ห่างเหินจากเชียงรายไปเนิ่นนาน ยิ่งมีโควิด-19 แพร่ระบาดด้วยแล้ว โปรแกรมการเดินทางต่างๆ จึงลืมไปได้เลย วันๆ ได้แต่นั่งทำงานที่บ้านแบบ WFH แต่พอช่วงนี้ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แถมมาตรการต่างๆ ก็เริ่มผ่อนปรน จึงขอแพ็กกระเป๋าเดินทางไปยังจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทยแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพื่อไปผ่อนคลายตามประสานคนเกิดปีม้าที่ชีพจรลงเท้าแบบเพลิดเพลินทุกจุดมุ่งหมาย
ทริปเชียงรายของตัวเองครั้งนี้ คงต้องเรียกว่า Road Trip เพราะเช่ารถขับเที่ยวเอง เพื่อที่จะได้ไปเช็กอินสถานที่ต่างๆ ที่ตัวเองสนใจอย่างคล่องตัว แต่แน่นอนว่าที่พักก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเที่ยวกลับมาเหนื่อยพอถึงที่พักก็จะได้พักผ่อนชาร์จพลังให้ออกไปท่องเที่ยวต่ออย่างไม่อ่อนล้า โดยตัวเลือกแรกเลยก็คือ โรงแรมจะต้องอยู่ในย่านเมืองเก่าหรือย่านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงราย โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ต จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำกก ใกล้ตัวเมือง และไม่ห่างจากสนามบิน โดยที่นี่มีแนวคิดหลักคือการผสมผสานระหว่าง ความทันสมัย (Chic) ศิลปวัฒนธรรม (Art&Culture) และการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ (Discovery) เข้าไว้ด้วยกัน
นอกจากการตกแต่งของโรงแรมจะมีความเรียบหรูภายใต้แนวคิดความเป็นล้านนาร่วมสมัย ที่ผสานงานศิลปะและเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่นภาคเหนือเข้าไว้ด้วยกัน มีห้องพักให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบหลักด้วยกันคือ Deluxe, Grande Deluxe และ Grande Suite แต่เลือกพักแบบ Grande Suite พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแล้ว มองออกไปจากห้องพักจะพบกับแมกไม้ร่มรื่น โดยเฉพาะต้นจามจุรีขนาดใหญ่ที่ยืนต้นสูงตระหง่านแผ่สยายกิ่งก้านอย่างยิ่งใหญ่สวยงาม สร้างบรรยากาศธรรมชาติอันร่มรื่นให้กับที่พักแห่งนี้
เมื่อเช็กอินเข้าที่พัก เปลี่ยนเสื้อผ้าให้รู้สึกสบายขึ้น เฟรซอัพร่างกาย พร้อมกับเดินสำรวจบริเวณรอบๆ โรงแรมแล้ว จึงขอขับรถออกไปสำรวจเมืองเชียงราย ซึ่งจากโรงแรมเลอ เมอริเดียนฯ สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย หรือจะขับรถออกไปนอกเมืองก็ไม่รู้สึกว่ามันไกลเกินความตั้งใจ จุดมุ่งหมายแรกคือ การไปตุนอาหารให้เต็มท้องกันก่อนที่ร้านอาหารผามไส้อั่วก่อน ซึ่งเป็นร้านร้านอาหารพื้นเมืองเชียงรายที่พลิกโฉมเมนูอาหารเหนือให้ดูชิค ด้วยสไตล์การตกแต่งแบบพื้นเมือง บนผนังมีกวักข้าว หรือ “กัวะข้าว” ภาชนะที่คนภาคเหนือใช้คนข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ๆ ทำจากไม้สักทั้งชิ้นนำมาเจาะเป็นช่อง เป็นของเก่าโบราณซึ่งเจ้าของร้านสะสมและนำมาใช้ตกแต่งภายในร้าน สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ก็ต้องยกให้กับ “ล้านนาผาม” ที่ยกขบวนของกินพื้นเมืองเหนือ ทั้งแคบหมู น้ำพริกอ่อง ไส้อั่ว และแกงฮังเล เป็นสูตรของร้านที่เลือกใช้เฉพาะเนื้อแดง ไม่ใช้หมูสามชั้น เสิร์ฟมาในจานถาดแบบสี่ช่อง จัดเป็นออร์เดิร์ฟ เรียกน้ำย่อยได้อย่างดี รวมถึงเมนูอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อเดินทางมายังเมืองหลวงจึงต้องไปไหว้พระ ทำบุญ เพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต โดยปักหมุดและขับรถมุ่งหน้าไปยังวัดพระแก้ว ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ใจกลางเมืองเชียงราย และไม่ห่างจากโรงแรมเลอ เมอริเดียนฯ ที่พักนัก วัดนี้เองที่ได้ค้นพบพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในกรุงเทพฯ ปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ.1897 ในสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน เป็นเจ้าเมืองครองเชียงใหม่นั้นฟ้าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ ต่อมาจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวที่สร้างด้วยหยก ซึ่งก็คือพระแก้วมรกตนั่นเอง ปัจจุบันวัดพระแก้ว เชียงราย เป็นที่ประดิษฐาน พระหยก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ มีความงดงาม และประทับใจมากเมื่อได้มากราบสักการะ
จากนั้นก็ขับรถออกมาอีกไม่กี่นาที ก็มาแวะที่วัดพระสิงห์ เชียงราย ซึ่งสองวัดนี้เป็นที่เก่าแก่และคู่เมืองเชียงราย วัดนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ครั้งหนึ่งวัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย นั่นคือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่า “พระสิงห์”ปัจจุบันวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ (หรือพระสิงห์) จำลองศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย ชนิดสำริดปิดทอง หน้าตักกว้าง 37 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 66 เซนติเมตร โดยพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธปฏิมาศิลปะล้านนาไทย พุทธศตวรรษที่ 21 ปางมารวิชัย ชนิดสำริดปิดทอง หน้าตักกว้าง 204 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 284 เซนติเมตร ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถมีพุทธลักษณะสง่างาม
ขับรถทำบุญไหว้พระ และสำรวจเมืองพอสมควรแล้วจึงกลับมายังโรงแรมเลอ เมอริเดียนฯ ที่พัก โดยเลือกผ่อนคลายต่อที่ “ภาวาตี สปา” ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติติดกับแม่น้ำกก โดยวันนี้ขอเลือกนวดไทย เพราะเป็นคนชอบนวดหนักและไล่เส้นแบบถึงพริกถึงขิง หัวเตียงเป็นกระจกใสเวลามองออกไปก็จะพบกับแม่น้ำกก ทำให้ 1 ชั่วโมงที่เลือกนวดนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว แถมผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
เมื่อนวดเพื่อการผ่อนคลายเสร็จแล้ว ก็เดินออกมาอีกหน่อยจะพบกับ “ร้านฟาโวล่า” ซึ่งเป็นห้องอาหารอิตาเลียนริมแม่น้ำกก ยามเย็นอากาศที่นี่ดีมาก เพราะเราสามารถสั่งอาหารเมนูโดนใจและเครื่องดื่มแล้วนั่งละเลียดไปพร้อมกับเสียงเพลงเบาๆ และบรรยากาศริมแม่น้ำกก ซึ่งรื่นรมย์เช่นนี้นี่เองจึงได้คำตอบแล้วว่าทำไมเวลาที่ใครมาเชียงรายจะต้องเลือกมาพักที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ต แห่งนี้
รุ่งสายวันถัดมาด้วยความที่เป็นคนติดคาเฟ่ที่มีการตกแต่งแบบสวนป่าเป็นอย่างมาก จึงลองค้นหาในกูเกิลจนพบว่า “ร้านเดอะ วอนเดอเรอร์” (The Wanderer) น่าสนใจ เพราะเป็นร้านกาแฟที่อยู่ท่ามกลางป่าสีเขียวแต่ไม่ห่างจากแม่น้ำกกมากนัก เส้นทางที่พามาอาจจะคดเคี้ยวและลึกลับหน่อย แต่เมื่อมาถึงก็รู้สึกถึงห้วงอารมณ์ที่ผ่อนคลายสุดๆ ครั้นยังจินตนาการตามไปด้วยว่าเจ้าของจะต้องมีอาชีพเป็นนักจัดสวน หรือสถาปนิกเป็นแน่ สุดท้ายก็ได้คำตอบจากพี่ที่เป็นชาวเชียงรายว่าเขาเป็นแฟนกับเจ้าของแบรนด์กาแฟดอยช้าง ซึ่งไม่ได้เป็นชาวเชียงรายโดยกำเนิด แต่ก็เอาเถอะถึงแม้ไม่ใช่ชาวเชียงรายแต่มาทำร้านอยู่ที่นี่แบบนี้ได้ก็ถือว่าได้มาถึงเชียงรายแล้ว
ที่ร้านวอนเดอเรอร์ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งจากพันธุ์ที่เขากำลังนิยมกัน (แต่เจ้าของน่าจะปลูกมานานแล้วเพราะต้นใหญ่เหลือเกิน) และต้นใหญ่ที่โตจากเดิม มีทางเดินแบบสวนตะวันตก ตัวร้านเป็นกระจกผสมกับปูนสองชั้น แต่ช่วงที่มาเปิดให้เข้าแค่ชั้นเดียว ส่วนเมนูก็คล้ายคลึงกับคาเฟ่อื่นๆ ที่มีขนมหวาน กาแฟ ชา ช็อกโกแลต ฯลฯ ส่วนตัวไม่ว่าจะไปคาเฟ่ก็จะเลือกชาเขียวปั่น เพราะเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ สรุปแล้ว ที่ร้านฟินเพราะบรรยากาศร้านที่ให้ความรู้สึกคลายและเหมาะกับคนที่โหยหายไลฟ์สไตล์แบบกรีนๆ
จากนั้นก็ขับรถเดินทางต่อไปยังร้านคาเฟ่ชื่อดังที่ตั้งอยู่บนยอดดอยช้าง อย่าง “อะบอนโซ่ พาราไดส์” (Abonzo Paradise) ที่เกิดจากการปลูกกาแฟอะราบิกาพรีเมี่ยมบนดอยช้างเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ผ่านมา 2 ยุคสมัยจนกระทั่ง ปี 2012 กาแฟพรีเมี่ยมอะบอนโซ่จึงได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้เป็นกาแฟคุณภาพดีที่ปลูกจากใจเพื่อให้ทุกคนได้ดื่มกาแฟที่มีคุณภาพระดับโลก โดยเจ้าของเขาควบคุมการผลิตเองอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอนและยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ร้านมีเมนูเครื่องดื่มกาแฟ และอื่นๆ อีกหลากหลายพร้อมด้วยขนมหวานอีกด้วย ที่สำคัญใกล้ๆ กันมีที่พักบนเนินเขาให้จองพักนอนชมวิวและเทือกเขาอย่างรื่นรมย์
นั่งชิลบนยอดดอยช้างอยู่พักใหญ่ ละเลียดไปพร้อมกับการสูดชาเขียวเย็นๆ เวลาก็ปาไปบ่ายแก่ๆ จึงได้เวลาต้องขับรถลงจากดอยช้างเพื่อกลับเข้าไปยังตัวเมืองเชียงราย แต่ก่อนจะกลับโรงแรมที่พัก ก็ขอมาปิดท้าย Road Trip นี้ ด้วยการแวะไปร้านจำหน่ายไวน์ชื่อดัง “อิตาเลเซีย” (Italasia) สักหน่อย ซึ่งเป็นร้านของคนสนิทอย่าง “ฟา เบเนเดตตี้” ปัจจุบันอิตาเลเซียมีร้านจำหน่ายอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ แต่สำหรับที่เชียงรายจะออกเป็นแนววินเทจหน่อยๆ ตั้งอยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำกกมากนัก โดยมีไวน์หลากหลายรสชาติและยี่ห้อจากอิตาลี ดังนั้น เมื่อการมาเยือนเชียงรายได้พักผ่อนในโรงแรมดีๆ ที่เต็มไปด้วยสไตล์และเรื่องราว อย่างโรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ต แล้ว ยังแวะคาเฟ่เก๋ๆ ชมวิวชิลๆ การได้จิบไวน์ชั้นยอดปิดท้าย จึงเป็น Road Trip ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
เที่ยวเชียงรายในฤดูร้อนนี้ พร้อมสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ศิลปะ วัฒนธรรม และความเป็นมิตรของผู้คน จึงแนะนำเริ่มต้นวันหยุดที่กำลังจะมาถึงในแบบของตัวเองด้วยข้อเสนอ Endless Sweet Summer ราคาเริ่มต้นที่ 2,999 บาทสุทธิต่อคืน ห้องดีลักซ์ การ์เด้น วิว รวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน ที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ต โดยจองตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2565 เข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม จนถึง 30 มิถุนายน 2565
ทั้งที่โรงแรมยังเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ราคาเริ่มต้นเพียง 1,799.4 บาท สุทธิต่อคืน (จากราคาเต็ม 2,999 บาทสุทธิต่อคืน) ห้องดีลักซ์ การ์เด้น วิว สำหรับ 2 ท่าน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองห้องพักที่ https://bit.ly/EndlessSweetSummerCR