Celeb Online

“พิณไพเราะ (สนิทวงศ์) เครือโสภณ” ตัวอย่างเด็กใหม่ ลุยกิจกรรมต่อยอดสร้างมูลนิธิ


กลายเป็นวันเด็กในความทรงจำของ “พิณ-พิณไพเราะ (สนิทวงศ์) เครือโสภณ” ประธานโครงการ Care For Coral ไปอีกหนึ่งปี เพราะวันเด็กปีนี้ ได้มีโอกาสรับโล่เกียรติคุณเด็กและเยาวชนดีเด่นปี 2566 จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เล่นเอาทั้งดีใจและตื่นเต้น เพราะนอกจากจะเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ยังมีโอกาสไปสัมผัสห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก พร้อมทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ


งานนี้ คุณแม่ติ๊ก-อภิภาวดี ปลื้มสุดๆ เพราะลูกสาวทั้งสองคนสมกับเป็นลูกไม้ใต้ต้น เพราะคุณแม่เองที่ยืนหนึ่งเรื่องการงานช่วยเหลือสังคมมายาวนาน ในฐานะทูตของ มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile Thailand) ช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ รวมถึงแผลไฟไหม้ และความผิดปกติอื่นๆ บนใบหน้า โดยไม่มีค่าใช้จ่ายมาร่วม 15 ปี ขณะที่ ลูกสาวคนโต “เพลง-เพลงไพเราะ ที่ตอนนี้ไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ ก็อินกับทะเลและปะการัง จนก่อตั้งกลุ่ม Care For Coral เมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อหวังฟื้นฟูปะการังไทยให้กลับมาสวยงาม แถมยังทำงานด้านผู้ลี้ภัย เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการ “2 พันล้านกิโลเมตรเพื่อผู้ลี้ภัย” เพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในงาน UNHCR Charity Run โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 500 คน


มาถึงลูกสาวคนเล็ก “น้องพิณ” ก็เดินตามรอยแม่และพี่สาว ด้วยการเป็นกำลังเสริมพี่สาวมาตั้งแต่เริ่มตั้งกลุ่ม Care For Coral เดินสายไปปลูกปะการัง เก็บขยะตามแม่น้ำและชายหาด แถมยังเป็นตัวแทนเยาวชนไปขึ้นเวทีต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเป็นกระบอกเสียงเชิญชวนให้ทุกคนหันมาเห็นความสำคัญของปะการัง ร่วมด้วยช่วยกันฟื้นฟูทะเลไทย กระทั่งพี่สาวต้องลัดฟ้าไปเรียนต่อ ก็ขึ้นมารับหน้าที่เป็นประธานกลุ่มแทน เพื่อสานต่อภารกิจควบคู่ไปกับการเป็นพลังเล็กๆ ในการผลักดันอีกหลายโปรเจกต์เพื่อสังคม โดยเฉพาะ การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ

อะไรคือแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอินกับการทำงานเพื่อสังคมขนาดนี้ ที่สำคัญ เธอไม่ได้ทำเล่นๆ เอาสนุก แต่ทำเพราะแพสชั่น โดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ ไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน…


อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า พิณเติบโตมาในครอบครัวที่คุณแม่ก็อินกับการทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคม ด้วยความที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เวลาไปไหนก็จะพาลูกสาวทั้งสองคนไปด้วย ทำให้ลูกๆ ได้ติดตามคุณแม่ไปลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ มาตั้งแต่เด็ก กระทั่ง เมื่อ 3 ปีก่อน น้องเพลงตัดสินใจก่อตั้งกลุ่ม Care For Coral เพื่อหวังฟื้นฟูปะการังไทย เธอจึงได้มาช่วยพี่สาวทำงานด้านสิ่งแวดล้อมจริงจัง

“เราได้มีโอกาสเดินทางค่อนข้างเยอะ ได้ไปดำน้ำมาหลายที่ ทั้งมัลดีฟส์ ฟลอริดา รวมถึงในประเทศไทย พอดำน้ำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มสังเกตว่า ปะการังแต่ละที่มีความสวยงามแตกต่างกัน บางที่ก็มีปะการังเสียหายเยอะ ซึ่งพอเราไปรีเสิร์จหาข้อมูลก็ยิ่งตกใจว่า มหาสมุทรทั่วโลกมีประการังอยู่ไม่ถึง 1% แต่ปะการังกลับเป็นแหล่งที่ผลิตออกซิเจนให้กับโลกมากกว่า 1 ใน 3 พอรู้แบบนี้ ก็เลยอยากจะชวนทุกคนมาช่วยกันดูแลและปลูกปะการังเพิ่ม เลยเป็นที่มาของการตั้งกลุ่ม Care For Coral ซึ่งมีพี่เพลงเป็นประธาน จนพี่เพลงไปเรียนต่อที่อเมริกา พิณเลยขึ้นมารับหน้าที่เป็นประธานกลุ่มแทน โดยเร็วๆ นี้ จะจัดทริปไปปลูกปะการังที่เกาะพีพี”


สำหรับเป้าหมายที่วางไว้ เธอตั้งใจสานต่อภารกิจของกลุ่มอย่างเต็มที่ ทั้งยังมองหาตัวแทนคนรุ่นใหม่มาช่วยสานต่อ Care For Coral เพราะถ้าอนาคต เธอต้องไปเรียนต่อก็จะได้มีคนมารับช่วงต่อไป

นอกจากจะร่วมกับพี่สาวผลักดันโปรเจกต์เพื่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล พิณยังมีความสนใจเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ผู้หญิงเห็นคุณค่าของตัวเอง หรือ Empowered Woman ผ่านโปรเจกต์ Shero ที่ทำที่โรงเรียนนานาชาติกรุงเทพ (ISB) โดยตั้งใจเปลี่ยนคำว่า He ที่ใช้เป็นตัวแทนของผู้ชาย มาเป็น She เพื่อสื่อว่า ไม่ว่าชายหรือหญิงก็เท่าเทียม หลังจากนั้น นำมาต่อยอดด้วยกิจกรรมนอกโรงเรียนในชื่อ Change Together อย่าง วันสตรีสากลที่ผ่านมา ก็รวมกลุ่มเพื่อนๆ ไปจัดกิจกรรมกับเพื่อนๆ ที่ห้องสมุดผึ้งน้อยบับเบิลบี เพื่อให้ความรู้และส่งเสริมให้เด็กผู้หญิงเห็นคุณค่าของตัวเอง ลบค่านิยมที่ว่า ผู้หญิงต้องอยู่บ้าน ทำงานบ้านเลี้ยงลูก นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมให้เด็กๆ มาร่วมประกวดระบายสี ในหัวข้อ “ผู้หญิงเก่งในชีวิตของฉัน”

“เหตุผลที่มาสนใจเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเราเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความมั่นใจในตัวเอง แต่บางครั้งผู้ใหญ่ก็อาจจะไม่เข้าใจ หรือ บางทีไปเจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่า มีการปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างไม่เท่าเทียม ก็เลยอยากจะสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น”


ถามว่า การทำงานเพื่อสังคมที่มีโจทย์เป็นวาระระดับชาติ อย่างเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือความเท่าเทียมทางเพศแบบนี้ เคยรู้สึกท้อจนอยากจะล้มเลิก หรือมองว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่หรือไม่

พิณตอบว่า มีบางทีท้อ แต่ทุกครั้งจะบอกตัวเองว่า “ต่อให้สิ่งที่เราทำมันจะเล็ก เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ แต่ถ้ามีพลังเล็กๆ เหล่านี้ แบบนี้กระจายอยู่เต็มไปหมด วันหนึ่งจุดเล็กๆ ก็จะกลายเป็นจุดที่ใหญ่ขึ้น พอคิดแบบนี้ ก็ทำให้เราไม่ได้มองว่าเราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ทำอะไรใหญ่ๆ ไม่ได้ ที่สำคัญ พอทำด้วยแพสชั่นเลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระ หรือต้องแบ่งเวลาเรียนหรือเจียดเวลาส่วนตัวมาทำ”


ในส่วนไลฟ์สไตล์วันว่างของพิณ เธอบอกว่านอกจากสนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เธอยังรับบทเป็นผู้ช่วยสอนคลาสเต้นที่โรงเรียน จนมีรายได้ประจำทุกเดือน

“ปกติ พิณจะสอนคลาสละ 2 ชั่วโมง เดือนละ 4 คลาส ก็จะมีรายได้เดือนละประมาณ 1,600 บาท ก็เลยหารือคุณแม่ว่าจะเอาเงินที่ได้ไปทำอะไรดี ด้วยความที่คุณแม่เป็นคณะกรรมการมูลนิธิสายปัญญาอยู่แล้ว เลยรู้ว่าค่าเทอมของโรงเรียนสายปัญญาอยู่ที่ประมาณ 3,500 บาท เลยคิดว่า ด้วยรายได้ที่เรามี น่าจะมาช่วยนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ ให้มีโอกาสเรียนต่อได้ เลยนำเงินที่ได้มามอบเป็นทุนให้กับนักเรียนที่เรียนดี 2 คน โดยจะช่วยค่าเทอมในการเรียนม.4 จนถึง ม.6 เพราะพิณเองตอนนี้ก็เรียนอยู่เกรด 10 (หรือ ม.4)”


งานนี้ ไม่ต้องถามก็เดาได้ไม่ยากว่า พิณรู้สึกดีใจและมีความสุขแค่ไหน ที่น้ำพักน้ำแรงของตัวเอง สามารถนำไปสร้างโอกาสต่อให้นักเรียนที่เรียนดี ได้มีโอกาสได้เรียนต่อ โดยน้องพิณทิ้งท้ายว่า “เรารู้สึกว่าโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกแม่ ได้มีโอกาสเรียนที่ ISB ดังนั้น ก็เลยอยากจะส่งต่อโอกาสดีๆ ให้คนเก่งแต่ขาดโอกาส ซึ่งการที่เรามีโอกาสได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมตั้งแต่อายุเท่านี้ ทำให้ยิ่งมีความสุข และอยากจะบอกทุกคนว่า เราสามารถทำประโยชน์เพื่อสังคมได้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะลงมือทำหรือเปล่า”