Celeb Online

“สิงหาฯ พาแม่เที่ยว” กับโปรฯ บินเป็นคู่ สู่ญี่ปุ่นกับการบินไทย

>>ประเทศญี่ปุ่น (Japan) เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น ทั้งในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม บ้านเมืองสะอาด ปลอดภัย อาหารแสนอร่อย ที่สำคัญสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปีไม่ว่าจะไปชมดอกไม้ ชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรือไปร่วมงานเทศกาลท้องถิ่นในเมืองต่างๆ ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาหลัก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแม้แต่ชาวไทย เพราะคนญี่ปุ่นมีอัธยาศัยไมตรีเป็นเลิศ

ญี่ปุ่น เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในคาบสมุทรเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยมีทะเลญี่ปุ่นกั้น ส่วนทางทิศเหนือ ติดกับประเทศรัสเซีย มีทะเลโอค็อตสก์เป็นเส้นแบ่งแดน ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่า “ถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์” จึงทำให้มักได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย” ประเทศญี่ปุ่นเป็นกลุ่มเกาะกรวยภูเขาไฟสลับชั้นซึ่งมีเกาะประมาณ 6,852 เกาะ เกาะใหญ่สุดคือ เกาะฮอนชู, ฮอกไกโด, คิวชู และชิโกกุ ซึ่งคิดเป็นพื้นที่แผ่นดินประมาณร้อยละ 97 ของประเทศญี่ปุ่น และมักเรียกว่าเป็นหมู่เกาะเหย้า (home islands) ประเทศแบ่งเป็น 47 จังหวัดใน 8 ภูมิภาค โดยมีฮอกไกโดเป็นจังหวัดเหนือสุด และโอกินาวะเป็นจังหวัดใต้สุด ประเทศญี่ปุ่นมีประชากร 127 ล้านคน เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก ชาวญี่ปุ่นเป็นร้อยละ 98.5 ของประชากรทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 9.1 ล้านคนอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศ

และวันนี้ การไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็แสนจะสะดวกสบาย เพราะหลายปีที่ผ่านมา “การบินไทย” ให้บริการบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ 5 จุดหมายปลายทาง ด้วยราคาบัตรโดยสารต่อเที่ยวสบายกระเป๋า โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง “เทศกาลวันแม่” แบบนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะให้ของขวัญคุณแม่กับ
โปรโมชัน “สิงหาฯ พาแม่เที่ยว” ชวนคุณแม่เยือนแดนอาทิตย์อุทัย ไปเป็นคู่บินถูกกว่า เมื่อจองบัตรโดยสาร และเดินทางตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ต.ค. 61 บินลัดฟ้าแลนดิ้งเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ฟุกุโอกะ เริ่มต้นเพียง 14,055 บาท/ท่าน โตเกียว, นาโกยา, โอซากา เริ่มต้นเพียง 15,700 บาท/ท่าน และซัปโปโร เริ่มต้นเพียง 16,335 บาท/ท่าน หรือเพียงคลิก https://bit.ly/2n6DWWv

แม้เสิร์ชเอนจินหลายสำนักได้กล่าวถึงเมืองและสถานที่ที่นักเดินทางอยากปักหมุดไปเที่ยว ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตไว้มากมาย แต่ในครั้งนี้ สายการบินแห่งชาติอย่าง “การบินไทย” ขอแนะนำ 10 เมืองสุดฮิตที่อยู่ใกล้กับ 5 จุดหมายปลายทางของการบินไทยในญี่ปุ่น ที่รับประกันว่าโดนใจคนไทยแน่นอน มีที่ไหนบ้าง ตามมาเลย

โตเกียว (Tokyo)

“โตเกียว” หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า มหานครโตเกียว เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรในเขตเมืองประมาณ 12 ล้านคน ถือเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง เป็นจุดหมายปลายทางที่ติดท็อปรีวิวของนักท่องเที่ยว สำหรับสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เช่น ชินจูกุ (Shinjuku), ชิบูยา (Shibuya), ฮาราจูกุ (Harajuku), โอไดบะ (Odaiba), อิเคะบุคุโระ (Ikebukuro), อาซากุสะ (Asakusa), อุเอโนะ (Ueno), อากิฮาบาระ (Akihabara), กินซ่า (Ginza), รปปงหงิ (Roppongi) ส่วนโดยรอบกรุงโตเกียว สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือนอนค้างคืน ในเขตนอกเมืองได้หลายเมืองเลย เป็นเมืองที่ไปเที่ยวได้ตลอดปี สำหรับฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน และช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ราวเดือนพฤศจิกายน

คารุอิซาวะ-มาชิ (Karuizawa – machi)

นั่งรถจากโตเกียว (Tokyo) มาไม่กี่อึดใจเราจะได้พบกับเมือง ที่ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ รักป่าเขาลำเนาไพร ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก บ่อน้ำพุร้อน ภูเขา เมืองธรรมชาติแห่งนี้มีทุกอย่างสำหรับนักนิยมธรรมชาติ ส่วนใครที่อยากจะชมทั้งธรรมชาติ และเดินชอปปิ้ง ในทริปเที่ยวญี่ปุ่นครบจบที่เดียว ทีนี่ก็เหมาะอย่างยิ่ง เพราะแหล่งชอปปิ้งคารุอิซาวะกินซ่า (Karuizawa Ginza) เป็นแหล่งชอปฯ เลื่องชื่อ ที่จะให้ชวนเพลิดเพลินเดินชอปฯ ได้ทั้งวัน เป็นอีกเมืองหนึ่งที่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่จะเป็นที่นิยมมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนกลางปี

โอซากา (Osaka)

การบินไทยพาบินตรงมาเยือนเมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นเมืองธุรกิจสำคัญแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านอาหารราคาย่อมเยา เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปยังมุมไหนของเมืองก็สามารถหาร้านอาหารรสเลิศ ในราคาสบายกระเป๋าได้ไม่ยาก นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ รวมไปถึง ปราสาทโอซากา (Osaka Castle) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งญี่ปุ่น และสวนลอยน้ำ (Floating Garden Observatory) และหากคุณชื่นชอบเดินชอปปิ้ง ต้องห้ามพลาดย่านถนนชินไซบาชิที่เดินกันได้ตั้งแต่กลางวันไปจนถึงดึกๆ ไม่มีเบื่อเลยทีเดียว หรือจะไปหาของอร่อยๆ กินในย่านนี้ก่อนเดินชอปปิ้งต่อ แน่นอนที่นี่มีร้านอาหารชื่อดังมากมาย สามารถไปเที่ยวโอซากาได้ตลอดปี สำหรับฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเมษายน และเมื่อเราเพลินชมเมืองจนจุใจแล้ว ยังไปต่อเมืองสุดฮิตใกล้ๆ ได้แสนสะดวก ทั้งเมืองเก่าอย่างเกียวโต หรือนารา ที่ขับรถไปทางเหนือแค่ 1 ชั่วโมง ก็พบความประทับใจไม่รู้ลืม…เราไปต่อกันเลย

เกียวโต (Kyoto)

เป็นเมืองมรดกโลกเก่าแก่ของญี่ปุ่น ใกล้กับโอซากา (Osaka) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่ชอบศิลปวัฒนธรรมโบราณ เพราะที่นี่มีทั้งวัดวาอาราม ศาลเจ้าโบราณ ที่อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี หากใครที่อยากท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง ลองหาชุดกิโมโนมาสวม หรือร่วมพิธีชงชาแบบโบราณก็ไม่ควรพลาด ทั้งยังหาที่พักแบบโฮมสเตย์ได้ไม่ยากเช่นกัน ที่นี่จะทำให้เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบพันปีก่อน นับแต่ก้าวแรก และเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจเลยหากคุณจะเดินสวนกับเกอิชาในชุดกิโมโน บนถนนใจกลางเมืองก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพลาดเมื่อมาเยือนเกียวโต สำหรับช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวมากที่สุด คือ ฤดูใบไม้ผลิราวเดือนมีนาคม และฤดูใบไม้ร่วงราวเดือนตุลาคม ขณะที่ช่วงเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลใหญ่ประจำปี คือเทศกาลมิยาโกะ (Miyako Odori)

นารา (Nara)

เมืองนาราหรือเมืองแห่งกวาง เป็นเมืองเก่าที่อยู่เหนือโอซากาขึ้นไป ขับรถเพียง 1 ชั่วโมง ทุกหนแห่งที่เดินทางไปเที่ยวจะเห็นฝูงกวางอันเป็นมิตรกับผู้คน นอกจากนี้ นารายังถือเป็นแหล่งกำเนิดของขนบธรรมเนียมอันสำคัญของชาวญี่ปุ่น ทั้งยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsuden) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดของโลก วัดโฮริวจิ (Horyu-ji Temple) สถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เช่นเดียวกับวัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดเก่าแก่ที่สุดของเมือง เราสามารถไปเที่ยวนาราได้ตลอดปี ฤดูชมซากุระเมืองนี้จะอยู่ราวกลางเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน และช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ราวเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคม

เฮียวโงะ (Hyogo)

เมืองเฮียวโงะตั้งอยู่ไม่ไกลจากโอซากาและเกียวโต เป็นที่ตั้งของปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ที่งดงามที่สุดของประเทศและได้รับการยกให้เป็นเขตมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) ถัดจากปราสาทจะเป็นสวนสาธารณะกว้างกว่า 33,000 ตร.ม. ถือเป็นจุดชมดอกซากุระยอดนิยม จนจัดเป็นงานประเพณีทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิชื่อว่า “เทศกาลชมดอกซากุระยามราตรี” (Himeji Hana Akari Night View of Cherry Blossom Festival) สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดจะอยู่ในช่วงชมดอกไม้บานในราวกลางเดือน-ปลายเดือนมีนาคม

ซัปโปโร หรือ ซัปโปะโระ (Sapporo)

เป็นอีกเมืองเด่นที่การบินไทยบินตรงมาถึงที่นี่ ถือเป็นเมืองหลวงบนเกาะฮอกไกโดตอนเหนือของประเทศ ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นจนหิมะตกหนาแน่นในช่วงฤดูหนาว ใครที่ชื่นชอบเล่นสกีสัมผัสหิมะ ไม่ควรพลาดช่วงมกราคม-มีนาคมของทุกปี ทั้งยังเป็นเมืองแห่งอาหารทะเลสดแสนอร่อย บะหมี่ราเมนเลิศรส และแหล่งผลิตเบียร์ขึ้นชื่อ ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ที่นี่จะมีเทศกาลคริสต์มาสในสไตล์ชาวเยอรมัน ที่สวนโอโดริ (German Christmas Market at Odori Park) งานประดับไฟหน้าหนาว (Sapporo White Illumination) และตามมาด้วยเทศกาลหิมะและน้ำแข็งแกะสลักแห่งซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) ในช่วงต้นปี

สำหรับสถานที่เที่ยวสุดฮิตมีมากมาย เช่น โรงเบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) สวนกลางเมืองโอโดริ (Odori Park) หอนาฬิกาเก่าประจำเมือง (Tokeidai) ตึกที่ทำการเก่าแก่ของฮอกไกโด (Hokkaido Government Building) ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine) สวนสัตว์มะรุยะมะ (Maruyama Zoo) และภูเขาโมอิวะ (Mt. Moiwa) เป็นอีกเมืองที่สามารถไปท่องเที่ยวได้ตลอดปี เพราะมีความน่าสนใจหลากหลาย ทั้งนี้ ในช่วงฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์) จะมีเทศกาลฤดูหนาวหลายงานที่เป็นที่นิยม

ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

เป็นอีกเมืองปลายทางที่การบินไทยจะพานักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองที่คนรักการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ต้องไม่พลาด ฟุกุโอกะตั้งอยู่บนเกาะคิวชู ขึ้นชื่อเรื่องอาหารโดยเฉพาะอาหารทะเล นอกจากนี้ ยังเป็นถิ่นกำเนิดของบะหมี่ราเมนอันลือชื่อของญี่ปุ่น กล่าวกันว่าถ้าได้ไปเยือนฟุกุโอกะแล้วไม่ได้ลิ้มรสราเมนถือว่า พลาดอย่างแรง โดยเฉพาะร้านราเมนข้างทาง ถือเป็นร้านอาหารยอดนิยม ไม่ต่างจากรถขายไส้กรอกในสหรัฐอเมริกา หรือรถเข็นขายไก่ย่างส้มตำบ้านเรา ทั้งยังเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ถึงกับได้ฉายาว่าเป็นเมืองที่รีแล็กซ์ (Relax) หรือเครียดน้อยที่สุดในญี่ปุ่น การไปเที่ยวฟุกุโอกะมักนิยมไปราวเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลโกลเดนวีก (Golden week) และในช่วงเดือนกันยายน-เดือนตุลาคมก็เป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายน่าไปเที่ยวอีกช่วงหนึ่ง

นาโกยา (Nagoya)

การบินไทยพาแลนดิ้งนาโกยา ไปสัมผัสเมืองแห่งประวัติศาสตร์ ที่ผสมผสานความทันสมัยไว้อย่างลงตัว ทั้งยังเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรม เพราะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ยี่ห้อดัง และเครื่องเล่นสุดหรรษา ทำให้เมืองนี้มีบรรยากาศไม่เหมือนที่ใด เพราะมีทั้งความเก่าแก่สวยงามตามสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมของสถานที่ท่องเที่ยว และมีความทันสมัยภายในตัวเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี ทำให้เที่ยวได้ครบรส ทั้งยังอยู่บริเวณศูนย์กลางสามารถไปเที่ยวต่อยังเมืองรอบข้างได้อย่างสะดวกสบาย จุดที่ไม่ควรพลาดชมในเมืองนี้ มีเป็นต้นว่า ปราสาทนาโกยา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1612 แต่ได้ถูกเพลิงไหม้จนเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1959 นอกจากตัวปราสาทแล้ว ยังมีรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ Kinshachi ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนาโกยาอีกด้วย มิดเดิลสแควร์ (Midland Square) อาคารสูงที่สุดของเมืองนาโกยา ด้วยความสูง 47 ชั้น 247 เมตร ตัวอาคารประกอบด้วยศูนย์การค้า ร้านอาหาร ออฟฟิศ และ Sky Promenade ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ความสูง 220 เมตร (ชั้น 44-46) ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวแบบ Open-air ที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย

หอคอยนาโกยาทีวีทาวเวอร์ (Nagoya TV Tower) เป็นหอคอยส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1954 มีความสูง 180 เมตร และมีจุดชมวิว SKYDECK ที่ความสูง 90 เมตร และ SKYBALCONY ที่ความสูง 100 เมตร และใกล้ๆ กันนี้มี Oasis 21 อาคารรูปทรงทันสมัย เปิดเมื่อปี ค.ศ. 2002 สะดุดตากับหลังคากระจกขนาดใหญ่รูปวงรี ที่คล้ายกับยานอวกาศ ซึ่งเรียกว่า Spaceship-Aqua ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกยา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถเพลิดเพลินได้ทุกวัย โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ Brother Earth ท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก, Exploring Water สำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับน้ำ, Tornado Lab สำหรับชมพายุทอร์นาโดที่สูงถึง 9 เมตร, Electric Discharge Lab สำหรับชมการทดลองปล่อยกระแสไฟเพื่อจำลองฟ้าผ่า, Deep Freezing Lab สำหรับชมแสงออโรราที่ความเย็น -30 องศาเซลเซียส

ทาคายามะ (Takayama)

เพียงนั่งรถจากโตเกียวหรือนาโกยาไปนิดเดียวก็ได้สัมผัสเมืองท่องเที่ยวเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว เพราะมีหมู่บ้านชิราคาวะโกะ (Shirakawago) หมู่บ้านมุงหลังคาฟางแบบโบราณที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ชานเมืองท่ามกลางหุบเขา หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก และมีหลายหลังที่เปิดเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสภูมิปัญญาคนโบราณที่สร้างบ้านให้คงทนทุกสภาพอากาศ และยืนหยัดมาหลายศตวรรษ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ตึกที่ว่าการเมืองสมัยโชกุน 
ทาคายามะ จินยะ (Takayama Jinya) เขตเมืองเก่าซันมาชิ (Sanmachi) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮิดะ (Hida Folk Museum) หรือมินโซกุ-กัง (Minzoku-kan) และพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์โทมิโนะซุเกะ (Tomenosuke)

ทาคายามะ เป็นอีกเมืองที่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยช่วงหน้าหนาวจะเป็นที่นิยมในการไปนอนผิงไฟบ้านโบราณและเล่นสกี ในฤดูใบไม้ผลิ-ร้อนก็เป็นช่วงชมดอกไม้บาน และเที่ยวป่าเขา รวมไปถึงเทศกาลดอกไม้ไฟอันยิ่งใหญ่ในราวเดือนกรกฎาคมของทุกปี ในขณะที่เดือนตุลาคมเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เมืองนี้ก็สวยไม่แพ้ที่ใดเช่นกัน

สำหรับใครที่สนใจพาคุณแม่บินไปพักผ่อนท่องเที่ยวในเทศกาลวันแม่ กับโปรโมชัน “สิงหาฯ พาแม่เที่ยว” หรือจะให้รางวัลตัวเอง ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปสัมผัส “ญี่ปุ่น” วันนี้ สามารถบินง่ายสะดวกสบาย โดยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้น กับ “การบินไทย” ที่พร้อมให้บริการทุกวัน ลัดฟ้าสู่เมือง ซัปโปโร โตเกียว นาโกยา ฟุกุโอกะ โอซากา เพื่อให้คุณรื่นรมย์ไปกับเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต แดนอาทิตย์อุทัย เพียงคลิก https://bit.ly/2n6DWWv

การบินไทย บินสู่ทุกจุดหมาย #สบายต่างกัน

อื่นๆ ควรรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น
ฤดูกาลและสภาพอากาศ ญี่ปุ่นสามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี เพราะในแต่ละช่วงก็มีธรรมชาติที่สวยงามและงานเทศกาลที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ทั้งนี้ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล คือ

ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม
ฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์

การเดินทางในญี่ปุ่น
มีบริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ รถบัสโดยสาร รถไฟใต้ดินและบนดิน เรือเฟอร์รี รถแท็กซี่ รถไฟความเร็วสูงข้ามเมือง และบริการรถเช่าในเมืองต่างๆ ทำให้ไปญี่ปุ่นเองและเที่ยวเองได้ไม่ยาก

โรงแรมที่พักในญี่ปุ่น
ที่พักในญี่ปุ่นมีหลายแบบ ในเมืองใหญ่ๆ จะมีตัวเลือกมากกว่าเมืองเล็กๆ ทั้งนี้ ที่พักมีตั้งแต่รีสอร์ต โรงแรม เกสต์เฮาส์ อินส์-เรียวกัง (Japanese Inns or Ryokan) โรงแรมแคปซูล (Capsule Hotel) และที่พักแนวประหยัดต่างๆ ที่เป็นที่นิยมค่อนข้างมาก