Celeb Online

มิงกาลาบา! ยลเมืองอารยธรรม “เนปิดอว์-พุกาม” จนฉ่ำปอด


เคยวาดฝันกับตัวเองว่า ในชีวิตนี้ขอสักครั้ง ขอให้ได้ไปเหยียบแผ่นดินพม่า ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ไฉนไปไม่เคยถึงสักที และแล้วฝันนั้นก็เป็นจริง เมื่อ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เอเซียบูติคแอร์ไลน์ ที่งานนี้จับมือกับโรงแรมหรู เคมปินสกี พาเหินฟ้าไปสัมผัสเมืองหลวงที่น่าค้นหา อย่าง “เนปิดอว์” และ เมืองที่ได้รับสมญาว่า “เมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์” อย่าง “พุกาม” งานนี้ต้องรีบแพกกระเป๋าเตรียมหมวก แว่นตา กล้องถ่ายรูปไปชื่นชมความสวยงามกันเลย
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ หรือ พม่า มีเขตแดนติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก แต่เดิมเมืองหลวงของพม่านั้นคือ กรุงย่างกุ้ง แต่เมื่อปี 2549 พม่าได้ย้ายเมืองหลวงและหน่วยราชการต่างๆ มาอยู่ที่เมือง “เนปิดอว์” ซึ่งมีความหมายว่า “มหาราชธานี” หรือ “ที่อยู่ของกษัตริย์” ซึ่งอยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 350 กม. เหตุที่เปลี่ยนเมืองหลวงนั้นก็เพื่อความสะดวกในการบริหารงาน


การเดินทางในครั้งนี้ โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่ให้บริการ จันทร์-ศุกร์ วันละ 1 เที่ยว ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ชม. ก็พาเรามาถึงยังสนามบินเนปิดอว์ โดยมี แฟรงก์ ดรวน (Mr.Frank Droin) ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเคมปินสกี้ เนปิดอว์ มาให้การต้อนรับพร้อมรอยยิ้มสดใส โดยบอกให้เราปรับนาฬิกาให้ช้ากว่าเดิม 30 นาที จากนั้น คุณแฟรงก์ ก็พาพวกเราตะลุยเมือง
ระหว่างชมเมือง คุณแฟรงก์ เล่าให้ฟังว่า “เมืองนี้แบ่งออกเป็น 4 โซนคือ โซนราชการ โซนโรงแรม โซนอุตสาหกรรม และโซนทหาร มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 9 แสนคน มีโรงแรม 24 แห่ง แต่นั่นเป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น เพราะสิ่งที่โดดเด่นคือโซนทหาร เนื่องจากเต็มไปด้วยศูนย์ราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย และคลังอาวุธเพื่อใช้ในการป้องกันประเทศ”
เรามาที่ ศูนย์การประชุมนานาชาติเมียนมาร์ (MICC) เป็นที่แรก เพราะเป็นสถานที่หลักในการใช้จัดประชุมระดับประเทศ อาทิ ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 กับการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน (ATF) ที่มีประธานาธิบดี บารัก โอบามา และ พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา มาร่วมประชุมด้วย ถือเป็นสถานที่ประชุมที่ใหญ่โตอลังการมาก มีห้องประชุมใหญ่-เล็ก สุดแสนทันสมัย ทั้งการดีไซน์ภายในและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง จุคนได้เป็นหมื่นๆ คน

จากนั้นได้เวลาไปนมัสการ “มหาเจดีย์อุปปาตะสันติ” ซึ่งจำลองแบบมาจากมหาเจดีย์ชเวดากอง แห่งเมืองย่างกุ้ง แต่ลดขนาดให้เล็กกว่าของจริง ตั้งตระหง่านสะท้อนแสงเหลืองอร่ามเป็นจุดเด่นให้ผู้ที่มาเยี่ยมชม แต่ก่อนขึ้นไปนมัสการต้องสวมโสร่งซะก่อน แล้วสูดหายใจลึกๆ จากนั้นก้าวขึ้นบันไดกว่า 300 เมตร ท่ามกลางแสงแดดจ้า งานนี้เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียว เมื่อมาถึงความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง หลังได้ยินเสียงสวดมนต์คลอๆ และเห็นผู้คนมาขอพรองค์พระรูปองค์ใหญ่ เราก็ไม่พลาดขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลเช่นกัน
ลงมาจาก “มหาเจดีย์อุปปาตะสันติ” ฝั่งตรงข้ามยังมี “โรงเลี้ยงช้างเผือก” ตัวสีชมพู 5 เชือก หยอกล้อกันอยู่ในแผงกั้น เจ้าหน้าที่บอกว่า พม่ามีช้างเผือกทั้งหมด 8 ตัว อยู่ที่เนปิดอร์ที่เดียวถึง 5 เชือก และล่าสุดก็เพิ่งพบเพิ่มอีก 1 เชือกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้
ไหว้พระขอพรเสร็จ ก็ได้เวลาชอปปิง มาที่เนปิดอว์ นอกจาก ทานาคา แล้วสินค้าพวก หยก พลอย หินสี อัญมณี ก็ถือเป็นสินค้าขึ้นชื่อไม่แพ้สินค้าใดๆ แม่ค้าพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วฉะฉาน บางร้านแม่ค้าเก่งถึงขนาดพูดภาษาไทยได้ด้วย งานนี้ต่อราคากันมันเลยทีเดียว ชอปกันเพลิน โดยเฉพาะ หินสี ที่ตอนนี้บ้านเรากำลังฮอตฮิต ที่นี่ก็มีเหมือนกัน ทั้งสีและลาย สวยๆ ทั้งนั้น แถมราคาก็ถูกแสนถูก งานนี้ใครวาทะดีลีลาเด็ดก็ได้ไปในราคาสบายกระเป๋า

ก่อนจะกลับเข้าที่พัก คุณแฟรงก์ ยังพาเรามาดูความยิ่งใหญ่อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องมาชมด้วยตาตัวเอง นั่นคือ ถนน 16 เลน ย้ำ ! นะคะ ว่า 16 เลน คือแบบครั้งแรกที่เห็นนี่อึ้งไปเลย มันใหญ่โตอลังการสุดๆ ใหญ่ขนาดที่เครื่องบินสามารถร่อนลงจอดได้สบายๆ
หลังจาก คุณแฟรงก์ พาเที่ยวชมเมืองตามสถานที่ต่างๆ จนสมใจ ก็ได้เวลาพาเรามาชมความสวยงามของที่พักระดับ 5 ดาว โรงแรมเคมปินสกี เนปิดอว์ ที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย มีมาตรฐานความปลอดภัยดีที่สุดในเมือง เดินชมทุกซอกทุกมุมแบบทะลุปรุโปร่ง ของเรือนรับรองซูเปอร์วีไอพีสุดอลัง ที่พักของ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ในช่วงที่มาร่วมประชุมอาเซียน บนพื้นที่กว่า 1,400 ตร.ม. ออกแบบภายในเยี่ยงเขาวงกตตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงห้องประชุม ผ่านห้องนอนเตียงนุ่ม ลัดเลาะห้องเซ็นสัญญา ทะลุห้องรับแขก สุดมุมที่ห้องดินเนอร์สุดหรู คดเคี้ยวมาห้องพักผ่อน จนเจอห้องนวดสปาที่อยู่ติดสระว่ายน้ำแบบโอเพนแอร์
เด็ดสุดเห็นจะเป็นห้องนอนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่มีประตูลับเข้า-ออก ชนิดที่ดูไม่ออกว่ามีอยู่ตรงนี้ ราคาเข้าพักเรือนรับรองแห่งนี้ก็เบาๆ แค่คืนละ5,000 เหรียญยูเอส หรือประมาณ 160,000 บาทเท่านั้นเอง!
รุ่งขึ้นหลังจากจุใจกับเมือง “มหาราชธานี” ได้เวลาเก็บกระเป๋ามุ่งหน้าสู่เมือง “พุกาม” กันต่อ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ด้วยรถโดยสาร หลับๆ ตื่นๆ หัวฟาดหัวเหวี่ยงตามแรงรถ ในที่สุดเราก็ถึงเมืองพุกาม เมืองที่มีสมญานามว่า “คลื่นแห่งทะเลเจดีย์” หรือ “ดินแดนเจดีย์สี่พันองค์” แม้ปัจจุบันจะลดลงเหลือเพียงสองพันองค์แต่ก็ยังดูละลานตาจนน่าตื่นตาตื่นใจ

ที่แรกที่มาเที่ยวกันคือ เจดีย์อนันดา หรือ อนันดากู่พยา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1633ที่นี่มีประตูไม้สักโบราณอายุกว่า 1,100 ปี สูงประมาณ 8 เมตร ในการมาไหว้ต้องเดินไหว้พระพุทธรูป4 ปาง 4 ทิศตามเข็มนาฬิกา และตามผนังทุกด้านของเจดีย์จะมีช่องเล็กๆ ไว้ประดิษฐานพระปางต่างๆ มากมาย
ต่อกันที่ วิหารสุลามณี ซึ่งสร้างขึ้นในสมัย พระเจ้านรปติสินธู ราวกลางศตวรรษที่ 18 จากนั้นไปชมความสวยงามของเจดีย์กันต่อที่ วิหารธรรมยันจี หรือ “ดัมมะหยั่นจี” ซึ่งเป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดของเมืองพุกาม
ตกเย็นเรารีบไป “Bagan Pagoda Series No.305” จับจองที่นั่งหามุมสวยๆ เพื่อทอดสายตามองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของที่นี่ สวยจนต้องกวาดสายตามองเจดีย์ สูง-ต่ำ ที่ต่างแย่งกันทแยงยอด ทักทายท้องฟ้ากันจนสุดลูกหูลูกตา ก่อนปิดท้ายวันด้วยการไปดูโชว์แสงสีเสียงที่ “Thiri Zaya Bumi Bagan Golden Palace” ในชื่อชุด “ดันดารี” ซึ่งในโชว์นี้ดูแลและควบคุมการแสดงโดยคนไทย และใช้นักแสดงไทยมาร่วมแสดงด้วย

จบทริป เนปิดอร์-พุกาม ต้องบอกเลยว่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ แห่งนี้ยังมีที่ให้เราได้ไปชื่นชมให้ได้เห็นสิ่งต่างๆ เองกับตาอีกหลายที่ ดังนั้น หากคุณคิดที่จะไปท่องเที่ยวขอให้ เนปิดอร์ และพุกาม เป็นทางเลือกแรกๆ ในการตัดสินใจ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังเมื่อได้มา…