>>“วันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัล” (Wonderfruit Festival) เทศกาลงานดนตรีทางเลือกใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิต และความสนุก ท่ามกลางธรรมชาติและจังหวะของดนตรี ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ครั้งแรกในเอเชีย ซึ่งในงานนี้ได้ผู้สนับสนุนหลักอย่าง “สยาม ไวเนอรี่” พาชมไร่องุ่นจำลอง และพิพิธภัณฑ์ไวน์ (Wine museum) พร้อมทั้งให้ความรู้แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับกระบวนการผลิตไวน์ โดยไวน์เมกเกอร์ที่เชี่ยวชาญจากสยาม ไวเนอรี่ ตลอดจนเพลิดเพลินไปกับพิธีเฉลิมฉลองหลังการเก็บเกี่ยวองุ่น (Grape Stomping) ในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ
อนัณทินี จิตจรุงพร ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า “สยาม ไวเนอรี่ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมการดื่มไวน์ในเมืองไทย เราทำงานอย่างหนักในการพัฒนาไวน์ไทย มอนซูน แวลลีย์ (Monsoon Valley จนได้คุณภาพเป็นที่ยอมรับระดับโลก รวมทั้งสรรหาไวน์คุณภาพดี ตลอดจนคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในด้านการผลิตไวน์ เพื่อนำไวน์ที่ดีมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัส และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่สยาม ไวเนอรี่ มีโอกาสสนับสนุนและร่วมสร้างปรากฏการณ์ความสนุกครั้งยิ่งใหญ่ ในงาน “วันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัล”
โดยในงานนี้ สยาม ไวเนอรี่ ได้จัด สยาม ไวเนอรี่ ไวน์ มิวเซียม ขึ้น เพื่อตอกย้ำการสร้างวัฒนธรรมในการดื่มไวน์ในประเทศไทยให้แพร่หลายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างประสบการณ์ในเรื่องไวน์ให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสด้วยตัวเอง โดยครั้งนี้เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยกไร่องุ่นหัวหินฮิลล์วินยาร์ดมาจำลองถึงพัทยา พร้อมมีหลากหลายเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตไวน์ไทยคุณภาพระดับสากล ในรูปแบบ Edutainment ตลอดจนตื่นตาตื่นใจกับพิพิธภัณฑ์ไวน์ ที่ยกขบวนอุปกรณ์ในการผลิตไวน์แบบโบราณที่หาชมยากจากยุโรปมาให้ชมอย่างใกล้ชิด รวมถึงกิจกรรม Wine tasting กับไวน์ไทยคุณภาพสูงอย่างมอนซูน แวลลีย์ ซึ่งปีนี้กวาดรางวัลมากว่า 40 รางวัลจากเวทีประกวดไวน์ระดับโลก นอกจากนี้ เรายังมีกิจกรรม Wine painting label ที่ทุกคนจะได้ออกแบบฉลากไวน์ด้วยตัวเองกลับไปเป็นของที่ระลึก และปิดท้ายกิจกรรมสนุกๆ กับประเพณีย่ำองุ่น ซึ่งถือเป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองหลังการเก็บเกี่ยวองุ่น”
ขณะที่ ศุภเชษฐ์ สะสมสิน Wine Maker – R&D Manager ให้ความรู้ถึงเรื่องราวองุ่นในเขตร้อนว่า “องุ่นทุกต้นในไร่องุ่นหัวหินฮิลล์วินยาร์ดของเราได้รับการเอาใจใส่ ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ และถูกคัดสรรนำมาผลิตเป็นไวน์คุณภาพสูง ระดับพรีเมียม โดยมีสายพันธุ์ต่างๆ มากมาย อาทิ สายพันธุ์โคลอมบาร์ด, เชนินบลอง สำหรับผลิตไวน์ขาว และสายพันธุ์ชีราซ สำหรับผลิตไวน์แดง โดยปลูกในดินที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะกับองุ่นสายพันธ์นั้นๆ ชั้นบนจะเป็นทรายผสมกับดินร่วน ส่วนกลางจะเป็นเกล็ดหิน สุดท้ายคือชั้นล่างจะเป็นชั้นหินบาง ส่วนการเก็บเกี่ยวจะเป็นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่ง 1 เดือนก่อนหน้า เราจะสังเกตเห็นว่าสีองุ่นจะเปลี่ยนไป เป็นสัญญาณบอกว่าองุ่นสามารถนำไปผลิตไวน์ได้แล้ว ส่วนวิธีการทำไวน์ อย่างที่ทราบดีว่า องุ่นแดงก็จะนำมาหมักทำไวน์แดง องุ่นเขียวก็จะนำมาหมักทำไวน์ขาว หรือเราสามารถหมักไวน์ขาวจากองุ่นแดงก็ได้ เพียงแต่ลอกเปลือกขององุ่นแดงออกแล้วนำมาหมัก สมัยก่อนในการบีบหรือคั้นเอาน้ำองุ่นนั้นทำได้ด้วยแรงคนคือใช้เท้าเหยียบให้ละเอียด แล้วนำทั้งน้ำและกากไปกรองเอาเฉพาะแต่น้ำองุ่นบริสุทธิ์ (Must) ที่จะนำไปหมัก แต่ในปัจจุบัน ภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมของประเทศที่ผลิตไวน์เปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแทนทั้งหมดแล้ว สยาม ไวเนอรี่ จึงจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ไวน์ ซึ่งมีอุปกรณ์ในการผลิตไวน์แบบโบราณที่หาชมยากจากยุโรปมาให้ชมอย่างใกล้ชิด รวมทั้งจัดกิจกรรมย่ำองุ่นแบบโบราณในงานนี้ด้วย”
นอกจากนี้ บริเวณสยาม ไวเนอรี่ ไวน์ มิวเซียม ยังมีกิจกรรม Wine painting label ที่ทุกคนจะได้ออกแบบฉลากไวน์ด้วยตัวเองกลับไปเป็นของที่ระลึก และปิดท้ายกิจกรรมสนุกๆ กับประเพณีย่ำองุ่น ซึ่งถือเป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองหลังการเก็บเกี่ยวองุ่น ซึ่งผู้เข้าชมงานได้ร่วมย่ำองุ่นกันอย่างสนุกสนาน
คุณอนัณทินี กล่าวปิดท้ายว่า “สิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมทั้งหมดนี้ นอกจากความรู้เรื่องไวน์แล้ว ยังได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน และประสบการณ์ที่น่าประทับใจกลับไปด้วย ทั้งนี้ สยาม ไวเนอรี่ตั้งปณิธานว่าจะรักษามาตรฐาน พร้อมทำหน้าที่ในการเป็นผู้นำในการผลิตไวน์คุณภาพดี พร้อมดำเนินตามพันธกิจที่จะสร้างวัฒนธรรมการดื่มไวน์ให้เติบโตต่อไป” :: Text by FLASH