เป็นเซเลบริตีสาวสุดแอคทีฟที่มีงานล้นมืออยู่เสมอ สำหรับ “เดือน-ปาณนุษา บุญศรี” ไหนจะธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจรายการทีวี ปัจจุบันหันมาดูแลธุรกิจของครอบครัวเต็มตัวอย่าง Pumpkin Art Town แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรที่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ห้องจัดประชุม และโรงแรมขนาดเล็ก ที่ จ.ปทุมธานี และดำรงตำแหน่ง Executive Director สายเสถียร บริษัทดูแลปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์
ด้วยภาพลักษณ์เวร์กกิงวูแมนที่ไม่อยู่นิ่ง ไม่น่าเชื่อว่ากลับมีมุมสงบที่น้อยคนจะได้เห็น โดยสาวเดือนเป็นคนหนึ่งที่สนใจเรื่องธรรมะ และศาสตร์ทางเลือกด้านการบำบัดฟื้นฟูจิตจากภายใน หนึ่งในนั้นคือศาสตร์การบำบัดด้วยคลื่นเสียงจากถ้วยคริสตัล (Crystal Singing Bowl Healing) ที่ไม่ใช่แค่สนใจธรรมดา แต่กำลังเป็นแพสชั่นใหม่ที่ค่อยๆ เปลี่ยนวิถีในการดูและการมองชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไปเลยทีเดียว
หลังผ่านเหตุการณ์ล็อกดาวน์ ช่วงโควิด-19 เมื่อ 3 ปีก่อน ช่วงเวลาที่ใครๆ ในโลกต่างมีโอกาสได้ค้นพบความสามารถอีกด้านของตัวเอง เพราะใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เดือนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้ช่วงเวลานั้น ทำความรู้จักศาสตร์การบำบัดด้วยคลื่นเสียง กับ “ครูนาท-ดร. กัมปนาท บัวฮมบุรา” นักคลื่นเสียงบำบัดชั้นสูง “ก่อนหน้านี้เดือนพอรู้จักและสัมผัสการบำบัดด้วยคลื่นเสียงมาก่อนบ้าง จนช่วงโควิด-19 ประมาณปี 2019 ได้เข้าคอร์สการบำบัดด้วยคลื่นเสียงกับครูนาท ที่สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้เราได้สัมผัสสภาวะความผ่อนคลายและความสงบในระดับลึก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน การพบกับครูนาทครั้งนั้น ถือเป็นเรื่องบังเอิญมาก เพราะปกติครูนาทใช้ชีวิตในต่างประเทศ แทบไม่มีคิวในเมืองไทยด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากช่วงนั้นไทยอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ ทุกคนไม่สามารถบินไปไหน ทำให้ทุกคนมีจังหวะมาเจอกัน”
สำหรับการบำบัดด้วยคลื่นเสียง เป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่ใช้ดูแลสุขภาพทั้งกายและจิตใจ เกิดจากการใช้แรงสั่นสะเทือนจากคริสตัลโบลว์ จนเกิดคลื่นเสียงความถี่ต่ำเข้าไปสั่นสะเทือนโมเลกุลน้ำที่อยู่ในร่างกาย โดยร่างกายของมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากกว่า 70% เมื่อคลื่นเสียงเข้าไปสั่นสะเทือนโมเลกุลน้ำที่อยู่ในร่างกาย จะทำให้โมเลกุลเกิดการเรียงตัวสมดุลในระดับเซลล์ ช่วยจัดระบบการทำงานของร่างกายและจิตใจ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย มึนศีรษะ ช่วยเพิ่มสมาธิ และเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
ศาสตร์การบำบัดด้วยคลื่นเสียงได้รับการสืบทอดมายาวนานมากว่า 4,000 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคอียิปต์โบราณ และส่งต่อกันมาจนถึงพระลามะแห่งทิเบต โดยส่วนใหญ่มักใช้ถ้วยทองเหลืองในการสร้างคลื่นเสียง เนื่องจากเป็นคลื่นเสียงที่ใช้ในการเจริญสมาธิ จนเมื่อประมาณ 40-50 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบว่า แร่รัตนชาติชนิดอื่นๆ เช่น ทองคำ (ขยายพลังงาน), คาร์เนเลียน (ช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์), บลูแซฟไฟร์ (ช่วยสร้างความกระจ่างใส), เซเลไนท์ (ช่วยสร้างสมาธิเสริมไหวพริบ) สามารถนำมาหล่อรวมเป็นโบวล์ สร้างคลื่นเสียงรูปแบบอื่นๆ เพื่อใช้ในการเยียวยาบำบัดจิตใจและร่างกายที่แตกต่างกัน
จากจุดเริ่มต้นที่สวนโมกข์ กรุงเทพฯ เดือนได้รับจากชักชวนจากครูนาทให้ไปเข้าคอร์สบำบัดกายใจเต็มรูปแบบ ด้วยคลื่นเสียง 3 วัน 2 คืน ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นั่นจึงเสมือนจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้เดือนเปิดโลกด้านการบำบัดด้วยคลื่นเสียงอย่างลึกซึ้ง และตัดสินใจฝากตัวขอวิชากับครูนาท ในฐานะ “ผู้เชิญคลื่น”
“พอเราได้เข้ารับการบำบัดด้วยคลื่นเสียงอย่างลึกซึ้งเต็มๆ 3 วัน ทำให้เดือนพบการเปลี่ยนแปลงทางกายและใจด้วยตัวของเราเอง อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เดือนเป็นคนมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายมาตั้งแต่วัยรุ่น กินยามาตลอด พยายามเลิกก็ทำไม่ได้ แต่หลังจากผ่านการบำบัดครั้งนั้น กลายเป็นว่าเดือนไม่ต้องกินยาอีกเลย ที่สำคัญ นอนหลับลึกขึ้น และยิ่งพอเราได้พบคนที่ได้รับบำบัดเหมือนกัน มันอะเมซิ่งว่าพวกเขาก็ค้นพบการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง”
“ครูนาทเคยบอกเสมอว่า หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา ถ้าเราเจ็บป่วยเราต้องดูแลทั้งกายและใจ ฉะนั้น ถ้าเราป่วยหนักเราต้องดูแลไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่คิดแค่ว่าถ้าป่วยใจไปวัด ป่วยกายไปโรงพยาบาล ซึ่งการคิดแบบนี้ไม่ใช่การเยียวยาแบบองค์รวม”
จากวันนั้นเป็นเวลากว่า 2 ปีมาแล้ว ที่เดือนทำหน้าที่เป็น “ผู้เชิญคลื่นเสียง” มีโอกาสไปให้การบำบัดด้วยคลื่นเสียง ผ่านกิจกรรมเจริญสติภาวนา, กิจกรรมฟื้นฟูจิตใจ หรือคอร์สบำบัดต่างๆ ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย จากการชักชวนของเพื่อนฝูงและผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ อาทิ ท่าน ว.วชิรเมธี หรือครูนาทเองที่กระตุ้นให้เดือนมาเป็นผู้เชิญคลื่นเสียง ในกิจกรรมเจริญสติด้วยการใช้คลื่นเสียงบำบัดอยู่เป็นประจำ เพื่อหวังให้เธอเกิดความมั่นใจและเกิดความช่ำชองในการใช้ Crystal Bowl ในการสร้างคลื่นเสียง
ถึงวันนี้เดือนช่วยบำบัดผู้คนมาแล้วมากกว่าพันคน อีกทั้งยังแนะนำเพื่อนให้มารู้จักศาสตร์นี้ด้วยกันอย่าง ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา, วูดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา, ทิปปี้-สุพรทิพย์ ช่วงรังษี เป็นต้น
“ตอนที่เดือนตัดสินใจเป็นผู้เชิญคลื่น เราไม่ได้คาดหวังหรอกว่าจะไปทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ คิดแค่เรียนรู้สิ่งนี้มาตอบแทนคุณพ่อคุณแม่ อยากให้คุณพ่อคุณแม่มีสุขภาพที่ดี แต่พอมีโอกาสทำกิจกรรมบำบัดให้ผู้คน ได้เห็นฟีดแบคจากผู้คน ก็ทำให้เรารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ เพราะต้องอย่าลืมว่า ณ วันที่เราตัดสินใจเป็นผู้เชิญคลื่น เราแค่ได้รับประสบการณ์ความสงบทางใจ แต่ปรากฏว่าถึงวันนี้ เรามีโอกาสช่วยผู้คน ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้ แต่เรากลับกลายเป็นผู้ได้รับเต็มเปี่ยมจากสิ่งที่เราทำ”
“ครั้งหนึ่ง เดือนเจอกับคนที่ไม่เคยเข้าคอร์สบำบัดด้วยคลื่นเสียงมาก่อน และมาฟังเป็นครั้งแรก เขามีอาการเจ็บซีกขวาตั้งแต่หัวจนมาถึงเอว ซึ่งเกิดจากการผ่าตัดสมองมาก่อน และเขาอาการคลายลงหลังจากรับการบำบัด บางคนใส่เหล็กที่ข้อศอกมักมีแปล๊บๆ จุดที่ใส่เหล็ก หลังจากรับการบำบัดอาการเจ็บก็คลายตัว หรือบางคนมาเล่าให้ฟังว่า เขาสามารถสัมผัสรสชาติของน้ำดื่มเปลี่ยนแปลงไป ทั้งๆ ที่เป็นน้ำดื่มที่เขาเคยดื่มอยู่ทุกวัน หรือบางคนนอนหลับได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับเลย”
จากความบังเอิญกลายเป็นความตั้งใจ แปรเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจและมิชชั่นใหม่ในชีวิต ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการศึกษาศาสตร์การบำบัดด้วยเสียงจากถ้วยคริสตัล ถึงวันนี้เดือนจึงเกิดเป้าหมายใหม่ในอนาคต อยากรวมศาสตร์ต่างๆ ที่เธอสนใจและศึกษาด้านจิตวิทยา คลื่นเสียงบำบัด การฝึกจิต รวมถึงหลักวิปัสสานา (meditation) ต่างๆ ตลอดจนศาสตร์การคลายทุกข์แบบรู้เหตุผล มาต่อยอดเป็นรูปแบบการรีทรีตสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่คาดว่าจะพัฒนาเป็นคอร์สการบำบัดกายใจในอนาคต