>>หลังจากที่เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่ ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ก็ถึงเวลาที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์จริง ที่เขาโปรโมตว่านี่คือ “จิตวิญญาณของสปอร์ตซีดาน” โดยทริปนี้ของเรามีปลายทางอยู่ที่จังหวัดกระบี่ แต่เพื่อเป็นการทดสอบสมรรถนะของซีรีส์ 3 อย่างเต็มภาคภูมิ เราจึงเริ่มการทดสอบด้วยการขับรถจากจังหวัดตรังสู่กระบี่ในบรรยากาศขับชิลชิลเลียบทะเล
หากพูดถึง “ซีรีส์ 3” สำหรับตัวผู้เขียนเองแล้วต้องบอกว่าค่อนข้างจะเป็นรถรุ่นที่คุ้นเคย เพราะจำได้ว่าสมัยเด็กๆ ที่บ้านก็มี BMW ซีรีส์ 3 อยู่หนึ่งคัน แต่เป็นรุ่นแรกซึ่งมีรหัสเรียกรุ่นว่า E 30 ซึ่งในปัจจุบันนี้แทบจะกลายเป็นรุ่นคลาสสิกไปแล้ว แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ใช้คันนั้นแล้วแต่ยังจำได้ถึงความรู้สึกที่ได้ขับขี่ยานยนต์ที่ต้องบอกว่าขับแล้วรู้สึกถึงความปลอดภัย ปราดเปรียว และแข็งแรงของซีรีส์ 3 คันเดิมได้อยู่
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 เป็นรถยนต์สปอร์ตซีดานรุ่นแรกๆ ที่รู้สึกว่าขับขี่แล้วดูไฮโซโก้หรูมากๆ และตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีนับตั้งแต่ บีเอ็มดับเบิลยู ออกซีรีส์ 3 มา เราก็ยังคงคุ้นตากับการปรับเปลี่ยนรูปโฉมมาเรื่อยๆ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่นี้เป็นเจเนอเรชันที่ 6 แล้วในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3
เดิมทีนั้นบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 มีแต่เครื่องเบนซิน แต่หลังจากที่โฉมก่อนหน้านี้เคยปล่อยตัวเครื่องที่เป็นดีเซลออกมา และปรากฎว่าได้รับความสนใจจากคอซีดานสุดหรูตัวนี้พอสมควร คราวนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 320d จึงกลับมาอีกในดีไซน์ใหม่สไตล์ปราดเปรียว เพื่อการันตีว่าบีเอ็มดับเบิลนี่แหละเป็นรถยนต์สปอร์ตซีดานระดับหรูที่ขายดีที่สุดในโลก
แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะพอคุ้นตากับบีเอ็มดับเบิลยู 320d อยู่แล้ว แต่คราวนี้กับ บีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่ นั้นอาจโม้เพิ่มกว่าเดิมได้อีกนิดว่าครั้งนี้ใหม่ทั้งในด้านสุนทรียภาพแห่งการขับขี่และสมรรถนะที่ปราดเปรียว พร้อมความประหยัดและความสะดวกสบายอย่างเหนือชั้น
ความที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล บางทีจะทำให้เรารู้สึกถึงขุมพลังและความประหยัด เมื่อเทียบกับขนาดรถที่ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนกับรถบรรทุกหรือรถกระบะ และบีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่นี้ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 22.7 กิโลเมตรต่อลิตร
บีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลไดเรกต์อินเจกชันพร้อมเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู ทวินเพาเวอร์เทอร์โบ 4 สูบ พละกำลังของเครื่องยนต์ที่ 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้าที่ 4,000 รอบ พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ระหว่าง 1,750-2,750 รอบ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่นี้เป็นรถยนต์ที่มีความปราดเปรียวสูง
หลังจากที่เราได้รับการบรีฟเรื่องข้อมูลเบื้องต้นและอบรมเรื่องการขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู อย่างปลอดภัยและการใช้งานให้คุ้มกับสมรรถนะรถแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะได้ขึ้นขับขี่ซีดานหรูคันนี้จริงๆ
สัมผัสแรกทางตาที่ได้พบเรารู้สึกถึงความหรูหราของดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นความโค้งมนของบอดี้รถ กระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ สัมผัสต่อมาจากการสัมผัส เริ่มตั้งแต่การจับพวงมาลัย เบาะนั่งที่กระชับเสริมการขับขี่ที่สะดวกสบาย และตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อเราเริ่มเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งเบาๆ ก็รู้สึกได้ถึงขุมพลังที่พร้อมจะพาเราทะยานไปตามใจ
บีเอ็มดับเบิลยูนับได้ว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ได้นำเอาระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดมาติดตั้ง หากพิจารณาเปรียบเทียบในเรื่องของขนาดและน้ำหนักกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดในรุ่นก่อนหน้านี้แล้ว ถือว่าไม่แตกต่างกันเลย แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเกียร์ 8 สปีดนี้ ช่วยสร้างสมรรถนะแห่งการขับขี่ที่ประหยัดพร้อมทั้งสร้างอัตราเร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะในทุกองค์ประกอบของตัวรถยนต์ โดยเฉพาะการขับขี่ที่ผู้ขับสามารถเลือกโหมดในการขับขี่เป็นแบบแมนวลได้ ช่วยรีดสมรรถนะของสปอร์ตซีดานในรถยนต์รุ่นนี้ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
พูดถึงภายในตัวรถกันบ้าง แม้ว่าบีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่นี้จะมีขนาดที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่บีเอ็มดับเบิลยู 320d ใหม่นี้ก็ยังคงไว้ซึ่งดุลยภาพระหว่างความเป็นสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว และคราวนี้มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกได้ตามรสนิยมและคาแรกเตอร์ของผู้ขับขี่ได้ถึง 3 ไลน์ ทั้งสปอร์ตไลน์, โมเดิร์นไลน์ และลักชูรีไลน์
เมื่อเวลาผสานเทคโนโลยีและดีไซน์ ยิ่งทำให้สปอร์ตซีดานคันนี้ยิ่งเป็นพาหนะที่สมบูรณ์แบบ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ บีเอ็มดับเบิลยูก็ยังคงเป็นรถในดวงใจเสมอ จนอยากจะเก็บตังค์เป็นเจ้าของสักคันเหมือนกันนะ :: Text by FLASH
Fact File บีเอ็มดับเบิลยู 320d
:: เครื่องยนต์ดีเซล ทวินเพาเวอร์เทอร์โบ 4 สูบ 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 380 นิวตันเมตร
:: ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ช่วยกำหนดอัตราการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว
:: ระบบการทำงานของเครื่องยนต์พร้อม Auto Start/Stop function พร้อมโหมด ECO PRO เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานสูงสุด เป็นอีกส่วนหนึ่งของระบบควบคุมการขับขี่แบบเลือกโหมดได้
:: อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในระยะเวลาเพียง 7.6 วินาที และสามารถสร้างความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กม./ชม.
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net หรือ App Store ได้แล้วที่ celeb online ipad edition