“ภารณี จิตรกร” หรือ “หน่อง” เป็นที่รู้จักในฐานะนักชิมไวน์แถวหน้าของเมืองไทย หรืออาจจะคุ้นหน้ากันในฐานะกรรมการ จากรายการ Master Chef Thailand และ Iron Chef Thailand ไม่เพียงเท่านั้น กูรูไวน์ท่านนี้ยังเป็นคณะกรรมการตัดสินไวน์ บนเวทีระดับนานาชาติในต่างประเทศมากมาย ตลอดจนเป็น International Bordeaux Wine Educator คนแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 178 คนทั่วโลก ของสถาบัน Ecole du Vin de Bordeaux เมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส
จากประสบการณ์ด้านเครื่องดื่มที่ผ่านมาแล้วทั่วทุกมุมโลก CelebOnline จึงได้ถือโอกาสนี้ เปิดพื้นที่แชร์เรื่องไลฟ์สไตล์การดื่มเพื่อการเฉลิมฉลองที่กำลังเป็นที่นิยมในเมืองไทยเวลานี้
“หน่อง” ฉายภาพรวมให้เห็นว่า ทุกวันนี้เทรนด์การดื่มของคนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มสุขภาพมากขึ้น สอดคล้องไปตามเทรนด์รักสุขภาพที่เกิดทั่วโลก แต่เมื่อพูดถึงความนิยมในการดื่มเพื่อการเฉลิมฉลองในปัจจุบัน กลุ่มคนรุ่นใหม่ First Jobber วัยไม่เกิน 30 จะให้ความสนใจเครื่องดื่มประเภทค็อกเทล แต่ถ้าวัยทำงานที่เริ่มมีหน้าที่การงานมั่นคงตั้งแต่ 30-40 ปี จะหันมาสนใจการดื่มวิสกี้มากขึ้น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เริ่มต้นมาจากการดื่มไวน์ ก่อนจะพัฒนามาดื่มวิสกี้
สำหรับเมืองไทย เทรนด์ความนิยมดื่มวิสกี้เพิ่มขึ้น สังเกตได้ว่ามีวิสกี้บาร์ให้บริการมากขึ้น โดยคนไทยส่วนใหญ่จะนิยมกลุ่มมอลต์ สก็อตช์ วิสกี้ และวิสกี้ญี่ปุ่น โดยไม่ใช่แค่ดื่มอย่างเดียว แต่เป็นการไต่ระดับประสบการณ์การดื่ม เป็นการดื่มอย่างมีความรู้ ด้วยการศึกษาแหล่งที่มาของวิสกี้ สนใจขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงวัตถุดิบที่นำมาผลิต ใกล้เคียงกับวัฒนธรรมไวน์ ที่เสพความรู้ของเครื่องดื่มที่ตัวเองดื่มให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“วิสกี้ญี่ปุ่นจะมีรสชาติที่กลมกว่าวิสกี้ตะวันตก และมีความละเมียดละไมในสไตล์ญี่ปุ่น ไม่เพียงรสชาติที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเท่านั้น วิสกี้ญี่ปุ่นยังมีแพกเกจจิ้งที่แปลกตาจนกลายเป็นของสะสม สำหรับกลุ่มคอลเลกเตอร์อีกด้วย” กูรูหน่องอธิบายให้เห็นว่า ทำไมวิสกี้ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความสนใจสำหรับนักดื่ม
นอกจากเทรนด์วิสกี้แล้ว อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ในหมู่นักดื่มหน้าใหม่ นั่นคือ “ค็อกเทล” โดยเฉพาะ เตกีล่า จากเมื่อก่อนผู้คนส่วนใหญ่นิยมวอดก้าหรือยิน เพียงแต่รูปแบบการดื่มจะเปลี่ยนจากเมื่อก่อนจะสั่งเตกีล่าเป็นช็อต แต่ปัจจุบันมีการนำเตกีล่ามาผสมเป็นส่วนหนึ่งของค็อกเทลด้วย ก็แล้วแต่ว่าจะสร้างสรรค์ออกมาเป็นเมนูไหน เพื่อเพิ่มรสชาติแปลกใหม่
เท่านั้นไม่พอ ด้วยอิทธิพลจากเทรนด์รักสุขภาพ ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาทานอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น การดื่มสาเกจึงกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในไทยด้วย สังเกตได้ว่า ตามไวน์บาร์หรือเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม มีการจัดเมนูสาเกโปรโมชัน ชนิดที่ว่าไม่ต้องเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ก็สามารถหาสาเกดื่มได้
ปรากฏการณ์เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการดื่มของคนไทย ที่เปิดกว้างมากขึ้น ด้วยไลฟ์สไตล์ของเจนเนอเรชันใหม่ นิยมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ชื่นชอบการเดินทาง เปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ทำให้สอดคล้องไปกับการเปิดรับวัฒนธรรมการดื่ม ที่มีวาไรตี้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ลองหันมามองเทรนด์การดื่มของคนทั่วโลกในระดับสากลบ้าง ผู้เชี่ยวชาญคนเดิมมองว่า ในต่างประเทศเทรนด์การดื่มก็ยังคงเป็นไวน์อยู่ เนื่องจากชาวตะวันตกและยุโรป ยังคงมีวัฒนธรรมการดื่มไวน์ระหว่างทานอาหารเป็นปกติ ชนิดว่าการดื่มไวน์เป็นส่วนหนึ่งของการรับประทานอาหาร ต่างจากการดื่มวิสกี้ที่เป็นเพียงการดื่มหลังเลิกงาน ก่อนกลับบ้านสักแก้วในบางโอกาสเพื่อแก้กระหาย หรือสำหรับบางคนอาจจะดื่มหลังอาหารเพื่อเป็นการช่วยย่อยเท่านั้น
“ชาวตะวันตกมองว่า การเลือกดื่มวิสกี้เป็นเรื่องของรสนิยมความชอบส่วนตัว เรียกว่าคอใครคอมันมากกว่า ขึ้นอยู่ที่ว่าใครโตมากับเครื่องดื่มแบบไหน”
(ปล. บทความนี้ไม่ได้เป็นการสนับสนุนหรือยุยงให้ทุกคนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่อย่างใด)
ดื่มเฉลิมฉลองอย่างไรให้สนุก และยังปลอดภัย?
1.อย่าดื่มเมื่อท้องว่าง เพราะถ้าท้องว่างแอลกอฮอล์จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเร็ว โดยเฉพาะ พวกสปาร์กลิงที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ จะยิ่งดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็วขึ้น
2.ระหว่างดื่มแอลกอฮอล์ ควรมีสลับดื่มน้ำเปล่าด้วย เพื่อช่วยให้ปริมาณแอลกอฮอล์เจือจางลง
3.อย่าดื่มแอลกอฮอล์ผสมหลากหลายชนิดพร้อมกัน เพราะจะทำให้เมาง่าย เช่น ดื่มไวน์ มาต่อเบียร์ ข้ามมาวิสกี้
4.ระหว่างดื่มแอลกอฮอล์กินคาร์โบไฮเดรตสลับกันด้วย เช่น ขนมปังกรอบ, ขาไก่ เพราะคาร์โบไฮเดรตจะเข้าไปซึมซับการดูดซับของแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย
5.หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนนอนควรดื่มน้ำมากๆ เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ การดื่มน้ำก่อนเข้านอนจะช่วยลดอาการเมาค้างในตอนเช้า
6.อย่าลืมอาหารเช้าเด็ดขาด สำคัญต้องเน้นโปรตีนและไขมันดี อาทิ ไข่ เบคอน ไส้กรอก แซลมอน หรือซุปร้อนๆ เพราะโปรตีนและไขมันจะเข้าไปเยียวยากระเพาะและตับ ไม่ให้เกิดการระคายเคือง หลังจากที่ได้รับแอลกอฮอล์