Celeb Online

เจาะลุค “ณัชชา เมฆรักษาวานิช” สาวสไตล์สุดจึ้ง เจ้าของแบรนด์กระเป๋าฮิต Nasha Made in Mars


แทบจะเป็นเรื่องเดียวกันไปแล้วสำหรับเรื่องของแฟชั่น ดีไซน์และศิลปะ เพราะทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นมาจากความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ ซึ่งครั้งนี้เรามีโอกาสพูดคุยกับ “เตย-ณัชชา เมฆรักษาวานิช” เจ้าของแบรนด์กระเป๋าและเครื่องหนัง “Nasha Made in Mars” ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เมื่อมาผสานกับการใช้วัสดุชั้นเยี่ยมทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศก่อนที่จะมาโด่งดังในเมืองไทยซะอีก!


ถ้ายังนึกไม่ออกเราขอยกคอลเลกชั่นสุดปังที่ทำให้แฟชั่นนิสต้าหันมาจับตามองแบรนด์ Nasha นั่นก็คือกระเป๋ารูปทรงปิ่นโต ที่แฟชั่นบล็อกเกอร์ทั้งไทยและเทศพากันหิ้วออกงานจนเป็นกระแส โดยผลงานชิ้นนั้นเป็นผลงานการดีไซน์และการดูแลการผลิตของสาวสไตล์สุดจึ้งที่ชื่อ “เตย-ณัชชา” นั่นเอง!!

“จุดเริ่มต้นแบรนด์ Nasha เริ่มมาจากเราชอบออกแบบ วาดเขียน ก็เลยไปเรียนทางด้านอินทีเรียที่มหาวิทยาลัยศิลปากร พอเรียนไปก็พบว่าเราชอบแฟชั่น! ซึ่งการทำอินทีเรียกระบวนการนั้นยาวนานกว่าจะได้บ้านหลังหนึ่ง เราก็เลยนึกถึงแฟชั่นขึ้นมาว่าดูเป็นอะไรที่น่าสนุกดี ทำแล้วเราก็ใส่ไปไหนมาไหนได้ด้วย พอเรียนจบก็ไปเรียนทำรองเท้าที่อิตาลี เรียนไปเรียนมากลับกลายว่าเรามาโฟกัสเรื่องกระเป๋า ซึ่งเราพบว่าในเมืองไทยมีฝีมือการตัดเย็บค่อนข้างดี”


ตอนที่เรียนทำรองเท้า ก็สนใจเรื่องเสื้อผ้าและการแต่งตัวอยู่แล้ว แต่สุดท้ายมาลงเอยที่การทำกระเป๋าเพราะสามารถใส่ความครีเอทีฟเข้าไป แถมยังได้สนุกกับการคิดฟังก์ชั่นให้ใช้งานได้จริง

“การออกแบบกระเป๋าเรารู้สึกว่ามีอะไรให้เราครีเอทได้เยอะ เหมือนเป็นงานอาร์ทชิ้นหนึ่งที่ใส่ของได้ ซึ่งสำหรับเตยเป็นแบบนั้นค่ะ ผลงานที่ทำให้คนจดจำเราได้ก็คือกระเป๋าปิ่นโต เมื่อก่อนแบรนด์ของเราเริ่มจากการวางขายในต่างประเทศก่อน แล้วจึงถูกเลือกมาขายที่ Club 21 ประเทศไทย หลังจากนั้นก็ได้ร่วมแข่ง Vogue Who’s on Next ในปีแรกที่มีการแข่งขัน และได้รับรางวัลชนะเลิศ หลังจากนั้นก็วางขายกระเป๋าปิ่นโต คิดว่ารุ่นนั้นเป็นรุ่นที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ มีลูกเล่นที่โดดเด่น ทำให้คนจำมันได้ พอเริ่มวางขายคนเลยให้ความสนใจ”


ออกสตาร์ทจากตลาดต่างประเทศก่อนที่จะกลับมาบูมอีกครั้งในเมืองไทย ในฐานะเจ้าของแบรนด์ต้องมีการปรับกลยุทธ์หรือออกแบบเอาใจลูกค้าอย่างไรบ้างนั้น สาวเตยบอกว่าก็เตรียมทำอีกหลายคอลเลกชั่นที่เอาใจแฟชั่นนิสต้าไทยด้วยเหมือนกัน

“ตอนแรกไม่แน่ใจกับตลาดในประเทศเหมือนกัน เพราะในช่วงแรกดีไซน์เราค่อนข้างหวือหวามาก เป็นกระเป๋าแบบ signature piece ที่ทุกอย่างดูเตะตาไปหมด ย้อนไปตอนนั้นไม่ค่อยเห็นคนไทยชอบอะไรแบบนั้นมากนัก กระเป๋าเราอาจจะไม่ mass พอ ก็เลยคิดว่าทำ scale เล็กเจาะกลุ่ม niche ในต่างประเทศก่อนดีไหม แต่หลังจากนั้นทาง Club 21 ติดต่อมา ให้ลองไปวางที่ช็อป ถึงช็อปจะอยู่ในไทยแต่ลูกค้าก็เป็นชาวต่างชาติเยอะ และลูกค้าคนไทยที่เราได้ก็จะเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจริงๆ ซึ่งก็ยังติดตามผลงานเรามาจนทุกวันนี้

ตอนนี้เรามีคอลเลกชันใหม่ของแบรนด์ภายใต้ชื่อ“Nasha Galleria”เป็นการฉลองครบรอบ9ปี ที่ก่อตั้งแบรนด์ เหมือนเป็นซีรีส์หนึ่งที่สร้างขึ้นมา ดูมินิมอลแต่มีดีเทล ถ้าเห็นแบรนด์Nashaโดยปกติแล้ว ก็จะดูร่าเริง เฮฮา แต่ว่าคอลเลกชัน“Nasha Galleria”จะได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะ สถาปัตยกรรมต่างๆ ออกมาเป็นกระเป๋า ที่มินิมอลที่สุด ใช้ได้ทุกวัน มีฟังก์ชัน คือเป็นทุกอย่างที่ปกติแล้วNashaที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องฟังก์ชันเท่าไหร่ แต่พอมาเป็นซีรี่ส์Galleriaจะต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ดูยังไง ก็ยังมีเอกลักษณ์ของกระเป๋าNashaอยู่ดี”


ดูจากผลงานการดีไซน์กระเป๋าแต่ละใบแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าโดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้กันก็คือสไตล์ของเธอที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนมีอะไร!

“จริงๆ แล้ว ถามว่าชอบแฟชั่นไหม ก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะคะ (หัวเราะ) ความจริงคือชอบศิลปะมากกว่า แฟชั่นสำหรับเตยมันไม่ใช่แฟชั่นที่เราจะต้องตามเทรนด์ เรารู้สึกว่าแฟชั่นคือสไตล์ที่มาจากศิลปะ ส่วนใหญ่เตยจะได้แรงบันดาลใจมาจากพวกนั้นมากกว่า
สไตล์ของเตย…เตยก็บอกไม่ถูก นิยามไม่ได้เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นลุคที่ค่อนข้างชัดเจนหน่อย เน้นคัตติ้งดีๆ พูดจริงๆ เตยซื้อเสื้อผ้าน้อยมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าจะซื้อเตยจะดูชิ้นที่ใช้ได้นาน แล้วก็เป็นสไตล์ที่เราชอบจริงๆ เหมือนคนซื้อของยาก แต่ถ้าชอบมากก็จะซื้อซ้ำ เสื้อบางตัวที่มี อยู่มา 15-20 ปีแล้ว ตั้งแต่มหาวิทยาลัยก็ยังเก็บไว้อยู่ ทุกวันนี้ก็ยังใส่อยู่ด้วย เตยไม่ได้ตามว่า ช่วงนี้ฮิตอะไรแล้วไปซื้อ แต่จะชอบซื้อของวินเทจเอาไว้มาผสมกันกับของใหม่ค่ะ”


ส่วนใหญ่แล้วนั้นแต่ละชิ้นที่เธอเลือกซื้อก็จะเป็นไอเท็มที่ Timeless และสามารถใส่ได้เรื่อยๆ ซึ่งแบรนด์โปรดของเธอที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้าหลายชุดก็คือของแบรนด์ไทยอย่างแบรนด์ Vela de

“ถ้าเป็นเสื้อผ้าจะมีของ Vela de ค่อนข้างเยอะเป็นแบรนด์ไทยที่ชอบมาก อย่างตัวที่ใส่ถ่ายในครั้งนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นของแบรนด์ Vela de เพราะว่าคัตติ้งเขาถูกใจเรามาก มีทั้งความหรูหรา ความเก๋ เหมือนเคมีดีไซน์ของเขาตรงกับจริตเรา เห็นของเขากี่ชิ้นก็อยากได้ค่ะ”


หากตัดเรื่องกระเป๋า รองเท้าออกไป สิ่งที่ทำให้เธอเสียเงินง่ายๆ บ่อยๆ ก็คือเครื่องประดับที่เอาไว้สร้างคอนทราสต์กับการแต่งตัวของเธอในแต่ละลุค ชนิดที่ว่ายกให้เครื่องประดับเป็นชิ้นเอกของการแต่งตัวเลยทีเดียว

“เครื่องประดับชอบเป็นแบบที่มีความยูนีค เป็นชิ้นที่แบบว้าว มีความโวยวาย ตะโกนหน่อยๆ อย่างแบรนด์ที่ชอบเป็นของแบรนด์ Missile ที่ใส่ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เรียกว่า Key Piece ของการแต่งตัวในแต่ละวันของเราคือแอคเซสซอรีก่อนเลย ส่วนเสื้อผ้าก็หาที่ไปด้วยกันได้ ส่วนใหญ่จะต้องมีประธานหนึ่งชิ้นแล้วหาอื่นๆ มาเติม บางวันอาจจะเป็นแหวน เป็นสร้อยก็แล้วแต่อารมณ์”


ส่วนแหล่งละลายทรัพย์กับเครื่องประดับของเธอส่วนใหญ่นั้นมักจะอยู่ตามตลาดของวินเทจ บอกเลยว่าพวกแบรนด์เนมไม่ค่อยได้แอ้มเงินเธอหรอก!

“บางทีจะไปเสียตังที่ร้านวินเทจ ทั้งที่เราก็เห็นพวกแบรนด์แฟชั่นพากันออกคอลเลกชันใหม่ เพราะโดยส่วนใหญ่เตยไม่ค่อยซื้อของแบรนด์เนม ชอบซื้อของแบรนด์พวก Young Designers ที่แบบเก๋ๆ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ดีไซน์สวยและไม่โหลเท่าไหร่
และสำหรับผู้ที่ชอบงานดีไซน์ แต่สามารถใช้งานได้จริง ถือไปไหนก็มีแต่คนมอง สาวเตยขอฝากแบรนด์ Nasha Made in Mars ไว้เป็นอีกหนึ่งสีสันและความสนุกในการแต่งตัว โดยสามารถไปเยี่ยมชมร้านได้ที่ ชั้น 1 สยามพารากอน หรือสั่งออนไลน์ทาง Line@: @Nasha นอกจากงานหลักจะยังครีเอทกระเป๋ารูปทรงใหม่ๆต่อไปแล้ว ตอนนี้ยังมีงานเสริมก็คือช่วยคุณพ่อที่เป็นศัลยแพทย์ดูแลคลีนิกเสริมความงามอีกด้วย คุณเตยกล่าวทิ้งท้าย