เพราะลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ แม้คู่สามีภรรยาจะร่ำรวยมหาศาลเพียงใด แต่ถ้าไม่มีลูกน้อยมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ เติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์แบบแล้ว บ้านจะมีสีสันกลายเป็นบ้านที่สมบูรณ์ไปได้อย่างไร?
จึงไม่แปลกใจที่คู่สามีภรรยาเซเลบเมืองไทย ที่อยู่กินกันมาหลายปี ทำอย่างไรเบบี๋น้อยก็ยังไม่มาเกิดเสียที บางคนยอมหมดเงินกันเกือบล้าน เพื่อที่จะมีลูกน้อยมาเชยชมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นมั่นคงยิ่งขึ้น แต่จะมีคู่รักเซเลบคนไหนบ้างที่ถอดใจในการปั๊มลูกด้วยวิธีธรรมชาติ แล้วหันมาพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ ตามมากันเลยค่ะ
เริ่มที่คุณแม่ป้ายแดงคนเก่ง “แพร-แพรพรรณ ธรรมวัฒนะ” เจ้าแม่ทอยส์ เอ็กซ์โปร แห่งPlay House ที่ยอมรับด้วยน้ำเสียงสดใสว่า กว่าที่จะได้น้องพริมา ลูกสาววัย 6 เดือนน่ารักน่าชังมาเชยชมแบบนี้ ก็ผ่านกระบวนการความพยายามปั๊มมาหลากหลายวิธี ทั้งไสยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
“ก่อนหน้านี้แพรใช้หลายวิธีมาก ทั้งวิธีธรรมชาติ หรือการกินยาต้มตามตำราคนจีน เดินทางไปขอลูกตามสถานที่ต่างๆ ที่มีคนบอกว่าได้ผล รวมไปถึงวิธีการฉีดเชื้อทางช่องคลอด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิทยาศาสตร์กึ่งธรรมชาติ เพราะเป็นการฉีดสเปิร์มเข้าไปที่ช่องคลอด แล้วให้ตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวจำนวนมากเข้าไปในโพรงมดลูก และพร้อมที่จะผสมกับไข่แต่ก็ยังไม่ได้ผล”
กระทั่งเมื่อต้นปี 2562 คุณแม่คนเก่งตัดสินใจลองใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี IVF การฝังไข่ไปยังผนังมดลูกแต่ก็ยังไม่เป็นผล
“คือตอนที่ทำ IVF รอบแรกหมอบอกว่าเด็กติดแล้ว ตอนนั้นเราดีใจมาก แต่พอมาอัลตราซาวด์อย่างละเอียดปรากฏว่าเด็กไม่ติดผนังมดลูก ความรู้สึกตอนนั้นของแพรเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลง ความเสียใจ ความเศร้า มันเข้ามาหาเราพร้อมกัน เพราะเราคิดว่าไม่มีหนทางไหนที่จะแม่นยำ เท่ากับวิธีทางการแพทย์อีกแล้ว”
แต่กระนั้นคุณแม่คนเก่งก็ไม่ได้ละความพยายาม เธอรีบลุกขึ้นมาดูแลร่างกายให้สมบูรณ์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีทายาทอีกครั้ง และมาสิ้นสุดด้วยวิธีการทำอิ๊กซี (ICSI) ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับวิธี IVF แต่การทำอิ๊กซีสามารถเพิ่มอัตราการปฏิสนธิให้ผลเป็นที่น่าพอใจ และช่วยลดปัญหาการปฏิสนธิที่ผิดปกติได้
“พอร่างกายเราแข็งแรงขึ้น แพรจึงมาปรึกษาคุณหมออีกรอบ เพื่อทำการปฏิสนธิภายนอกร่างกายด้วยวิธีอิ๊กซี ซึ่งคราวนี้แพรเลือกไข่ที่แข็งแรงที่สุดมาทำการปฏิสนธิ จึงทำให้เด็กติดที่ผนังมดลูกและมีอายุครรภ์ที่สมบูรณ์ถึง 9 เดือนเต็ม”
แพรเล่าถึงสาเหตุที่เลือกใช้วิธีอิ๊กซีว่า เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์เรื่องการมีบุตรที่ชัวร์ที่สุดแม้จะมีราคาสูง แต่สำหรับคนที่มีลูกยาก และอยากให้ทารกสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด ควรนำวิธีนี้ไปเป็นตัวเลือกที่สำคัญ
“ค่าใช้จ่ายของแพรอยู่ที่ประมาณ 800,000 บาท เพราะรวมกับครั้งแรกที่ทำแล้วไม่ติดด้วย แต่ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะสูง แต่วิธีนี้ก็มีความคุ้มค่าทางจิตใจของเราสูงมาก เพราะทำให้มั่นใจได้ว่าลูกที่จะเกิดมาแข็งแรงมีอวัยวะครบ 32 และมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ เพราะคุณหมอได้เลือกไข่ที่สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุดมาให้เรา และวินาทีที่เราเห็นเขาเกิดมามีร่างกายที่สมบูรณ์ เราก็ดีใจที่สุดแล้ว เพราะลูกคือของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตคนเป็นแม่” คุณแม่ป้ายแดงเล่าด้วยน้ำเสียงตื้นตัน
ส่วน “พลอย-ฐิติกุล อยู่วิทยา” หลังจากพยายามปั๊มทายาทอยู่หลายปี สุดท้ายความตั้งใจของคุณแม่มือใหม่ก็ได้ผล เพราะเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ปีที่ผ่านมา เธอได้ให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิงน้อง ANCHAN และ ANDA มาเชยชมสมใจ แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องพยายามมาทุกวิถีทาง ทั้งไสยศาสตร์ ยาสมุนไพร จนสุดท้ายก็มาจบด้วยมือหมอ แต่ก็ใช่ว่าการพึ่งความทันสมัยของเทคโนโลยีทางการแพทย์จะสมหวังได้ในครั้งเดียว
“เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะมีลูก ไม่ว่าจะไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ อย่าง การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ซึ่งเป็นการนำเซลล์ไข่และตัวอสุจิ (ซึ่งมีหลายตัว) นำไปวางผสมกันในจานเพาะเลี้ยง โดยปล่อยให้ตัวอสุจิว่ายเข้ามาผสมกับเซลล์ไข่เองตามธรรมชาติ อสุจิที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น จึงจะสามารถทำการปฏิสนธิกับไข่ได้ ซึ่งเมื่อปลายปี 2561 เราก็ทำสำเร็จมาแล้ว แต่ด้วยความที่ร่างกายของเราไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้น ตอนต้นปี 2562 เราจึงแท้งลูกคนแรกไป”
การแท้งลูกครรภ์แรกแม้จะเสียใจที่สุดในชีวิต แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น คุณแม่คนเก่งเก็บน้ำตาแห่งความเสียใจ มาเป็นพลังเดินหน้าดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงที่สุด สำหรับการปั๊มทายาทต่อไป และวันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเธอตัดสินใจกลับมาพึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง ด้วยวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว IVF ที่ครั้งนี้ฟ้าได้ประทานของขวัญอันล้ำค่ามาให้เธอและสามีเติมเต็มรักในครอบครัว
“หลังจากที่คุณหมอทำการฝังไข่ที่แข็งแรงไปที่มดลูกได้สำเร็จ และอัลตราซาวด์พบว่าเด็กติดที่ผนังมดลูกแล้ว เรากำลังจะมีน้องอีกครั้ง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์อันไพเราะที่สุดเลย เพราะเราเฝ้ารอเขามาหลายปีแล้ว แค่รู้ว่าเขาติดเราก็ดีใจแล้วและยิ่งรู้ว่าเป็นลูกแฝดด้วย น้ำตาไหลมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งลูกนอกจากจะเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว เขายังเข้ามาเติมเต็มความสุขความอบอุ่นของบ้านเราให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น”
คุณแม่พลอย ยังให้คำแนะนำสำหรับคนที่อยู่ในภาวะมีบุตรยาก แต่อยากมีลูกน้อยกลอยใจมาเติมเต็มรักในบ้าน ให้ลองพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้วยการทำ IVF สักครั้ง เพราะอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์จะสูงสำหรับผู้หญิงที่อายุยังไม่ถึง 40 ปี
“อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ด้วยวิธี IVF จะลดลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น ในผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป แต่แพทย์ที่ทำ IVF มักจะนำไข่ออกมาจากรังไข่ และปฏิสนธิจำนวนหลายใบเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ ในทางกลับกันหากทำ IVF แล้วมีไข่ฝังตัวในมดลูกมากกว่า 1 ใบ ก็อาจทำให้มีลูกแฝดได้ด้วยเช่นกัน ส่วนอัตราความสำเร็จที่ลูกจะเกิดมาแข็งแรงนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ เหตุผลที่มีลูกยาก เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการแท้งลูกของการทำ IVF ก็มีมากกว่าการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติประมาณ 15-25% และอาจมากขึ้นเมื่อทำ IVF ตอนอายุมาก” คุณแม่มือใหม่แจกแจง
ด้าน “คุณหญิงแม้น-ม.ร.ว. แม้นนฤมาศ ยุคล” หลังจากที่เธอและสามี “ซัน-ต่อสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต” ได้พยายามมานานแสนนานที่จะมีทายาท สุดท้ายความตั้งใจของทั้งคู่ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณแม่สุดแซ่บให้กำเนิดลูกชาย “น้องสกาย-เด็กชายจุลวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต” เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ปีที่ผ่านมา
“ก่อนหน้านี้เราก็พยายามที่จะมีน้องมาตลอด แต่ด้วยความที่เราเป็นคนที่มีลูกยาก เราเลยไม่ประสบความสำเร็จเสียที แถมก่อนหน้านี้เคยเข้ารับการผ่าตัดมดลูกมาก่อนด้วย ยิ่งทำให้มีลูกยากเข้าไปอีก”
แม้จะมีลูกยากแต่ทั้งคู่ก็ไม่ละความพยายาม จึงไปปรึกษาแพทย์และใช้ความทันสมัยทางเทคโนโลยีทางการแพทย์ด้วยวิธี IUI คือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ซึ่งเป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์กึ่งธรรมชาติ
“คุณหมอจะฉีดเชื้ออสุจิโดยใช้ท่อพลาสติกเล็กๆ สอดผ่านปากมดลูกแล้วฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในช่วงที่มีหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ตก วิธีนี้จะทำให้มีตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวจำนวนมากเข้าไปในโพรงมดลูก และตัวที่แข็งแรงที่สุดก็จะผสมกับไข่ ดังนั้น การทำ IUI (Intrauterine insemination) จึงเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนมีบุตรยากได้เป็นอย่างดี” คุณแม่มือใหม่แนะวิธีทางเลือกสำหรับคนที่มีบุตรยาก ให้มีกำลังใจในการมีบุตร
ปิดท้ายที่คุณแม่ลูกแฝดสาม “มุก-เพลินจันทร์ วิญญรัตน์” ที่กว่าที่คุณแม่สุดสตรองจะมีน้อง “ทริป-เทร-ทรอย” มาเชยชมได้สมใจนั้น ก็ผ่านความพยายามที่จะตั้งครรภ์มาหลายวิธี
“ตั้งแต่เราแต่งงานเป้าหมายที่สำคัญสุดของเราทั้งคู่คือ ต้องมีลูก แต่ด้วยความที่ตอนนั้นตัวเองอายุ 36 แล้วโอกาสที่จะมีลูกตามธรรมชาติก็น้อยลง แต่ถึงแม้มีด้วยวิธีธรรมชาตจริงก็ไม่แน่ใจว่าเด็กที่เกิดมาจะแข็งแรง เพราะเราอายุมากแล้ว เราใช้หลายวิธีมากในการที่จะมีลูก ผ่านการผิดหวังจากภาวะครรภ์ไม่สมบูรณ์ เด็กไม่ติดมาหลายครั้งมาก ทุกครั้งที่เราพยายามทางการแพทย์แล้วไม่สมหวังเรารู้สึกเสียใจมาก” มุกเล่าด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
แม้จะผิดหวังจากการมีลูกมาด้วยวิธีต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณแม่มุกถอดใจที่จะมีลูก เธอพยายามดูแลร่างกายในวัยใกล้ 40 ปี ให้แข็งแรงแล้วตัดสินใจพึ่งนวัตกรรมอันล้ำสมัยทางการแพทย์อีกครั้ง ด้วยการทำ IVF (In Vitro Fertilization) หรือเด็กหลอดแก้ว
“ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าจะได้ลูกแฝดนะคะ แต่พอคุณหมอบอกว่าไข่น่าจะติดประมาณ 2-3 ฟอง วินาทีนั้นเราดีใจมากค่ะ เพราะพยายามมาหลายวิธีจริงๆ ช่วงนั้นนอกจากจะดีใจแล้วก็ยังต้องเตรียมใจกับการมีลูกแฝด”
แม่มุกเล่าย้อนให้ฟังว่า ช่วงที่ตั้งครรภ์ลูกแฝดเธอแพ้ท้องหนักมาก จนต้องให้โปรตีนทางสายอาทิตย์ละครั้ง จนครบกำหนดคลอด แต่เมื่อถึงวันคลอดเห็นหน้าลูกแฝดสามมีร่างกายแข็งแรงอวัยวะครบ 32 ส่วนเราก็ดีใจที่สุดแล้ว
“ช่วงที่ตั้งครรภ์ คุณมุกแพ้ท้องมาก แพ้ตั้งแต่เริ่มท้องจนคลอดเลย แล้วแพ้รุนแรงมาก กินอะไรแป๊บเดียวก็ออกหมด และมุกเป็นคนตัวเล็กพื้นที่ในท้องให้ลูกแฝดอยู่เลยมีน้อย แล้วการมีเด็ก 3 คนในท้อง มันยิ่งทำให้อวัยวะอื่นมีที่อยู่น้อยลงด้วย เมื่อน้ำหนักขึ้นน้อยหมอเลยให้โปรตีน albumin หรือโปรตีนที่มีในไข่ขาว ให้ทางสายอาทิตย์ละครั้งน้ำหนักช่วงตั้งครรภ์ขึ้นมาเพียงแค่ 11 กิโลกรัมเอง เท่ากับคนท้องลูกคนเดียว แต่พอครบกำหนดวันคลอดเราได้เห็นใบหน้าของลูกเป็นครั้งแรก น้ำตามาจากไหนไม่รู้ค่ะมันพรั่งพรูออกมาด้วยความดีใจ และคิดว่านี่แหละคือของขวัญมุกและสามี” คุณแม่สายสตรองอธิบายปิดท้าย
ภาพจาก IG:prair_tumwattana,talkploy,yingmann,mookv