ตาใสปิ๊ง! “ดลิน โสภณพนิช” ทายาทรุ่น 2 เจ้าแม่ตาวิเศษเห็นนะ

user

4 years ago

ในอดีตเมื่อ 35 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักโครงการ “ตาวิเศษ” ที่เจ้าของโครงการ อย่าง คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช เลือกผลักดันโครงการรณรงค์ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง ซึ่งมีดวงตาดุดันเป็นสัญลักษณ์ จนทำให้คุณหญิงชดช้อยในขณะนั้น ได้รับฉายาว่าเป็น “เจ้าแม่ตาวิเศษ” ไปโดยปริยาย

วันนี้ DNAความรักษ์โลกและใส่ใจสิ่งแวดล้อมจากรุ่นแม่ ได้ส่งผ่านมายังรุ่นลูก อย่าง สาวตาใสปิ๊ง “ดิ๋น-ดลิน โสภณพนิช ยังพิชิต” ที่ได้รับการปลูกฝังเรื่องการลดปริมาณขยะมาตั้งแต่เด็ก จนทุกวันนี้เธอได้ชื่อว่า เป็นสาวรักษ์โลกหัวใจสีเขียวอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เลยก็ว่าได้

ดิ๋น ดลิน ผู้บริหารร้าน ดิ แอดเจคทีฟ ทายาทคนเก่งของเจ้าแม่ตาวิเศษในตำนาน อย่าง คุณหญิงชดช้อย เล่าว่า ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี เธอเห็นการทำงานของคุณแม่ด้านการรณรงค์เรื่องการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง ซึ่งมีดวงตาดุดันเป็นสัญลักษณ์ภายใต้ชื่อ “ตาวิเศษ” สิ่งเหล่านี้ได้ปลูกฝังหลอมรวมให้เธอลดปริมาณขยะ สร้างขยะให้น้อยที่สุด รวมไปถึงรู้จักการคัดแยกขยะเพื่อลดของเสียมาตั้งแต่วัยเยาว์

“ตลอด 30 ปี ที่เห็นคุณแม่พยายามรณรงค์เรื่องการทิ้งขยะให้ถูกที่ เพื่อลดปริมาณขยะและของเสีย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ปลูกฝังให้เรามีนิสัยคัดแยกขยะมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่จะสอนเสมอว่า ต้องทิ้งขยะให้ลงถัง ภายในบ้านต้องคัดแยกขนะเปียกขยะแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน และอีกสิ่งที่ได้นำมาใช้ตั้งแต่เด็ก จนถึงปัจจุบันคือ การลดขยะ สร้างขยะให้น้อยที่สุด เช่น เตรียมอาหารให้พอทาน ไม่ให้เหลือ, พกกระติกน้ำ แก้วน้ำส่วนตัวไปด้วยทุกครั้ง ปฏิเสธการรับถุงพลาสติก หรือถุงต่างๆ”

นิสัยความรักษ์โลกใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงภายในบ้านเท่านั้น หากแต่ความเป็นสาวตาวิเศษ ยังเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดอีกด้วย

“สิ่งที่เราปฏิบัติตนเรื่องการลดขยะ กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว และเมื่อเวลาเราออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านกับเพื่อน เราก็จะคอยบอกเพื่อนๆ เสมอว่า ต้องทิ้งขยะให้ตรงถัง แยกขยะก่อนทิ้งทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ลดปริมาณของเสียออกสู่โลกภายนอก มีครั้งหนึ่งที่พวกเรากำลังเดินทางไปเที่ยวกัน และระหว่างที่รถจอดสนิทอยู่ก็เห็นรถข้างๆ ทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้น เราก็จะชี้บอกเพื่อนว่า พฤติกรรมแบบนี้ห้ามทำเด็ดขาด เพราะเป็นการเพิ่มความสกปรกให้บนท้องถนน ซึ่งเพื่อนๆ ทุกคนก็จะตั้งฉายาให้เราว่า เจ้าแม่ตาวิเศษ”

ดิ๋นเล่าต่อว่า ทุกบ้านจะมีข้อจำกัดหรือข้อห้ามที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบ้านของเธอคุณแม่จะตั้งกฎเหล็กไว้ว่า ห้ามนำกล่องโฟม พลาสติกทุกชนิดเข้าบ้าน

“ตั้งแต่เล็กจนโตคุณแม่จะปลูกฝังเรื่องการลดปริมาณขยะตลอด ดังนั้น เวลาเราไปข้างนอก นอกจากจะพกแก้วส่วนตัวสำหรับใส่น้ำดื่มแล้ว เราต้องพกกล่องถนอมอาหารติดไว้ที่รถเพื่อไว้ใส่อาหารที่ซื้อกลับมารับประทานที่บ้าน ซึ่งที่บ้านเราทำอย่างนี้มานานกว่า 30 ปีแล้วก่อนที่จะมีการรณรงค์การลดใช้กล่องพลาสติกกล่องโฟมเหมือนดังเช่นทุกวันนี้”

หัวใจรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่ในชีวิตของดิ๋นเกินร้อย เมื่อไม่นานมานี้เจ้าตัวถึงขั้นลงทุนซื้อเครื่องปั่นเศษอาหาร เพื่อปั่นเศษอาหารที่เหลือในแต่ละมื้อให้ละเอียด แล้วนำมาเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้

“เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเรามานั่งคิดว่า เศษอาหารที่เรารับประทานเหลือในแต่ละมื้อ เพื่อแยกไปทิ้งเป็นขยะเปียกนั้น เราจะสามารถนำเศษอาหารเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างไร จึงไปศึกษาหาข้อมูลและพบว่า เศษอาหารถ้าผ่านกระบวนการปั่นบดที่ละเอียดแล้ว เราสามารถนำไปเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ได้ ดังนั้น เราจึงตัดสินใจซื้อเครื่องปั่นเศษอาหาร มาปั่นเศษอาหารที่เหลือในแต่ละมื้ออาหาร แล้วนำมาทำเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ที่หน้าบ้าน ซึ่งทุกวันนี้ต้นไม้จากปุ๋ยเศษอาหารเจริญเติบโตออกกิ่งก้านสาขาเยอะมาก”

ความรักและความใส่ใจสิ่งแวดล้อมของสาวดิ๋น ที่สะสมลงรากลึกอยู่ในสายเลือดนั้น ยังต่อยอดไปถึงการดำเนินธุรกิจร้านเสื้อผ้า fashion, outdoor ในนาม The Adjective ที่เลือกนำเข้าแบรนด์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“แบรนด์ที่นำเข้ามาอย่าง nudie, fjallraven ล้วนเป็นแบรนด์ที่รักสิ่งแวดล้อม เพราะกางเกงยีนส์ของแบรนด์เมื่อใช้จนเก่าแล้ว สามารถนำมาแลกซื้อตัวใหม่ภายในร้านได้ และเราก็จะนำยีนส์ตัวเก่าไปผ่านกระบวนการซักฟอกฆ่าเชื้อ แล้วจึงนำมาขายในราคาที่ถูกลง อันเป็นการรียูสสินค้า ลดปริมาณการทิ้งของเสียออกมา รวมทั้งวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในร้าน ไม่ว่าจะเป็น ป้ายราคา หรือถุงกระดาษ จะเป็นกระดาษ recycle จนมาถึงปัจจุบัน ทางร้านได้เลิกใช้ถุงกระดาษแล้ว นอกจากนี้ ทางร้านยังมีกิจกรรม นำขวดพลาสติกมาแลกส่วนลด เพื่อนำไปผลิตจีวรพระที่วัด เป็นต้น”

นอกจากนี้ สาวตาวิเศษยังบอกด้วยว่า สำหรับใครที่คิดถึงโครงการตาวิเศษ สามารถไปพบกับกิจกรรมศูนย์การเรียนรู้การคัดแยกขยะ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้ เพราะทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะถูกอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมาย ส่วนในชุมชนเธอก็มีส่วนช่วยคุณแม่จัดกิจกรรมแนะนำการแยกขยะ ในชุมชนต่างอีกด้วย