Celeb Online

“หมิง อินทนนท์” สร้างเทรนด์ กินเนื้อหมูโอเมก้าคุณค่าเท่าแซลมอน


ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นหนุ่มเฮลตี้ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ทำให้ “หมิง-อินทนนท์ จิราวณิชานันท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเค ซลอเทอร์เฮาส์ จำกัด กลายเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอร์ที่ลงตัว เมื่อต้องเข้ามาช่วยปลุกปั้นแบรนด์เนื้อหมูโอเมก้า พอร์ค แมทเตอร์ (Pork Matters) หมูที่มีปริมาณไขมันดีโอเมก้า 3 เทียบเท่าปลาแซลมอน

ก่อนจะมารับหน้าที่ผู้บริหาร หมิงสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานมาไม่น้อย หลังจบปริญญาตรีตอนอายุ 24 ปี เขาก็ตัดสินใจบวช เพราะกลัวว่าถ้าทำงานแล้วจะไม่มีเวลา โดยตั้งใจบวช 1 พรรษา แต่ปรากฏว่าบวชได้แค่เดือนครึ่งก็ต้องสึก

“ช่วงที่บวชได้เรียนรู้หลายอย่าง ทั้งเรื่องการนั่งสมาธิ การฝึกจิต เพื่อรับรู้ถึงอารมณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมได้เอามาปรับใช้กับการทำงานเยอะมาก ตั้งแต่การปรับมายด์เซ็ต ให้พยายามคิดบวกและมองทางสายกลาง เวลามีปัญหารู้จักที่จะปล่อยวาง พยายามวิเคราะห์ว่าต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงคืออะไร และพยายามลดอคติจากตัวเองและคนรอบข้าง เพื่อให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดและรวดเร็ว”


ด้านสุขภาพกาย หมิงก็ให้ความสำคัญกับการเลือกกินอาหาร “แต่ก่อนผมเลือกทานอาหารที่อร่อย ผ่านอาหารมาทุกรูปแบบ ชานมไข่มุกวันละ 3 เวลาก็เคย ชีส พิซซ่าก็กิน จนพบว่าพอปล่อยให้น้ำหนักขึ้น ความคิดความอ่านก็ช้าลง เลยหันมาดูแลสุขภาพ ด้วยการลดของที่มีน้ำตาล เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้กล่อง ไอศกรีม พยายามดื่มน้ำเปล่าและเน้นออกกำลังกาย สมัยก่อนผมเตะบอล วีกละ 3 ครั้ง ตอนนี้ลดเหลือ 1 ครั้ง ก็อาศัยเข้ายิมหรือไปวิ่งให้ได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง”

นอกจากดูแลตัวเอง หมิงยังเป็นคนชอบลอง สมมติเห็นว่า มีเครื่องปรุงอะไรออกใหม่ เช่น พริกไทย ซอส หรือน้ำจิ้มสุกี้ จะไปกวาดมาลองให้ครบทุกยี่ห้อ ยอมเสียเงินครั้งเดียว แต่จะได้รู้เลยว่าแบรนด์ไหนที่ใช่ อร่อยถูกปาก

“ผมทำอาหารได้แต่ไม่ชอบทำ จะทำเฉพาะโอกาสพิเศษมากกว่า เพราะเป็นลูกมือแม่แต่เด็กทำได้หลายอย่าง เช่น หมูแดง หมูกรอบ สเต็ก กิมจิ อร่อยด้วยนะครับ (ยิ้ม)”


สำหรับไลฟ์สไตล์วันว่าง สมัยเด็กๆ จะชอบไปปาร์ตี้กับเพื่อน แต่ด้วยวัยที่มากขึ้นมุมมองเริ่มเปลี่ยน แม้จะยังไปสังสรรค์ แต่เปลี่ยนเป็นการไปพบปะกับผู้ใหญ่เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้แทน

“ผมว่าอาจจะเป็นเพราะอายุมากขึ้น มายด์เซ็ตเปลี่ยน เรามีเป้าหมายในชีวิต ที่ต้องการประสบความสำเร็จอีกระดับ มีภาพของโรงงานที่อยากพาไปให้ไกลถึงตรงไหน ผมคิดว่า คนเราสำคัญคือต้องเริ่มจากมีเป้าหมายก่อน เช่น เราจะพาธุรกิจโตไปเป็นพันล้าน หมื่นล้าน พอมีเป้าหมาย และองค์ประกอบหลายๆ อย่างเริ่มพร้อม มันก็ทำให้คนเราเปลี่ยนวิถีชีวิตได้”

ส่วนในมุมการเป็นผู้บริหาร เจ้าตัวออกตัวเลยว่าเป็น Perfectionist แต่ไม่ดุ จนบางครั้งก็รู้สึกว่า ความใจดีเป็นข้อเสียในการบริหารคน

“ผมเป็นคนใส่ใจดีเทลมาก เหมือนคุณแม่ แต่อาจจะน้อยกว่าคุณแม่หน่อย พอเราดีเทลแล้วไม่ได้ดั่งใจ เราก็จะลงมือทำเอง เพราะก่อนจะมาคุมลูกน้อง ผมคิดว่าเราต้องทำทุกอย่างให้เป็นก่อนเขา ดังนั้น ไม่ว่าจะบัญชี โลจิสติกส์ คิวซี หรือ งานต่างๆ ในโรงงาน เรามีความเข้าใจทั้งหมด ที่ผ่านมา การทำงานของผมจะเป็นแนวว่า ผมเป็นผู้นำ เป็นคนวางโครงสร้างให้ลูกน้องทำตาม ถามว่าเคยตัดใจให้ลูกน้องทำมั้ย เคยนะแต่พอผลลัพธ์ออกมาไม่ถูกใจ สุดท้ายก็ทำเอง”


แต่เมื่อธุรกิจเติบโต โจทย์ในการบริหารคนก็ต้องเปลี่ยนไป หลักๆ คือ ต้องพยายามลดทอนตัวเอง สร้างพนักงาน ป้อนความรู้ อัปสกิลให้พนักงาน

“ผมคิดว่าจากเดิมที่ทำเองทั้งหมด ต้องเปลี่ยนมาพัฒนาคน หาคนที่เหมือนผมให้ได้ คติในการทำงานคือคนเราอาจจะผิดพลาดกันได้ ถ้าผิดครั้งแรก ผมถือว่าพลาดเพราะไม่รู้ เพื่อให้ไปหาความรู้ แต่ถ้าพลาดอีกครั้ง แสดงว่าคุณไม่ได้พยายามแก้ปัญหา เพราะอย่าลืมว่าปัญหามีทุกวัน เมื่อไหร่ที่เจอต้องแก้ทันที แต่ต้องแก้ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ”


ด้วยความที่หมิงโตมากับธุรกิจครอบครัว มีคุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่าง ฉะนั้น เขาฝันว่าอยากจะพาธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ และขับเคลื่อนบริษัทที่เป็นธุรกิจฟาร์มหมู มีโรงตัดแต่งเนื้อหมูที่ทำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ซัปพลายให้กับลูกค้าที่เป็นโรงงาน หรือโมเดิร์นเทรด ที่ต้องการมาตรฐานส่งออกมากว่า 40 ปี เติบโตและสามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้าที่ผลิต

ดังนั้น เมื่อปีที่แล้ว จึงได้ทำ MOU ร่วมกับ บริษัท คาร์กิลล์ ประเทศไทย จำกัด และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนาสูตรอาหาร ผลิตเนื้อหมูที่มีปริมาณโอเมก้า 3 เทียบเท่าปลาแซลมอน ภายใต้แบรนด์พอร์ค แมทเตอร์ เพื่อยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของเนื้อหมู ตั้งแต่ “ต้นน้ำ” ยกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ด้วยราคาที่เป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ความรู้และเงินทุนเพื่อให้มีเทคโนโลยีการเลี้ยงที่ทันสมัยตามหลักความปลอดภัยทางด้านชีวอนามัย Bio Securities ในส่วนกลางน้ำ ยกระดับสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตเนื้อหมูพรีเมียม ภายใต้แบรนด์พอร์ค แมทเตอร์ เพื่อให้เกิดสินค้าโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ภายใต้การผลิตที่สะอาดปลอดภัย มาตรฐานส่งออกระดับสากล สุดท้ายคุณค่าส่งไปถึงปลายน้ำ คือผู้บริโภค ได้มีผลิตภัณฑ์ที่สะอาด ปลอดภัย ได้ประโยชน์ และมีรสชาติที่ดี