แม้จะทำตัว Low Profile แต่ด้วยวัยใกล้ 30 ปี “ไอซ์-วรรณวนัส ภัทรพงศ์สินธุ์” จัดว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ในฐานะเจ้าแม่โปรเจกต์ที่ขยันลุยธุรกิจใหม่อยู่ตลอด โดยเฉพาะ ด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ปัจจุบันนี้นอกจากจะให้เช่าที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองที่เธอคุ้นเคย เพราะใช้ชีวิตอยู่มานานถึง 6 ปี จนมีคอนเนกชันมากมาย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอยังบินลัดฟ้าไปลงทุนอสังหาฯ ที่กรีซ และล่าสุดที่ สมุย สถานที่แห่งใหม่ที่เธอกำลังตกหลุมรัก
เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจมาดเท่ให้มากขึ้น ถึงที่มาที่ไปของการกระจายการลงทุนได้อย่างน่าสนใจ หลากหลายทั้งในแง่ประเภทธุรกิจและภูมิภาค ลองไปทำความรู้จักตัวตนของเธอกันได้เลย
ชีวิตนี้ได้ดีเพราะใจสู้
ไอซ์เติบโตมาในครอบครัวข้าราชการ ได้ดีเอ็นเอนักธุรกิจมาจากคุณแม่ ซึ่งตอนหลังหันมาลุยธุรกิจส่วนตัว ชีวิตไอซ์เจอกับจุดเปลี่ยนในชีวิตมาหลายครั้ง จนทำให้เธอมีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัว เพราะอายุแค่ 8 ขวบก็เผชิญหน้ากับประสบการณ์เกือบตาย
“ไอซ์เคยเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำเกือบตาย แขนหัก ขาหัก ตอน 8 ขวบ นอนไอซียูอยู่ 2-3 คืน ช่วงนั้นไอซ์อยู่กับคุณตาคุณยาย คุณแม่ทำงานอยู่ที่ซานฟรานซิสโก พอเกิดเรื่องนี้ คุณแม่เลยทิ้งทุกอย่างกลับมาทำธุรกิจที่เมืองไทย ไอซ์เรียนอยู่โรงเรียนในไทยซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหญิงล้วน จนอายุ 13 ปี คุณแม่ก็ส่งไปเรียนที่เนเธอร์แลนด์ค่ะ
อยู่ที่นั่นได้ใช้ชีวิตอีกแบบ ดูแลตัวเอง และพอเราเห็นเพื่อนทุกคนทำงานพาร์ทไทม์กันก็เลยเริ่มทำบ้าง ตอนนั้นอายุ 15-16 บ้านของโฮสต์ที่เราไปพักเป็นโรงพิมพ์ เลยไปรับจ้างส่งหนังสือพิมพ์ ตื่นตั้งแต่ตี 4 หอบหนังสือพิพม์เดินส่งตามบ้านวันละหลายกิโล ตอนนั้นทำเพราะอยากเก็บเงินซื้อจักรยาน แม้ว่าที่บ้านจะมีเงินค่าขนมให้ใช้ หรือจะขอเขาก็ได้ แต่ไอซ์ถือคติที่คุณแม่สอนว่า ถ้าอยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเอง ก็ตั้งใจทำงานเก็บเงินไปซื้อจักรยานสมใจ จากนั้นก็เปลี่ยนไปทำงานอื่นๆ อีกหลายอย่าง ทั้งเป็นแคชเชียร์ในซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นพนักงานเติมของเข้าชั้น ช่วยเพื่อนทำงานเกี่ยวกับศิลปะ งานอาร์ต ทำพวกนิทรรศการ”
หลังจากนั้นเธอกลับมาเมืองไทย เตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย “ตอนแรกตั้งใจจะเข้าศิลปากร แต่คุณแม่ก็เกิดไอเดียอีก เขาเล็งเห็นว่าประเทศจีนมีความสำคัญ ในอนาคตน่าจะเป็นมหาอำนาจโลก เลยอยากให้เราไปเรียนที่จีนดีกว่า แล้วก็ให้เวลาเราเตรียมตัวแค่ 6 วัน ก็ต้องขึ้นเครื่องไปเรียนต่อที่เซี่ยงไฮ้เลย”
การต้องเดินทางไปยังต่างแดน แบบไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจครั้งนี้ ทำให้ช่วงแรกของการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ของเธอกลายเป็นเรื่องเศร้า “ร้องไห้กับสิ่งที่เป็นอยู่ 6 เดือน จำได้เลยไปอาทิตย์แรก ยืนต่อคิวซื้อชานม อึดอัดมาก เจอแซงคิวจะว่าเขาภาษาเราก็ยังไม่ได้ แถมคนจีนเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ก็ยังไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ หงุดหงิดมาก สื่อสารไม่ได้ ไม่เข้าใจความคิด ทัศนคติเขา
จนชีวิตมาพลิกผันตอนที่คุณแม่ไปหา แล้วขากลับตกเครื่องเลยตั้งใจฆ่าเวลาด้วยการแวะไปเดินเล่นที่ People Square อารมณ์เหมือนชิบูย่าของญี่ปุ่น ปรากฏว่าพอลงแท็กซี่ปุ๊บยังไม่ทันได้หยิบกระเป๋าเดินทางจากท้ายรถ แท็กซี่ก็ขับออกไปเลย ต้องแจ้งความ วุ่นวายตามหา ซึ่งพอตามตัวได้แต่ก็ไม่ได้ของคืนอยู่ดี เขาปฏิเสธ เราเถียงเขาทำอะไรเขาไม่ได้เลย จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ไอซ์บอกตัวเองว่า ‘ต้องเอาชนะประเทศจีนให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม’ ก็เลยฮึดขึ้นมา เรียนภาษา ตั้งใจเรียนทุกอย่าง จนตอนหลังพอปรับตัวได้ ภาษาได้ ใช้ชีวิตได้ เลยเริ่มมีความสุข ชอบที่นั่นมาก รักเซี่ยงไฮ้ ทุกวันนี้กลายเป็นรักคนจีนมาก ถ้าไม่มีเขาเราก็ไม่มีทุกวันนี้”
นิยามคำว่าเอาชนะประเทศจีนของไอซ์ เริ่มตั้งแต่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะ แม้จะเรียนคอร์สที่เรียนกับนักเรียนต่างชาติ แต่ทุกคนยังต้องเรียนเป็นภาษาจีน ซึ่งไอซ์ก็พยายามเอาตัวรอด ใช้เวลาเรียน 4 ปีก็สามารถคว้าปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจมาครองได้สมใจ แถมในระหว่างที่เรียนยังได้มีโอกาสไปฝึกงานที่สถานกงสุล และบริษัท zhengda และยังรับหน้าที่เป็นออร์กาไนเซอร์จัดงาน Thai night อีเวนต์ใหญ่ที่รวมนักศึกษาไทยที่เซี่ยงไฮ้มาเจอกัน ซึ่งผลตอบรับจากการจัดงานประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เรียกได้ว่า นักเรียนไทยในเซี่ยงไฮ้มาร่วมงานกันแบบพร้อมหน้า และพอเรียนจบเธอก็ได้เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวทำธุรกิจที่จีน
“ก่อนหน้าจะเกิดโควิด-19 ด้วยความที่ไอซ์ได้ลงทุนทำอสังหาฯ กับคนจีน และทำธุรกิจที่เซี่ยงไฮ้ทุกๆ 2 -3 เดือน ไอซ์ก็จะบินไป เซี่ยงไฮ้-เซียะเหมิน-เซินเจิ้น แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปเลย แต่ยังมีธุรกิจอสังหาฯ กับค่ายมวยที่เซี่ยงไฮ้ที่ยังทำอยู่”
นอกจากธุรกิจในจีน ไอซ์ยังไปลงทุนไกลถึงกรีซ โดยลงขันกับพาร์ทเนอร์ชาวอเมริกันที่รู้จักกันที่เซี่ยงไฮ้ ซื้อวิลล่าซึ่งตั้งอยู่บนเกาะครีต (Crete) เมืองเอเลาน์ดา (Elounda) มารีโนเวทโดยใช้ชื่อว่า Bingbing น่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการตอนปี 2565
“โปรเจกต์นี้เพิ่งลงทุนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็มาเจอโควิด-19 พอดี แต่เราก็ยังเดินหน้าตามไทม์ไลน์เดิม เหตุผลที่ตัดสินใจไปลงทุนถึงกรีซ ซึ่งบางคนมองว่าเป็นประเทศที่ใกล้ล้มละลาย เศรษฐกิจไม่ดี แต่ไอซ์ชอบที่นั่นมาก จากการที่เคยไปเที่ยวเกาะมิโคนอส (Mykonos) แล้วรู้สึกว่าอยากมาใช้ชีวิตหรือลงทุนที่นี่ พอมีโอกาสผ่านเข้ามาก็เลยตัดสินใจทำเลย ถือเป็นธุรกิจที่ตอบสนองความชอบส่วนตัวประมาณหนึ่ง
แต่ตั้งแต่เกิดโควิดก็ยังไม่ได้ไปเลย ตอนนี้อยากเที่ยวเกาะ ก็ต้องเที่ยวเมืองไทย เลยไปสมุยแทน เพราะเพิ่งไปลงขันกับพาร์ทเนอร์ทำอสังหาฯ ได้ประมาณ 2 เดือน ช่วงนี้เลยไปสมุยค่อนข้างบ่อยค่ะ”
เห็นลงมือทำสารพัดโปรเจกต์แบบนี้ เรียกว่ายุ่งมือเป็นระวิง นั่นเพราะเธอมีความฝัน และตั้งเป้าอนาคตไว้ว่า “อยากจะเกษียณตัวเองตอนอายุ 40 ปี แล้วหลังจากนั้นจะไปอยู่ที่กรีซ ไปอยู่ในที่ที่เรามีความสุข ใช้ชีวิตแบบผ่อนคลาย ดังนั้นตอนนี้เลยต้องรีบขยันสร้างตัวก่อนค่ะ”
เจ้าแม่โปรเจกต์ ชีวิตนี้ว่างไม่ได้!
ถามว่า ทำไมถึงขยันทำโปรเจกต์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ไอซ์เฉลยว่าอาจเพราะเป็นลูกคนเดียว แถมเป็นคนขี้เหงา ไม่ชอบอยู่คนเดียวเอามากๆ เลยทำให้ต้องคอยหาอะไรทำตลอด ยิ่งช่วงที่กลับมาเป็นโสดยิ่งมีเวลา นอกจากธุรกิจมากมาย ไอซ์ยังแบ่งเวลาไปเป็นอาจารย์พิเศษให้เด็กๆ ที่โรงเรียนต่างจังหวัด ช่วยแนะแนวเกี่ยวกับการใช้ชีวิต ผ่านโจทย์ที่ฟังดูง่ายแต่ตอบยาก อย่าง What is your happiness?
“บางคนตอบไม่ได้นะ ไม่รู้ว่าความสุขที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร หลายคนอาจจะมองว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีเงินทองมากมาย น่าจะมีความสุข แต่บางครั้งคนพวกนี้ก็อาจจะไม่มีความสุข เพราะคนเราชอบวัดคุณค่าตัวเองจากวัตถุมากกว่าจิตใจ ไอซ์ไม่ได้ตัวเองว่าเป็นคนดี แต่มีทุกวันนี้เพราะคุณพ่อคุณแม่และตัวเราเอง เราอยู่ในยุควัตถุนิยม ไอซ์เองก็เคยผ่านจุดนั้นมา แต่ตอนนี้ไอซ์มองโลกในอีกแบบ กลับมาหาชีวิตที่เรียบง่าย แต่มีคุณภาพชีวิตดี มีชีวิตที่มั่นคง เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ไปได้ไกลกว่า ให้คุณค่ากับสิ่งที่อยู่ข้างใน แต่ก่อนไอซ์เป็นคนใจร้อนมาก จนต้องหาวิธีบำบัดด้วยการหันมาเล่นโยคะ เพื่อให้สงบขึ้น ไปใช้ชีวิตใกล้ๆ น้ำ ต้นไม้ใบหญ้า เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง ซึ่งก็ได้ผลนะ”
ไหนๆ ก็แย้มมาถึงสเตตัสโสดทั้งที แทนที่จะปล่อยผ่าน เลยถือโอกาสถามถึงสเปคคู่ชีวิตที่หมายตา ถือเป็นการช่วยตามหารักแท้ไปในตัว
คำถามนี้ ไอซ์ตอบอย่างจริงจัง ด้วยคำตอบที่ตกผลึกมาอย่างดีว่า “คนที่จะมาอยู่กับไอซ์ ต้องเข้าใจไอซ์นิดหนึ่งว่า ไอซ์มีปัญหาในการใช้ภาษาไทย เพราะเราพูดได้ 5 ภาษา บางทีเราคิดเป็นจีน เป็นดัตช์ เลยทำให้เราเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง บางครั้งไม่ได้หมายความแบบที่อยากพูด แต่พอพูดออกไปกลับดูแรง ทำให้คนไม่ชอบ ซึ่งไอซ์พยายามปรับปรุง แล้วก็จะมีความติสต์นิดหนึ่ง อย่างช่วงโสดก็มีติสต์แตกไปเที่ยวคนเดียว ตระเวนเที่ยวฝรั่งเศส เดนมาร์ก ลักเซมเบิร์ก เบลเยี่ยม ถึง 1 เดือนเต็มๆ เลย
ถ้าถามว่าชอบผู้หญิงแบบไหน ถ้าให้เพื่อนตอบจะบอกว่า ชอบผู้หญิงแบบขาวหมวย เซ็กซี่ อารมณ์ลูกครึ่ง แต่ถ้ามองลึกไปกว่านั้น ไอซ์อยากได้แฟนที่ไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน ชอบเที่ยว ชอบออกกำลังกาย เพราะไอซ์เป็นคนมีวินัยในการออกกำลังกายมาก วันเว้นวัน ถ้าไม่ได้ออกจะเริ่มหงุดหงิด ฉะนั้น เขาต้องเป็นคนดูแลตัวเองระดับหนึ่ง จะแก่หรือเด็กกว่าไม่ใช่ปัญหา ขอให้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ อีกอย่างต้องไม่ทำให้ชีวิตเราแย่ลงด้วย ไอซ์เป็นคนถ้าให้ใจใครให้แล้วเต็มที่ ซึ่งไอซ์จะเป็นคนติดแฟนและเทคแคร์แฟนมาก แต่ถ้ามันแตกก็กลายเป็นคนพอเลย ยิ่งโตเรายิ่งต้องหาความสุขให้ตัวเอง”
3 เดือนกับสถานะโสดไอซ์ยอมรับว่า เป็นช่วงเวลาที่นานที่สุด และคิดว่าจะโสดอีกสักพักเพื่อให้เวลากับตัวเอง เพราะตั้งใจแล้วว่าถ้าเจอคนที่ใช่พร้อมจะวางแผนอนาคตระยะยาวไปด้วยกัน ถึงขั้นมีแผนแต่งงานไว้ในใจแล้ว
“ไอซ์ตั้งใจว่าจะขอแฟนแต่งงานที่หอไอเฟลด้วย หลังจากนั้นค่อยไปหมั้นที่กรีซ กลับมาจัดงานแต่งริมทะเลที่เมืองไทย จากนั้นไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่เซี่ยงไฮ้ แล้วให้แฟนเลือก 1 ประเทศที่อยากไปฮันนีมูน นี่คือแผนที่ไอซ์คิดไว้ ขาดแค่คนที่จะมาอยู่ใช้ชีวิตด้วย(หัวเราะ)”
วาดภาพงานแต่งราวกับว่าได้เดินทางไปท่องโลกกับไอซ์ งานนี้เลยให้ไอซ์ลองเช็คลิสต์ 5 ประเทศที่ประทับใจซักหน่อย “อันดับหนึ่งคือฝรั่งเศส ไอซ์เป็นคนชอบแต่งตัว ด้วยความที่เราเป็นคนชอบอัปเดตแฟชั่น และเป็นคนโรแมนติกมาก อย่างที่บอกแต่ก่อนเป็นคนเยอะๆ ทั้งตัว แต่ตอนนี้ชอบเสื้อผ้าสไตล์ง่ายๆ ใส่สบาย เน้นคุณภาพมากกว่า เสื้อยืดบางตัวราคาไม่ถึง 150 บาท แต่ซื้อเหมือนกันหลายๆ ตัว
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย ถือเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวคือ ถุงเท้าสารพัดลวดลาย ปกติมีร้านประจำที่เซี่ยงไฮ้ แล้วก็ที่สเปนค่ะ จะเป็นร้านขายถุงเท้าโดยเฉพาะเลย ซื้อตุนไว้เยอะมาก เพราะชอบใส่แบบสีสัน ลวดลาย ไม่ใช่ขาวดำ พื้นๆ พอใส่ออกงานถ่ายรูปแล้วคนจำได้ ก็ต้องเปลี่ยนไม่ให้ซ้ำ เลยจะมีถุงเท้าเยอะมาก และไอซ์เป็นคนสะสมหรือเก็บแว่นตายี่ห้อแปลกๆ
นอกจากเรื่องแฟชั่นแล้วยังชอบฟังเพลงแจ๊ซ อารมณ์โรแมนติก ดังนั้น ปารีสคือเมืองที่ประทับใจที่สุด รองลงมาคือ กรีซ เพราะไอซ์ชอบทะเล อันดับ 3 คือ อิตาลี เพราะชอบอาหาร อันดับ 4 คือ เซี่ยงไฮ้ ที่นี่คือเป็นชีวิตเราเลย ไอซ์มีทุกวันนี้เพราะเริ่มต้นจากที่นี่ สุดท้ายแน่นอน ประเทศไทย บ้านเกิดเมืองนอนของเรานั่นเอง” ไอซ์ทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดี