Celeb Online

“ทวีภัทร์ เพชรดาษดา” สร้าง House of Tango ร้านอาหารที่ล้อไปกับธุรกิจแฟชั่นของครอบครัว


นาทีนี้ ใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวเจริญกรุง อาจจะสะดุดตากับ House of Tango ร้านอาหารอิตาเลียนเปิดใหม่ ที่นอกจากการตกแต่งจะชวนให้อยากเข้าไปเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ ยังอยากเข้าไปลองลิ้มรสอาหารอิตาเลียนที่รสชาติไม่เหมือนใคร ซึ่งที่นี่แตกต่างจากร้านอาหารทั่วไป ด้วยคอนเซ็ปต์การตกแต่งและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในต่างประเทศ ทำให้ไม่เป็นเพียงร้านอาหาร แต่เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของใครหลายๆ คน ที่เลือกที่จะมาใช้เวลา ณ ที่แห่งนี้ เพื่อเฉลิมฉลองในวาระสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไพรเวทปาร์ตี้ในกลุ่มเพื่อน เลี้ยงวันเกิด วันครบรอบ วันพิเศษของครอบครัว ฉลองเรียนจบ ไปจนถึงขอแต่งงาน ซึ่งทางร้านก็พร้อมให้บริการเต็มที่ แถมช่วยจัดเซอร์ไพรส์ ช่วยรังสรรค์เมนูพิเศษ เพื่อให้วันสำคัญยิ่งมีความหมาย และสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่มาเยือน

หัวแรงสำคัญ ที่ทำให้ร้านนี้เป็นสถานที่สุดพิเศษสำหรับผู้มาเยือน ต้องยกให้กับ “นิว-ทวีภัทร์ เพชรดาษดา” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ลูกชายของ ชัยยศ และกัญวรา เพชรดาษดา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Tango ที่แม้จะไม่ได้อินกับแฟชั่นและเครื่องหนัง เหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็เลือกที่จะต่อยอดธุรกิจครอบครัว ในอีกมิติได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการเสิร์ฟความเป็น Tango ผ่านรูป รส และสัมผัสในแบบของร้านอาหาร


นิวจบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ภาคอินเตอร์) ก่อนจะมาปั้น House of Tango เคยมีประสบการณ์ทำอีเวนต์ และบริหารร้านอาหารมาหลายแห่ง พอมาทำร้านของตัวเอง จึงตั้งใจเลือกสไตล์อาหารอิตาเลียนที่ชื่นชอบ มาผสมผสานดีเอ็นเอของครอบครัว ที่เป็นสายแฟชั่นได้อย่างกลมกล่อม

“ผมชอบทำอาหารอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเรียนจริงจัง ที่ผ่านมาผมทำงานสายอีเวนต์มาตลอด เริ่มสั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่สมัยเรียน จนพอมาเจอโควิด-19 ธุรกิจได้รับผลกระทบหนัก เลยเป็นช่วงที่มีเวลามากขึ้น และได้กลับมาทำอาหารมากขึ้น ได้มีโอกาสฝึกปรือฝีมือ ทั้งจากการลงมือทำ อ่านตำรา และไปลงเรียนคอร์สสั้นๆ บ้าง ซึ่งอาหารอิตาเลียนเป็นแนวที่ทำบ่อย เพราะชอบ แต่บางครั้งจะหารสชาติที่ถูกปากในกรุงเทพฯ ไม่ได้ เลยเน้นทำเอง”


ดังนั้น เมื่อความชอบมาบรรจบกับโอกาสที่ทางบ้าน ซึ่งจะรีโนเวทตึกที่มีเป็นโชว์รูมให้ลูกค้าของ Tango มาเลือก ลอง และชมสินค้า พอเห็นพื้นที่ร้าน นิวเลยเกิดไอเดียว่า แทนที่จะเป็นแค่โชว์รูมน่าจะทำเป็นร้านอาหารอิตาเลียน ที่ให้ความรู้สึกโฮมมี นั่งสบายๆ โดยออกแบบอินทีเรียให้ไม่เหมือนร้านในกรุงเทพฯ แต่เหมือนนั่งอยู่ในร้านอาหารในต่างประเทศ

“ผมอาจจะไม่ได้อินกับศิลปะเหมือนคุณพ่อคุณแม่หรือพี่สาว เลยอยากหาธุรกิจที่ไปกับเรื่องแฟชั่นของทางบ้านได้ สุดท้ายมาลงตัวที่ร้านอาหาร โดยผมตั้งใจนำชื่อ Tango มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อร้าน เพื่อสื่อความแฟชั่น ทันสมัย เสิร์ฟอาหารที่มาจากทางตอนใต้ของอิตาลี ซึ่งเด่นเรื่องซีฟู้ด นอกจากรสชาติเรายังให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน ด้วยการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบให้คุ้มค่าที่สุด คือนอกจากจะใช้เป็นส่วนผสมหลักของจาน ยังนำเปลือกหรือส่วนที่เหลือไปทำเป็นซอส ยกตัวอย่างเมนูขายดี เช่น สปาเก็ตตี้ปู นอกจากเอาเนื้อปูมาใช้ ยังนำไปทำซอส ซึ่งนอกจากจะทำให้รสชาติอาหารยิ่งดีขึ้น ยังลดการสร้างขยะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”


ด้วยคอนเซ็ปต์ร้านที่สนใจบวกกับการตกแต่งที่ดูแปลกตา ทำให้ หลังจาก House of Tango เปิดตัว ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เป็นหนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมที่หลายคนชอบมาจัด Private event เช่น งานวันเกิด แต่งงาน งานเลี้ยงเจ้าสาว เลี้ยงวันเกิด ขอแต่งงาน

“เราทำร้านอาหารก็จริง แต่เราไม่ได้มองว่าเราขายแค่อาหาร แต่เราขายบรรยากาศ ความรู้สึกของลูกค้า ถ้าลูกค้ามาแล้วรู้สึกดี สบายใจ มีความสุข ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะอย่าลืมว่ายุคนี้ทุกอย่างไปไว ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย แต่จุดขายที่ทำให้อยากมาร้านเราคือ บรรยากาศ มาแล้วไม่เหมือนอยู่เมืองไทย ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้ ก็เป็นของที่คุณพ่อคุณแม่ชอบ และสะสมจากการไปเดินตลาดขายของเก่าที่ต่างประเทศ นำมามิกซ์แอนด์แมตช์ คนชอบมาจัดงานที่นี่ ถูกจองมาขอทำเซอร์ไพรส์บ่อยมาก ทั้งขอเป็นแฟน ขอแต่งงาน หรือวันเกิด ทางร้านก็จะช่วยเขาคิด ช่วยออกแบบ และก็เป็นผู้ร่วมทีมร่วมมือไปกับแผนต่างๆ ที่วางไว้ ก็สนุกสนานดีครับ มีทั้งสำเร็จด้วยดี แต่ก็มีบางงานที่เจ้าตัวเตรียมจะโดนเซอร์ไพรส์ ดันมาถึงงานก่อนเวลาที่วางแผนไว้เลยทำเอาความลับแตกก็มี(หัวเราะ)”


นอกจาก House of Tango นิวยังเป็นเจ้าของ Rays Bar and Restaurant ที่ใช้วิธียิงโปรเจกเตอร์ทั้งร้าน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าบรรยากาศร้านเปลี่ยนไปตลอดทุกครั้งที่มา เพราะมาวันนี้บรรยากาศอาจจะเหมือนอยู่ริมทะเล อีกวันเหมือนอยู่บนดาวอังคารหรือดวงจันทร์ และปลายปีนี้ ยังมีแผนจะเปิดร้านปิ้งย่างเกาหลีอีกแห่ง เพราะเป็นอาหารที่ชื่นชอบ รองลงมาจากอาหารอิตาเลียน ส่วน House of Tango ภายใน 1-2 ปีจากนี้จะทำเป็น chef table ด้วย

ถามว่าอะไรคือเสน่ห์ของการทำร้านอาหาร นิวมองว่าเป็นความสนุกจากการใส่ใจในทุกรายละเอียด “ธุรกิจอาหาร มีรายละเอียดเล็กๆ เยอะมาก ที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าเราทำพลาดหนึ่งครั้ง ลูกค้าอาจจะไม่กลับมาอีกเลย ผมจะคิดเสมอว่า การที่ลูกค้ามาใช้บริการที่ร้านเรา ทั้งที่เขามีตัวเลือกอื่นมากมายเป็นการให้เกียรติเรา ดังนั้น เราต้องให้เกียรติในการเสิร์ฟอาหารและประสบการณ์ดีๆ ให้กับเขาด้วย”


“ผมคิดว่าหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจร้านอาหาร ทำให้ลูกค้ามาแล้วไม่เบื่อ มีความสุข เอ็นจอยที่สุด ผมเลยให้ความสำคัญกับ Customer Journey อย่างตอนที่จะมาทำ House of Tango ผมปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เยอะมาก เพื่อเข้าใจความเป็น Tango ให้มากที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ผมโชคดีที่มีทีมดี เวลาเจอปัญหาอะไร ก็จะปรึกษาทีม เพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุด เพราะผมไม่ได้ว่าตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่จะนำไอเดียของทุกคนในทีมมาแชร์กัน เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด”

ปิดท้ายด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริหารไฟแรง นิวบอกว่า ตอนนี้อยากบริหาร Work-life Balance ซึ่งตอนนี้เขายอมรับว่า ยังปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้ไม่ดีนัก งานยังเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเวลาว่าง กิจกรรมที่อยากทำคือ การเดินทางไปท่องเที่ยว ไปเดินป่าหรือแคมป์ปิ้ง