมาก เพราะเราไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ เป็นแค่คนที่อยากเริ่มทำธุรกิจ แต่ถามว่าสู้มั้ย ก็สู้ เปิดร้านทั้งที่ทำผมไม่เป็น ไปซื้อตัวช่างผมที่เราเคยไปสระไดร์มาทำ ใช้คอนเซ็ปต์สระไดร์ภายใน 30 นาที

เชื่อมั้ยวีกแรกไม่มีลูกค้าเลย แต่พอเริ่มทำการตลาดก็เริ่มมีลูกค้า แต่ก็ยังขาดทุนค่าเช่า จนเดือนที่ 2 ธุรกิจถึงเริ่มเข้าที่ จากลูกค้าวันละ 30 หัว กลายเป็น 60-80 หัว จากขาดทุนกลายเป็นกำไรหลักแสน ตอนนั้นอายุแค่ 22 ปีเอง ก็เริ่มมีชื่อเสียง มีสื่อมาสัมภาษณ์เยอะ ด้วยความที่เราเป็นพวกอยากตะกายดาวอยู่แล้ว นึกถึงคำที่มีคนบอกว่าหาเงินล้านแรกยาก แต่ถ้าทำได้แล้วจะเป็นสิบล้านร้อยล้าน ตอนนั้นเลยขยายธุรกิจใหญ่เลย ผ่านไป 3 ปีขยายไป 6 สาขา ทั้งร้านทำเล็บและร้านทำผม”


แม้ความสำเร็จจะหอมหวาน แต่ก็แฝงไปด้วยรสขม มาดามพัดซังย้อนความหลังว่า “เพราะประสบการณ์ชีวิตยังน้อยแต่อีโก้เยอะ จนทำให้หลงระเริงไปกับชื่อเสียง อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ทั้งบ้าน รถ แบรนด์เนม รุ่นลิมิเต็ดต่อให้หายากแต่ก็หามาจนได้ ทีวีพลาสมาเครื่องละ 2 แสนสมัยนั้นก็ซื้อ แถมยังหน้าใหญ่ ถึงบางสาขาจะขาดทุนก็ไม่กล้าปิด เพราะไปสัมภาษณ์ไว้เยอะ คราวนี้ทำอย่างไร รายได้ลด ต้องหาเงินมาโปะ จากที่เอาบัตรเครดิตมาหมุน หนักเข้าก็ไปกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 20 กู้มา 4 แสน ต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 8 หมื่น”

ชีวิตที่ไม่ต่างจากดาวที่ตกลงจากฟ้า ทำให้มาดามพัดซังต้องทยอยขายสมบัติที่มี แต่ความเศร้าคือ ของแบรนด์เนมที่จ่ายหลักแสนเพื่อให้ได้มา ตอนขายกลับเหลือแค่หลักหมื่น แต่ก็ต้องยอม แม้จะเจ็บใจแต่ก็แลกมาด้วยบทเรียนราคาแพงว่า สินค้าแบรนด์เนมแบรนด์ไหนที่มีมูลค่ายามตกยาก

“ตอนนั้นอะไรขายได้เราก็ขาย เพราะทั้งบ้านทั้งรถ​ก็กำลังจะโดนยึด เป็นช่วงที่ชีวิตตกต่ำมาก เป็นหนี้ร่วม 10 ล้าน เคยคิดว่าจะฆ่าตัวตาย แต่เพราะคิดว่า ถ้าพัดเป็นอะไรไป พ่อแม่ก็ต้องมารับผิดชอบหนี้ที่ก่อไว้ เลยสู้ต่อ พัดตัดสินใจใช้เงิน 3 แสนสุดท้าย ซึ่งต้องเป็นค่าเช่าร้านที่ยังเปิดอยู่ ไปญี่ปุ่นกับสามีเพื่อไปซื้อของแบรนด์เนมมือสองกลับมาขาย เพราะอย่างที่บอก เราเจ็บมาเยอะจนรู้แล้วว่าอะไรที่จะได้ราคาดี

พอกลับมา เราไปขอยืมคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศเก่าใช้ตอนกลางคืน เพราะโน๊ตบุ๊กที่มีก็ขายไปแล้ว จำได้เลยว่าโพสต์ของแบรนด์เนมมือสองที่ซื้อมาขึ้นเว็บเสร็จประมาณตี 5 ก็ขับรถออกมา ปรากฏสายโทรศัพท์เข้าไม่หยุด ขายหมดเกลี้ยง จากเงินลงทุน 3 แสน หักค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จแล้วเหลือกำไร 3 หมื่น วินาทีนั้นพัดรู้เลยว่า รอดแล้ว”


จากติดลบสู่ชีวิตที่นับหนึ่งอีกครั้ง

หลังจากเจอช่องทางหารายได้ใหม่ ก็ถึงเวลาจัดการกับหนี้สินที่มี “พัดโชคดีตอนนั้นมีคนมาเจรจาซื้อร้านเล็บ ทำให้พัดมีเงินก้อนใหญ่ไปเคลียร์หนี้นอกระบบ เหลือเงินนิดหน่อยเอาไปใช้ทำทุนซื้อของแบรนด์เนมมาขายต่อ ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าต้องสู้ เพราะช่วงที่กำลังตกอับสุดๆ​ พัดดันท้องลูกคนแรก ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน พัดถึงบอกว่า​ชีวิตพัดไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้เกิดมาสวยและรวยมาก แต่เพราะสู้ และทำเหมือนที่พัดชอบพูดคือ ใช้ความชอบของเราให้มีรายได้ ใช้ความชอบของเราให้ก่อเกิดประโยชน์”

จากจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ติดลบนั้นเอง กลายเป็นที่มาของธุรกิจรับซื้อ-จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง

“จุดเด่นของ Grease House คือ เราเป็นเจ้าแรกที่เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนสินค้าแบรนด์เนมที่ไม่ได้ใช้แล้ว หรือคนที่อยากสร้างรายได้จากกระเป๋าแบรนด์เนม โดยเราพร้อมเป็นตัวกลางและที่ปรึกษาให้ทั้งคนที่อยากซื้อและอยากขาย ว่ารุ่นไหนควรซื้อควรเก็บ โดยแบรนด์หลักที่นิยมในกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ก็หนีไม่พ้น Hermès เพราะเป็นแบรนด์ที่มีประวัติมายาวนาน ยิ่งถ้าไปดูสถิติย้อนหลังจะเห็นว่า 10 ปีมานี้มูลค่าเพิ่มสูงขึ้นตลอด บางใบซื้อไป 2 แสนบาท ดูแลอย่างดี ผ่านไป 10 ปี มาขายได้ 3 แสนก็มี ขึ้นอยู่กับแบรนด์ รุ่น สี ซึ่งเรามีประสบการณ์ จะช่วยแนะนำได้ว่าใบไหนซื้อแล้วมีโอกาสกำไรหรือขาดทุนน้อยสุด หรือบางใบที่ดูแฟชั่นหน่อย อาจจะไม่ได้กำไรเป็นตัวเงินแต่กำไรใช้

พัดจะบอกเสมอว่า ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้เหมือนเล่นหุ้น ซื้อในสิ่งที่ชอบ เลือกในสิ่งที่ใช่ แต่ลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนมอาจจะดีกว่าหน่อย ตรงที่หุ้นอยู่ในพอร์ต แต่กระเป๋าแบรนด์เนมเอามาใช้เพิ่มภาษีสังคมได้ แถมเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายกว่าทรัพย์สินอื่นๆ


มาดามพัดซัง ตัวแม่แห่งวงการแบรนด์เนม

ถามว่ารู้สึกอย่างไรที่หลายคนมองว่า มาดามพัดซังคือตัวแม่ของวงการแบรนด์เนมมือสอง “จริงๆ แล้วไม่ใช่ตัวแม่ค่ะ พัดแค่ใช้ความรู้ที่มีในด้านแบรนด์เนม เพราะเราคลุกคลี พอดูออกว่าใบไหนของแท้ ของปลอม รู้ว่าเทรนด์คืออะไร ควรลงทุนกับอะไรมากกว่า ส่วนที่ทำให้ลูกค้าติดอาจจะเพราะเราใช้ใจแลกใจในการทำธุรกิจ ซึ่งเราได้ค่าคอมฯ จากการที่ลูกค้ามาฝากซื้อฝากขาย ใบไหนดีก็บอกว่าดี จับยัดใส่มือเลยก็มี (หัวเราะ) อย่างช่วงโควิดที่ผ่านมา ลูกค้าบางคนอยากปล่อยกระเป๋า เพราะอยากกำเงินสด บางคนซื้อไป ถือ 6 เดือนกำไรใบละแสนก็มี ที่สำคัญเราเป็นคนสนุก เราชอบเรียกลูกค้าว่ามหารานี มหาราชา”

อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของมาดามพัดซังคือ คำศัพท์แซ่บๆ ที่ฟังแล้วสนุก ชวนให้อยากช็อป ไม่ว่าจะเป็น ยัดบี้ ขยี้ราคา​ ถือให้โลกจำ เพื่อนชิงชัง ​กระเป๋าใบนี้สวยสะพรึง หรือถ้าจะบอกว่าไม่มีตำหนิ เราก็จะพูดให้เห็นภาพไปเลยว่า กระเป๋าใบนี้ไร้ริ้วรอยราคี

“ถามว่าทำไมถึงได้ชื่อ “มาดามพัดซัง” อาจเพราะเราเป็นคนชอบแต่งตัว ชอบมุก ลงทุนกับแอกเซสซอรี่ชาแนล ชอบแต่งตัวเต็ม ทาปากแดง ไปไหนต้องใส่หมวกตลอด อยู่เมืองไทยใส่บู๊ต เป็นคนเนี้ยบ ช่างเลือก ชอบความลักซ์ชัวรี คนเลยเรียกมาดาม ส่วนพัดซัง มาจากชื่อเล่นชื่อพัด เวลาไปญี่ปุ่น เขาจะเรียกพัดซัง เราก็ว่าชื่อเก๋ดี


สุดท้ายนี้ สำหรับสาวๆ ที่ฝันอยากใช้แบรนด์เนม มาดามพัดซังบอกเลยว่า ขอแค่เริ่มจากมีฝัน แต่ต้องอย่าฝันเกินตัว เช่น อยากจะถือแอร์เมสสักใบ อย่าคิดว่าไม่มีปัญญา แต่ให้กลับมาดูรายได้ตัวเอง ถ้าเงินในกระเป๋าไม่พร้อม อย่าซื้อ อย่าตะกายดาวเกินไป หรือใช้เงินจากบัตรเครดิต แต่อาจจะมองหารายได้เสริมจากการทำงานอื่นๆ เพื่อเก็บเงินซื้อกระเป๋า ซึ่งอาจจะมองหาใบที่ซื้อแล้วเป็นการลงทุนไปในตัวด้วย

“พัดเอง ถ้าถามว่าวันนี้กลัวอะไรที่สุด พัดกลัวความจน ไม่ใช่ไม่ใช้จ่าย แต่ต้องใช้จ่ายอย่างไม่ประมาท ก่อนซื้ออะไรก็ต้องคิด ไม่ได้งก แต่เลือกมากขึ้น ทุกวันนี้ พัดไม่ได้มีรายได้ทางเดียว ยังมีร้านขนมปังสังขยา na.uthai ที่พัดคิดสูตรเอง ทำเอง นอกจากนี้ ยังนำเมนูบ้านๆ ที่แม่ชอบทำให้กิน อย่าง แกงไก่หน่อไม้ ไข่พะโล้ กุยช่าย มาทำขาย มีซื้อแฟรนไชส์ชานมไข่มุกมาบริหาร ทำบริษัทออร์แกไนเซอร์ แล้วก็ยังเล็งๆ ว่าจะทำธุรกิจจิวเวลรี เสื้อผ้า เพราะพัดถือคติถ้าใช้เงินเก่ง ก็ต้องหาเงินให้เก่งเหมือนที่เราใช้” มาดามพัดซังทิ้งท้าย


ใบโปรดของมาดามพัดซัง “เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม”

1. Hermès รุ่น Kelly ไซส์ 32 – ปกติคนจะนิยมไซส์ 25 หรือ 28 แต่พัดเป็นคนสัมภาระเยอะ คิดว่าใช้ใบใหญ่ก็เท่ดี เวลาใส่กับยีนส์ขาสั้น อันนี้เป็นสีเรียบๆ แมตช์กับเสื้อผ้าได้ง่าย ใบนี้ใช้ทุกวัน เป็นหนัง Togo สี Clair อะไหล่โกลด์ ฮาร์ดแวร์ เรียบหรู ดูแพง

2. Hermès รุ่น Birkin ไซส์ 20 – อันนี้เป็นใบที่ชอบมาก ปลื้มมาก ตอนที่ได้มาครอบครองทำ Unbox ด้วย เพราะเป็นครั้งแรกที่ Hermès ทำ Birkin ไซส์เล็กแบบนี้ มีแค่ 40-50 ใบทั่วโลก จุดเด่นคือ ตัวกระเป๋ามีวินโดว์ที่เหมือนกับช็อปของ Hermès ที่ถนน Faubourg Saint-Honore ปารีส ไม่ว่าใครมาต้องมาถ่ายรูป จุของได้เยอะ ใช้ออกงาน หรือ ถือเก๋ๆ ในชีวิตประจำวัน

3. Hermès รุ่น Kelly – เป็นไอเท็มที่ไม่ใช่แค่น่ารักเป็นพร็อพ แต่มีสายสะพายถือออกงานได้ เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่เอาไว้สะพายข้าง เหมือนซื้อจิวเวลรีผสมกระเป๋า เป็นแอกเซสซอรีชิ้นหนึ่ง พัดก็เลยชอบมากๆ ใช้ออกงาน ยิ่งสีนี้เป็นสีที่หายาก หนังแมชท์ อะไหล่ โกลด์ ฮาร์ดแวร์ด้วย