Celeb Online

“โม-นภัสนันท์ พรประภา” ทายาทห้างทองฮั่วเซ่งเฮง กับภารกิจ “ช่วยเหลือสัตว์ที่ลำบาก”


ด้วยพื้นฐานที่รักสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเห็นว่ามีสัตว์ที่ถูกรังแกหรือบางครั้งได้รับบาดเจ็บ ถูกทำร้าย แต่ไร้คนเหลียวแล “โม-นภัสนันท์ พรประภา” ทายาทของห้างทองฮั่วเซ่งเฮง ภรรยาคนสวยของ “แพท-ประกาสิทธิ์ พรประภา” จึงอดสงสารไม่ได้ เพราะสัตว์พูดไม่ได้ แถมยังช่วยเหลือตัวเองยามที่เจ็บป่วย บาดเจ็บหรือถูกทำร้ายไม่ได้ เมื่อมีโอกาสหรือกำลังที่พอจะหยิบยื่นความช่วยเหลือได้ เธอจึงไม่ลังเลที่จะลงมือทำ

“โมเริ่มช่วยเหลือสัตว์ที่ลำบากมาเป็นสิบปี จนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า จุดเริ่มต้นมาอย่างไร รู้แต่ว่าเวลาเห็นสัตว์ถูกทอดทิ้ง ทรมานหรือถูกทำร้าย รู้สึกสงสาร เพราะพวกเขาพูดหรือบอกไม่ได้ สมมติโดนรถชน จะพาตัวเองไปหาหมอรักษาก็ทำไม่ได้ เลยคิดว่าถ้าเรามีโอกาส ทำไมเราจะไม่ช่วยเหลือพวกเขา​ ซึ่งพอได้ทำความสุขที่สัมผัสได้คือ ความรู้สึกดี ตื่นมาทุกเช้า เวลาได้เห็นข้อความที่มีคนส่งมาบอกว่า สุนัขที่เราส่งไปรักษาอาการดีขึ้น หรือบางตัวหาบ้านใหม่ได้แล้ว โมมีความสุขมาก อย่างน้อยเราก็ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตๆ หนึ่งให้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ดีต่อใจมากๆ”


โมเล่าต่ออย่างมีความสุขว่า การช่วยเหลือของเธอมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การสนับสนุนทุนทรัพย์ เวลาเห็นข่าวว่ามีสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือ จากโซเชียลมีเดีย หรือบางคนก็มีคนใกล้ตัวมาบอก ไปจนถึงการลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ถูกทำร้ายด้วยตัวเอง พร้อมหาบ้านใหม่ให้สัตว์เหล่านี้

“แรกๆ โมเน้นโอนเงินไปช่วยเหลือ เวลาเห็นเคสที่ต้องการค่ารักษา ทำไปทำมา เริ่มช่วยหาบ้านให้สัตว์จรจัด อย่างล่าสุด ไปเจอแมวบาดเจ็บในหมู่บ้าน ก็เอาไปรักษาจนหาย แล้วก็หาบ้านให้แมว หรือบางเคสมีคนมาส่งข่าวว่า มีสัตว์ถูกขัง เราก็จะช่วยเป็นตัวกลาง แจ้งข่าวไปที่มูลนิธิ The Voice (เสียงจากเรา) แล้วก็ไปช่วยดำเนินการต่างๆ จนลงพื้นที่ ไปช่วยเหลือสัตว์ออกมา พูดง่ายๆ ว่า การช่วยเหลือมีทุกรูปแบบ แล้วแต่โอกาสจะพาไป”


โมยังเสริมด้วยว่า นอกจากจะช่วยเป็นเคสๆ เธอยังเลือกที่จะสนับสนุนทุนทรัพย์ให้คนที่มีใจเมตตาดูแลสัตว์เป็นร้อยๆ ตัว

“โมไม่ได้มีเส้นแบ่งหรืองบที่ตั้งไว้ชัดเจนว่า แต่ละเดือนจะช่วยเท่าไหร่ แต่จะช่วยตามความรู้สึก (sense) มากกว่า ที่สำคัญ เราไม่ได้เลือกว่าจะช่วยเฉพาะหมาหรือแมว แต่พร้อมช่วยเหลือสัตว์ทุกชนิด อย่าง เคสที่ใช้วิธีโอนเงินไปช่วย โมจะสกรีนอย่างดี อย่างสมมติเราช่วยเหลือที่หนึ่งเดี๋ยวก็จะเริ่มมีที่อื่นติดต่อมา ซึ่งถ้าช่วยได้โมก็ช่วย แต่อาจจะต้องสกรีนก่อนว่า เอาเงินไปแล้วไปช่วยเหลือสัตว์จริงหรือเปล่า”


ด้วยความที่มีความสุขกับการช่วยเหลือสัตว์มายาวนาน จนเจ้าตัวเองก็นับไม่ถูกว่าช่วยมากี่เคส หรือกี่ตัว แถมยังไม่ได้รู้สึกว่าประทับใจเคสไหนเป็นพิเศษ เพราะเธอประทับใจทุกเคส และยินดีทุกครั้งที่ได้เข้าไปช่วยเหลือสัตว์ที่ลำบาก ล่าสุด เธอยังได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งใน Friends of the Voice ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ที่เธอสนับสนุนอยู่ โดยหวังว่าจะได้เข้าไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้สัตว์ที่ลำบากให้มีชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับในอนาคต โมอยากเห็นประเทศไทยมีการแก้ปัญหาสัตว์จรจัดอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือการคุมกำเนิดให้สัตว์จรจัด เพื่อไม่ให้ประชากรสัตว์จรจัดเพิ่มจำนวนมากขึ้น


สุดท้ายนี้ ถ้าถามว่าเธอตั้งใจจะทำงานตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน โมตอบอย่างมั่นใจว่า จะทำไปเรื่อยๆ และถ้าเป็นไปได้ยังอยากทำให้มากขึ้นอีก ที่สำคัญ เธอตั้งใจว่า หลังจากนี้ ถ้าครอบครัวอยากจะเลี้ยงสุนัขอีก (จากปัจจุบันที่เลี้ยงอยู่ 3 ตัว และมีหมาที่รับมาอุปการะโดยฝากไว้ที่บ้านสวนของคุณแม่อีก 3 ตัว) แทนที่จะไปซื้อตัวใหม่ เธอเลือกที่จะอุปการะสุนัขที่ถูกทอดทิ้งแทน ซึ่งเธอมองว่าน่ารักและนิสัยดี ไม่ต่างจากสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน