‘มิตรผล’ เจาะไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผ่านความหอมหวาน ปั้น มิตรผล คาเฟ่

จากจุดเริ่มต้นในฐานะของผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบัน ‘มิตรผล’ ไม่ได้มีแค่น้ำตาลทรายแบรนด์มิตรผลเท่านั้น แต่ยังได้ขยายสู่ผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลคุณภาพที่หลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างโอกาสในการขยายตลาด เพิ่มฐานลูกค้าเช่นเดียวกัน และนำมาสู่การค้นหาแนวทางการทำการตลาดที่แตกต่างออกไปจากเดิม เราจึงได้เห็นภาพ มิตรผล คาเฟ่ (Mitr Phol Cafe) ป๊อบอัพคาเฟ่ที่เกิดขึ้นเพื่อให้แบรนด์มิตรผล สามารถเข้าไปสร้างประสบการณ์ที่ดีร่วมกับผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

วิภาดา อัตศรัณย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์การตลาดและขายในประเทศ กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า “แบรนด์มิตรผล เป็นแบรนด์น้ำตาลที่ผูกพันกับคนไทยมาอย่างยาวนาน ภาพจำที่หลายๆคนรู้สึกกับแบรนด์จะเป็นแบรนด์ของรุ่นคุณพ่อคุณแม่ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์เปลี่ยน เทรนด์การผู้บริโภคเปลี่ยน เราจึงต้องศึกษา insight ของผู้บริโภคเพื่อให้แนวทางการทำตลาดสามารถสอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ภายใต้การนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ทุกคนต่างยอมรับ โจทย์สำคัญของเรา คือ ทำอย่างไรที่มิตรผล จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น เราต้องการจะสร้างการรับรู้ใหม่ว่าน้ำตาลทรายไม่ได้อยู่แค่ในห้องครัว และไม่ได้มีแค่เพื่อตอบสนองการทำอาหารทำกับข้าวเท่านั้น แต่น้ำตาลทรายยังสามารถตอบสนองความต้องการบริโภคได้ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราเองได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มน้ำตาลที่มีให้เลือกมากยิ่งขึ้น กลุ่มไซรัป น้ำเชื่อมแต่งกลิ่น ต่างๆ โจทย์ต่อมาของเรา คือการหาเครื่องมือทางการตลาดเพื่อให้การรับรู้เหล่านี้เกิดขึ้นในหมู่ผู้บริโภคให้ได้ ซึ่งเป้าหมายลูกค้าหลักๆ ของเราจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปหรือ end consumers โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มคน Gen Y กับกลุ่มผู้ประกอบการทั้งร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ ร้านกาแฟ ทำอย่างไรที่จะทำให้ มิตรผล เข้าถึงทั้ง 2 กลุ่มลูกค้านี้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของสร้าง มิตรผล คาเฟ่ เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ๆ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของมิตรผลในรูปแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น”

“ที่ผ่านมา มิตรผล ได้จัดกิจกรรมทางการตลาดในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเข้าร่วมออกบูธในงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร กิจกรรมชงชิมในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ การทำเวิร์คช้อป ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แต่เมื่อเรามองเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เราต้องหาวิธีการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและใกล้ชิดลูกค้าให้มากขึ้น สำหรับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ต้องการมากกว่ารสชาติของผลิตภัณฑ์ คือ บรรยากาศ มีเรื่องราวมีสีสันในการบริโภค ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการต้องการมองหาแรงบันดาลใจ มองหาแนวทางสร้างมูลค่าให้กับเมนูอาหารเพื่อนำมาสู่การสร้างยอดขาย เราจึงเริ่มต้นทำ มิตรผล คาเฟ่ ในพื้นที่ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลสาขาต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อเอาแบรนด์ไปใกล้ชิดกับ ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยได้ร่วมกับ มิกซ์โซโลจิสต์ ร่วมกับเชฟชื่อดังหลายท่านมาร่วมครีเอทเมนูเครื่องดื่ม เมนูขนมใหม่ๆ ซึ่งในแต่ละโลเคชั่น เราก็มีการปรับเมนูเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้เกิดความแตกต่าง ดังนั้นไม่ว่าจะไปเจอ มิตรผล คาเฟ่ ที่ไหน เราก็จะเจอเครื่องดื่ม เจอเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ เราจะเน้นเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มๆแบบง่ายๆ แต่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ ใส่เรื่องราวเข้าไป”

“อย่างล่าสุด เราได้เปิด มิตรผล คาเฟ่ ที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งตัวคาเฟ่ ได้ออกแบบใหม่ ดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปท์ไทยร่วมสมัย โดดเด่นด้วยการนำประตูเหล็กยืด มาช่วยปลุกกลิ่นอายย้อนยุคของอาคารบ้านเรือนและร้านขายของชำในสมัยก่อน โดยเรามองว่าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นพื้นที่ย่านใจกลางเมือง ทราฟฟิคมีทั้งคนไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติ คาเฟ่ในรูปแบบนี้น่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นไปตามความคาดหมาย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มที่เรานำเสนอ Signature Drink ที่ผสมผสานความหอมหวานของ Mitte Syrup (มิตเต้ ไซรัป) น้ำเชื่อมแต่งกลิ่น หนึ่งในผลิตภัณฑ์คุณภาพจากมิตรผล ทั้งกลิ่นมะขาม กลิ่นบัวหลวง กลิ่นตะไคร้ กลิ่นมะพร้าวน้ำหอม มาผสมกับชา ร่วมกับสมุนไพรไทยและผลไม้นานาชนิด รังสรรค์เป็นชา 4 รสชาติแปลกใหม่ให้ความสดชื่นที่แตกต่าง ได้แก่ บัวนิยม (BUA NIYOM) ประกายทอง (PRA-KAI-THONG) แม่ตะไคร้ (MA –TAKRAI) ไพรนาราย (PYNNARAI) นอกจากนี้ยังได้ เสิร์ฟขนมไทยโบราณที่แปลงโฉมในรูปแบบใหม่ที่แปลกตา ทั้งการตกแต่งและชื่อเรียกแต่ยังคงสัมผัสได้ถึงรสชาติความอร่อยหอมหวานแบบฉบับไทยต้นตำรับไว้ได้อย่างครบถ้วน ได้แก่ เขียวมณีวรรณ (ขนมแตงไทยไข่แมงดา) เสน่ห์อำพัน (ขนมทองพลุ) นิลนพเก้า (ขนมโค) พลบค่ำอินทนิล (ขนมโมจิวอลนัท) เป็นต้น”

ผลตอบรับที่เกิดขึ้นของมิตรผล คาเฟ่ เราถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ในกลุ่มลูกค้าทั่วไป เราได้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการนั่งคาเฟ่ ได้ดื่มเครื่องดื่มรสชาติแปลกใหม่ มีเรื่องราว และรู้จักมิตรผลในมุมมองใม่ๆ ส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการถือเป็นการสร้างโอกาสในการนำเมนูไปต่อยอด พัฒนาให้เกิดมูลค่ามากขึ้น นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าผู้รักสุขภาพ ด้วยการสื่อสารให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริโภคน้ำตาล ทั้งในด้านประโยชน์และความแตกต่างของน้ำตาลแต่ละประเภท รวมไปถึงแนวทางการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องอีกด้วย

ในอนาคตนอกจาก มิตรผล คาเฟ่ ที่เราจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ต่างๆ แล้ว เราจะยังสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับผู้บริโภคผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของ มิตรผลเป็นมากกว่าแบรนด์สินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังเป็นสินค้าที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม