หากพูดถึงธุรกิจให้บริการเครื่องบินส่วนตัว หรือ Private Jet หลายคนอาจมองว่าเป็นบริการที่ไกลตัว ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์มหาเศรษฐี แต่จริงๆ แล้ว เบื้องหลังการให้บริการ Private Jet กลับมีความน่าสนใจกว่าที่คิด เพราะประโยชน์หลักๆ ของ Private Jet นอกจากออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย ยังเป็นบริการที่ช่วยตอบโจทย์ในสิ่งที่การบินแบบพาณิชย์ให้ไม่ได้ จนเป็นทางเลือกที่ทำให้ลูกค้าต้องยอมควักกระเป๋าเพื่อใช้บริการ
ที่น่าสนใจคือ หลายคนอาจไม่รู้ว่า ประเทศไทยเอง แม้จะไม่ได้มีผู้ให้บริการ Private Jet มากนัก แต่กลับมีบริษัทที่ให้บริการเครื่องบินส่วนตัวแบบครบวงจร อย่าง “เอ็มเจ็ท” (MJets) ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นศูนย์บริการภาคพื้นครบวงจรที่ดีที่สุดในเอเชีย นับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และอยู่ในอันดับ 6 ของโลก จัดอันดับโดยสื่อที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มธุรกิจการบินชั้นนำของโลก Aviation International News (AIN)
แล้ว MJets น่าสนใจอย่างไร? ใครคือกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการของ MJets ไปหาคำตอบพร้อมกัน
“ณัฏฐภัทร สีบุญเรือง” ซีอีโอของ MJets ฉายภาพให้เห็นถึง บริการของ MJets ในปัจจุบันที่ครอบคลุมใน 7 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ 2. บริการเครื่องบินพยาบาล 3. การบริหารเครื่องบิน 4. บริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลพร้อมห้องรับรองพิเศษ 5. บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 6. บริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร และ 7. การบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการซื้อขายเครื่องบิน
“เราเริ่มจากการเป็นโอเปอเรเตอร์เครื่องบินเจ็ท ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2550 จนเราเห็นโอกาสในตลาด Private Jet บวกกับเห็นช่องว่างในตลาดที่ไม่มี service หรือสิ่งที่จะรองรับความต้องการของตลาดในกลุ่มนี้มากนัก จึงมาบุกเบิกสร้างศูนย์บริการอากาศยานส่วนบุคคลอย่างครบวงจร (Fixed-Base Operation – FBO) เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักหลักของเรา”
ส่วนธุรกิจอื่นๆ ณัฏฐภัทรขยายความว่า “ต่อยอดมาเพื่อรองรับธุรกิจ Private Jet ให้ครบวงจรมากขึ้น ยกตัวอย่าง บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน นอกจากจะเอื้อกับธุรกิจเราโดยตรง ยังสามารถตอบโจทย์ไปถึงกลุ่มลูกค้าที่นำ Private Jet มาจอดแล้ว เครื่องมีปัญหา MJets ก็มีบริการซ่อมให้”
ถามว่า ธุรกิจ Private Jet มีกลุ่มเป้าหมายคือใคร ณัฏฐภัทรเฉลยว่า หลายคนอาจจะมองว่า ฐานลูกค้าหลักคือ มหาเศรษฐีที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา แต่ที่จริงแล้ว กลุ่มลูกค้าหลักที่มาใช้บริการคือ นักธุรกิจ ซึ่งเลือกใช้ Private Jet เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบาย เพิ่มความคล่องตัวในแต่ละวัน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเวลาในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พูดง่ายๆ ว่า การใช้บริการ Private Jet ก็เหมือนการซื้อเวลา เพื่อนำเวลานั้นไปสร้างมูลค่าเพิ่มที่มากกว่า
“ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ แทนที่นักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อยๆ จะต้องเสียเวลาไปสแตนบายรอขึ้นเครื่อง ถ้าใช้บริการ Private Jet สามารถบินได้ตามกำหนดการของลูกค้า ถือว่ามีความยืดหยุ่นสูง เพราะเราบินตามวันและเวลาที่ลูกค้าสะดวก ถ้าเป็นการเดินทางภายในประเทศ ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็สามารถขึ้นเครื่องได้เลย หรือถ้าเป็นการเดินทางไปต่างประเทศ อาจจะมีขั้นตอนที่ใช้เวลาเพิ่มเล็กน้อย แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน ผู้เดินทางแทบจะใช้เวลาไม่ถึง 5-10 นาทีภายในเทอร์มินัลส่วนตัว เวลาที่เซฟไป เขาสามารถนำไปใช้ทำงาน ปิดดีลธุรกิจ ซึ่งสร้างมูลค่าได้มหาศาล”
“หรืออย่างลูกค้าบางคนมีมีตติ้งที่หัวหินตอนเที่ยง แต่ตอนเย็นมีนัดดินเนอร์ที่ภูเก็ต ถ้าเดินทางด้วยรถและเครื่องบินปกติไม่มีทางทำได้ ต้องเสียเวลานั่งรถต่อเครื่อง แต่ถ้าใช้บริการ Private Jet ทำได้แน่นอน มีเวลาไปสร้างธุรกิจแถมยังได้บาลานซ์ชีวิตส่วนตัว”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมหลายคนถึงยอมจ่าย เพื่อใช้บริการ Private Jet
ซีอีโอคนเก่งยังชี้ถึงอีกหนึ่งความต่างของการเดินทางด้วย Private Jets ว่า ถ้าเป็นเลานจ์ของ MJets ภายในอากาศยานส่วนบุคคล จะไม่ได้เน้นความหรูหรา แต่มีฟังก์ชันครบ มีห้องอาบน้ำ มีอาหารว่าง และพื้นที่รับรอง เพราะอย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า ข้อดีของ Private Jet คือ ไม่ต้องเผื่อเวลาที่สนามบินเยอะ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาถึงจะขึ้นเครื่องเลย หรือถ้าจะมาใช้เลานจ์ อาจเป็นกรณีนัดประชุมด่วน หลังลงจากเครื่อง”
อย่างไรก็ตาม นอกจากกลุ่มนักธุรกิจ ลูกค้าอีกกลุ่มของ MJets คือ คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย “แนวคิดของกลุ่มนี้ จะแตกต่างจากคนรุ่นก่อนที่ประสบความสำเร็จ ตรงที่เขามองว่าถ้ามีบริการอะไรที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็พร้อมจะเปิดใจลองใช้ เลยทำให้ตอนนี้ MJets มีฐานฐานลูกค้าใหม่เพิ่มจากแต่ก่อน ที่ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมาแล้วระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเน้นการเดินทางเพื่อธุรกิจ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 กลายเป็นว่า การเดินทางด้วย Private Jet ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะคนกังวลเรื่องความปลอดภัย บวกกับการที่สายการบินปกติมีการยกเลิกเที่ยวบินในบางเส้นทาง ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเปิดใจมาใช้ Private Jet เพื่อเดินทางส่วนตัวมากขึ้น
“ช่วงโควิด-19 ที่ธุรกิจสายการบินได้รับผลกระทบอย่างหนัก MJets เองก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากก่อนโควิด-19 ฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติถึง 80% มีคนไทยแค่ 20% แต่พอเกิดโรคระบาด ทำให้จำนวนลูกค้าต่างชาติลดลงเท่าตัว ทำให้ MJets หันมาจับตลาดคนไทย พร้อมกับถือโอกาสนี้ ปรับเปลี่ยนหลายอย่างในองค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมในวันที่สถานการณ์กลับมาปกติ เราจะได้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งก็เป็นแบบอย่างที่คิด เพราะเรารีบาวน์กลับมาได้เร็ว”
ถามว่าอะไรคือหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของ MJets ณัฏฐภัทรมองว่า ความเข้าใจลูกค้าคือกุญแจหลัก
“อยู่ในธุรกิจนี้ต้องมีความยืดหยุ่นสูง ที่สำคัญ แค่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางไม่พอ ต้องเข้าใจลูกค้า และทำให้ทุกการบริการ Beyond Expectation หรือมากกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง อย่างบางเคสเราต้องคิดแทนลูกค้าว่า เขาน่าจะต้องการบริการแบบไหนและอยากให้เราทำอะไรบ้าง เพราะลูกค้าบางคนเขาอาจจะไม่มีเวลามาตอบว่าอยากได้อะไร เราก็ต้องอาศัยประสบการณ์ เพื่อนำเสนอการบริการที่รู้ใจลูกค้าที่สุด”
อีกหัวใจสำคัญคือ เราไม่เคยปฏิเสธลูกค้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากลูกค้าต้องการเปลี่ยนตารางบินกะทันหัน หรือต้องการให้เราช่วยเหลือเรื่องอะไรก็ตาม เราจะพยายามทำเต็มที่และหาโซลูชันที่ดีที่สุดให้ลูกค้า”
ณัฏฐภัทรยกตัวอย่างถึงบริการเครื่องบินพยาบาล ที่ต้องมีทีมงานสแตนบายตลอด 24 ชม. “เราไม่รู้ว่าจะมีลูกค้าติดต่อเข้ามาตอนไหน หน้าที่ของเราต้องพร้อมให้บริการ เพราะเสี้ยวนาทีสำหรับคนไข้มีความสำคัญมาก ถ้าเรารับเรื่องช้าไป 1 ชั่วโมง อาจจะทำให้อาการของคนป่วยแย่ลงได้ อย่างในกรณีที่ลูกค้าต้องการให้ไปรับคนไข้ในจังหวัดที่อาจจะไม่มีโรงพยาบาลหรืออุปกรณ์รักษา เพื่อพากลับกรุงเทพฯ”
ทั้งนี้ ณัฏฐภัทรเชื่อว่า อนาคตของธุรกิจ Private Jet ในไทยและอาเซียน ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากดีมานด์ของผู้ที่สนใจมาใช้บริการมากขึ้น ส่งผลให้เกิด Economy of scale ทำให้ราคาในการใช้บริการ Private Jet แต่ละครั้งเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขณะที่ โครงสร้างขั้นพื้นฐานก็มีความพร้อมมากขึ้น
“Economy of scale ของเรายังไม่เท่าฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่ธุรกิจนี้มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ทำให้ราคาในการเข้าถึงจับต้องได้ และไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่ม ซึ่งผมเชื่อว่า ธุรกิจ Private Jet ในภูมิภาคอาเซียนเอง ภายใน 5-10 ปีนี้ จะเติบโตอย่างมหาศาล โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะดีขึ้น ซึ่ง MJets เองก็เริ่มขยายธุรกิจไปหลายประเทศ เช่น อินเดีย พม่า กัมพูชา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมถึงลาว เพื่อให้ครอบคลุมทุกประเทศสำคัญในอาเซียน”
นอกจากการขยายฐานธุรกิจ ในแง่บริการ MJets ก็มีเครื่องบินเจ็ทหลากหลายแบบและขนาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่นกัน
ไหนๆ ก็ชวนคุยเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางอย่างแยกไม่ออก เลยถือโอกาสให้ ณัฏฐภัทร ทิ้งท้ายถึงไลฟ์สไตล์วันว่าง งานนี้เจ้าตัวออกตัวว่า การเดินทางส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นทั้งการทำงานควบกับท่องเที่ยว ซึ่งส่วนตัวเขาค่อนข้างแฮปปี้ เพราะเดินทางครั้งเดียวแต่ได้ทั้งเที่ยวและทำงาน เพียงแต่บางครั้ง ถ้าเป็นทริปครอบครัว ก็อาจจะทำให้คนที่ไปด้วยเสียอรรถรสไปบ้าง
“สำหรับผมการทำงานคือส่วนหนึ่งของชีวิต ผมเลยไม่ได้มองว่า ถ้าต้องทำงานตอนไปเที่ยว จะเท่ากับว่าเอาเวลางานมาเบียดบังเวลาส่วนตัว สไตล์การเที่ยวของผมจะไม่เน้นไปเช็กอินตามแลนด์มาร์คของแต่ละประเทศ แต่ชอบไปใช้ชีวิตแบบโลคอลมากกว่า หรือไปเที่ยวที่ที่คนน้อยๆ ชอบความสงบ เพราะถ้าช่วงไหนไม่ได้เดินทาง ความสุขของผมคือ การอยู่บ้าน” ณัฏฐภัทรทิ้งท้าย
About MJets : เอ็มเจ็ทมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองสูงสุดระดับมาตรฐานโลก IS-BAH ระดับ 2 และ IS-BAO ระดับ 3 จาก International Business Aviation Council (IBAC) เราเป็นผู้ให้บริการเช่าเหมาลำเครื่องบินส่วนบุคคลรายเดียวในประเทศไทย ที่สามารถให้บริการเที่ยวบินไปและกลับจากยุโรปได้ เพราะผ่านการประเมินและได้รับใบอนุญาตแบบ TCO (Third Country Operator) จาก European Aviation Safety Agency (EASA) เราไม่ได้ทำเพียงการจัดหาเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ บริการซ่อมบํารุงของเราก็ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานด้านความปลอดภัย และใบอนุญาตทางการบินชั้นนำ อย่าง สำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย CAAT (The Civil Aviation Authority of Thailand) ทำให้เราเป็นผู้นำในการให้บริการด้านธุรกิจการบินส่วนบุคคลในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง