Celeb Online

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ร่วมแสดงงานหัตถศิลป์ชิ้นเอก เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพฯ

>>ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา อันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ พร้อมสืบสานงานหัตถศิลป์ไทย จัดงาน “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” รวบรวมสุดยอดงานหัตถศิลป์ชิ้นเอกที่รังสรรค์โดยคณาจารย์และนักเรียนรวม 20 แผนก กว่า 1,200 ชิ้น นำมาจัดแสดงและจำหน่าย โดยรายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อสมทบทุนโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ พร้อมชมการสาธิตงานศิลปหัตถกรรม จากช่างฝีมือแผนกต่างๆ โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 5-14 มิถุนายน ศกนี้ ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ทั้งนี้ ฯพณฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี รองประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานในวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายนนี้ เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป

ฯพณฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี และรองประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าวถึง การจัดงานในครั้งนี้ว่า “เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา อันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ จึงขอร่วมน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมแสดง ความจงรักภักดี และน้อมนำจิตใจของปวงชนชาวไทยให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน โดยเป็นการรวบรวมผลงานศิลปาชีพของเหล่าศิลปินทั้งคณาจารย์และนักเรียน 20 แผนกที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีโอกาสสัมผัสและชื่นชมเอกลักษณ์แห่งผลงานศิลปาชีพ งานศิลป์ไทยที่สร้างสรรค์ด้วยฝีมือคนไทยซึ่งเป็นผลลัพธ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ความพากเพียร ฝีมืออันประณีต และคุณภาพอันเป็นเลิศ การร่วมกันสนับสนุนผลงานศิลปาชีพยังเป็นการร่วมกันพัฒนาและสืบสานศิลปะไทยและสังคมไทยแบบบูรณาการอย่างแท้จริง”

นิทรรศการครั้งนี้จัดแสดงผลงานชิ้นเอกจาก 20 แผนก ได้แก่ แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา, แผนกช่างจิตรกรรมประยุกต์, แผนกช่างปั้นตุ๊กตาชาววัง, แผนกช่างประติมากรรม, แผนกช่างเป่าแก้ว, แผนกช่างเจียระไนพลอย, แผนกช่างภาพกระจกสี, แผนกช่างเครื่องหนัง, แผนกช่างตัดเย็บเสื้อผ้าและปักจักร, แผนกช่างบาติก, แผนกช่างประดิษฐ์หัวโขน, แผนกช่างบ้านทรงไทย, แผนกช่างปั้นดอกไม้ขนมปัง, แผนกช่างบรรจุภัณฑ์, แผนกช่างสานผักตบชวา, แผนกช่างศิลปะประดิษฐ์, แผนกช่างเครื่องเรือนหวาย, แผนกช่างเครื่องเรือนไม้, แผนกช่างเขียนภาพลายไทย และแผนกช่างวาดภาพสีน้ำมัน โดยเหล่าคณาจารย์และนักเรียนตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษขึ้นมากมาย รวมถึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ เพื่องานในครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งผลงานศิลป์ที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยมและชิ้นงานแนวร่วมสมัยหลากสไตล์

สำหรับงานศิลป์ที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เริ่มจาก แผนกช่างวาดภาพสีน้ำมัน ได้รังสรรค์ “ภาพวาดสีน้ำมันสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจ้าฟ้าจักรี สิรินธร รัฐมีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” ชุดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศิลปะความงามครั้งยิ่งใหญ่ อันเกิดจากแรงบันดาลใจของศิลปินศิลปาชีพที่ตั้งใจรังสรรค์ผลงานขึ้นผ่านปลายพู่กัน ถ่ายทอดพระราชกรณียกิจสะท้อนให้เห็นถึงพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยได้อย่างซาบซึ้ง อีกทั้งผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะอันงดงามจากฝีมือนักเรียนในแผนกช่างวาดภาพสีน้ำมัน

อีกชิ้นงานเด่น ได้แก่ “ธ สถิตกลางดวงใจ” จาก แผนกช่างตัดเย็บเสื้อผ้าและปักจักร ศิลปะการปักผ้าที่รังสรรค์จากผ้าไหมโทนสีม่วงนำมาปักเป็นสีผีเสื้อตัวน้อยหลายร้อยตัวค่อยๆ โบยบินเข้ารวมกลุ่มเป็นรูปหัวใจ โดยมีอักษรพระนามย่อ “สธ” อยู่ตรงกลาง แสดงถึงความที่พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจ และ ธ สถิตอยู่กลางดวงใจของคนไทยทั้งชาติ

แผนกช่างศิลปะประดิษฐ์ อวดโฉม “พานพุ่มประยุกต์” งานหัตถศิลป์ที่ผู้ประดิษฐ์ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมาโดยได้แรงบันดาลใจจากพระกรุณาธิคุณในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของราษฎร โดยรูปแบบเป็นพานพุ่มทรงดอกบัวตูม พื้นหลังเป็นสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ พร้อมสลักอักษรพระนามย่อ “สธ”

แผนกช่างภาพกระจกสี นำเสนอ “กรอบรูปกระจกสีเทคนิคผสม” รังสรรค์ชิ้นงานระดับชั้นครูเป็นครั้งแรก ด้วยการใช้เทคนิคนำกระจกสีมายึดต่อให้ติดกันเป็นภาพ และรูปทรงตามที่ต้องการ และทำการหุ้มริมหรือขอบกระจกด้วยแถบทองแดง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะของศูนย์ศิลปาชีพฯ พร้อมนำภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นศิลปะที่หาชมได้ยากและงดงามอย่างลงตัว

อีกทั้งนิทรรศการครั้งนี้ได้รวบรวมสุดยอดชิ้นงานอันทรงคุณค่าจากแผนกต่างๆ ได้แก่ แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา นำชิ้นงานเลอค่ามาจัดแสดงและจำหน่ายที่ได้รวบรวมชิ้นงานประติมากรรม 3 ชิ้น “กระทงสาย”, “ละลุ หนึ่งสองสาม” และ “หอยหมายเลขหนึ่ง” ประติมากรรมขึ้นรูปด้วยมือแนวร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสวยงามของธรรมชาติในการสร้างสรรค์ออกแบบผลงานให้มีความสวยงาม และทรงคุณค่าแห่งเอกลักษณ์ทางศิลปะหัตถศิลป์และวัฒนธรรมของชาติ นับได้ว่าเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยเทคนิคชั้นสูงตั้งแต่ขั้นตอนของการเขียนแบบ ขึ้นโครงรูปและการปั้น ตลอดจนการเผา ซึ่งต้องใช้ความคิด และความสามารถในการปั้นด้วยมือทั้งหมด จนออกมาเป็นผลงานอันงดงาม นอกจากนี้ทางแผนกยังนำชิ้นงานที่ได้จัดแสดงในเวทีนานาชาติมาจัดแสดงและจำหน่าย



แผนกช่างเป่าแก้ว มาพร้อมของตกแต่งที่มากด้วยประโยชน์ใช้สอยในคอนเซ็ปต์ที่หลากหลาย นำผลงานชิ้นไฮไลต์อย่าง “ชุดราชรถ”, “แพะภูเขา” และ “ปี่เซี๊ยะ” โดยการนำเสนอความสง่างามและความอ่อนช้อยของรูปสัตว์ในวรรณคดี ผสานกับการเป่าแก้วให้ได้รูปทรง นำมาจัดวางบนฐานแก้วหล่อใหม่เพื่อประโยชน์ในการใช้สอย สร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้ซื้ออีกทั้งเสนอความเป็นไทยด้วยการนำชิ้นงานมงคลระดับพรีเมียม ที่ผลิตขึ้นมาใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ



แผนกช่างเขียนภาพลายไทย ได้รังสรรค์ “ภาพคชสาร” ศิลปะลายรดน้ำลงรักปิดทอง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของช้างสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ประกอบลวดลายกนก ภาพพื้นภพ เหล่าพรรณพฤกษา และสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ศิลปะการลงรักปิดทองถือเป็นสุดยอดแห่งงานประณีตศิลป์ช่างสิบหมู่ ซึ่งปัจจุบันมีศิลปินที่สืบทอดศิลปะโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยนี้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น การลงรักปิดทอง คือ การเขียนลวดลายหรือภาพบนพื้นรัก และนำมาปิดด้วยทองคำเปลว และล้างด้วยน้ำให้เกิดเป็นลวดลาย ซึ่งนับเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยการฝึกฝนจนชำนาญ และหาชมได้ยากยิ่ง

“เจ้าเงาะ” งานหัตถศิลป์จากแผนกช่างประดิษฐ์หัวโขน ตัวละครเอกในวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง นำมาดัดแปลงให้เป็นหัวโขนชิ้นงานที่นำเอาวัสดุธรรมชาติ สีสะดุดตา ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่คำนึงถึงคุณประโยชน์ของวัสดุที่มีอยู่ตามธรรมชาตินำมารังสรรค์ให้เกิดชิ้นงานอันวิจิตร ผนวกกับการใช้เทคนิคสมัยใหม่ขึ้นรูปหัวโขนด้วยการอัดลงแบบพิมพ์ ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรง อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

แผนกช่างบ้านทรงไทย เอาใจคนรักงานศิลป์ร่วมสมัยด้วย “ชิ้นงานศาลาพระมิ่งขวัญ” และ “ช่างบ้านทรงไทย” ผู้รังสรรค์ต้องการสื่อความหมายสถานที่ ที่มีความสำคัญอีกทั้งเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ผ่านการประดิษฐ์ชิ้นงานจำลองจากกระดาษแข็งแบบภาพเพอร์สเปกทีฟ และไม้สักทอง ทั้งกรอบรูปสามมิติ และแบบตั้งโต๊ะ โดยเน้นการใช้วัสดุอุปกรณ์จากธรรมชาติเป็นหลักเพื่อเพิ่มคุณค่าให้เนื้องาน อีกทั้งนำเอาสถาปัตยกรรมศาลาไทยภาคกลางมาจำลองได้อย่างครบถ้วนมาผสมกันได้อย่างลงตัว


แผนกช่างบรรจุภัณฑ์ เป็นการนำผลิตภัณฑ์ “กล่องเครื่องประดับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี” ผลิตภัณฑ์จากความตั้งใจ มาจัดแสดงและพร้อมจำหน่ายมาไว้ใจกลางกรุงเป็นครั้งแรก อาทิ กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากผ้าไหมไทย, กระดาษสา, กระดาษก้านกล้วย และกระดาษผักตบชวา เป็นต้น ทั้งนี้ผลงานทุกชิ้นประดิษฐ์ และถักทอด้วยมือจากช่างศิลปาชีพทั้งหมด มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเหมาะแก่การบรรจุใส่ของขวัญ ของให้แทนใจ หรือของอเนกประสงค์


แผนกช่างสานผักตบชวา ได้นำผลงานที่ทรงคุณค่าอย่าง “ผอบทรงรี” และ “ถาด” ผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ที่ผู้ประดิษฐ์ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เน้นความเรียบง่าย ซึ่งสามารถสร้างงานได้หลากหลายกรรมวิธี โดยชิ้นงานดังกล่าวเป็นการผสานกันระหว่างงานผักตบชวาและงานฝีมือเข้าด้วยกัน อีกทั้งกระเป๋าสุภาพสตรีลายบิด งานหัตถศิลป์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากช่างศิลปาชีพจากรุ่นสู่รุ่น ถักทอจากพืชอันทรงคุณค่าผนวกกับจินตนาการ เกิดเป็นกระเป๋าที่มีรูปทรงสวยงาม สีสันสดใส เหมาะสำหรับสุภาพสตรี



แผนกช่างเครื่องหนัง นำชิ้นงาน “กระเป๋าสุภาพสตรีแบบหูหิ้ว” ศิลปหัตถกรรมที่มีรูปทรงอ่อนช้อยแบบไทยบวกกับวัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ หลากหลายสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของแผนก อีกทั้งแผนกช่างปั้นตุ๊กตาชาววัง ที่ได้นำผลิตภัณฑ์ภายใต้ทฤษฎีพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาจัดแสดง “รำวงย้อนยุค” ศิลปะจากดินเหนียวที่นำมาถ่ายทอดเรื่องราวเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มสาว จำลองออกมาเป็นภาพที่สะท้อนวันคืนเก่าๆ ที่ผ่านมา ทำให้คิดถึงประเพณีของคนไทยที่มีแต่ความสนุกสนาน

ด้าน แผนกช่างเครื่องเรือนหวาย สร้างสรรค์ผลงานการตกแต่งบ้านอย่าง “เก้าอี้หวายพนักสูง” แนวคอนเทมโพรารีดีไซน์เท่ ที่มาพร้อมที่วางเท้า ทั้งหมดทำจากหวายธรรมชาติ ซึ่งนอกจากช่วยเติมความเป็นธรรมชาติให้กับทั้งการตกแต่งแบบเอาต์ดอร์ หรือเติมกลิ่นอายเท่ๆ ให้กับบรรยากาศอินดอร์แล้ว หวายยังมีความยืดหยุ่น เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา เฟอร์นิเจอร์หวายจึงแข็งแรงและทนทาน ตอบโจทย์ทุกประโยชน์การใช้สอยอีกด้วย และแผนกช่างเครื่องเรือนไม้ นำเสนอ “ชุดรับแขกไม้ประดู่” เครื่องเรือนไม้ทรงโบราณที่ต้องใช้ความชำนาญรวมถึงเทคนิคสมัยใหม่ในการผลิต ทำจากไม้ประดู่บุนวมทั้งชุด นั่งสบายไม่ปวดเมื่อย สีสันสวยงาม และแข็งแรงทนทานมาจัดแสดงอีกด้วย


ภายในงานยังมีการสาธิตงานหัตถกรรมจากแผนกต่างๆ อาทิ การเขียนลายไทย, การเขียนลายเครื่องเคลือบดินเผา, แผนกจิตรกรรมประยุกต์ และแผนกภาพเขียนสีน้ำมัน ให้ชมฟรีอีกด้วย ขอเชิญผู้สนใจร่วมชมผลงานของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ และร่วมอุดหนุนผลิตภัณฑ์งานศิลป์จากความตั้งใจของอาจารย์และนักเรียนศิลปาชีพ ในงาน “นิทรรศการ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง 5-14 มิถุนายน 2558 ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 สยามพารากอน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น. โดยรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อบำรุงโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ :: Text by FLASH