Celeb Online

สโลว์ไลฟ์บนเกาะแห่งรัก หลับฝันดีที่ “ซัมแวร์ เกาะสีชัง”


ยุ่งวุ่นวายกับการทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์ ถึงวันหยุดทั้งทีก็ต้องพักผ่อนหย่อนใจให้เต็มที่กันซะหน่อย งั้นวันนี้เราไปเที่ยวเกาะใกล้ๆ กรุงเทพฯ กัน

จุดหมายปลายทางคือ “เกาะสีชัง” จ. ชลบุรี เป็นเกาะเล็กๆ ที่เคยเป็นสถานที่ตากอากาศที่มีชื่อเสียงมากว่าร้อยปี เสน่ห์ของเกาะนี้จึงเหมือนย้อนยุคกลับไปหาความสงบในสมัยรัชกาลที่ 5 วิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่เรียบง่าย ผู้คนบนเกาะไม่พลุกพล่านเหมือนเกาะใหญ่ๆ เมื่อคุณมีโอกาสได้มาสัมผัสคุณจะรับรู้ได้ถึงการผ่อนคลายอย่างแท้จริง

การเดินทางนั้นแสนสะดวกสบายด้วยเส้นทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี หรือเส้นทางบางนา-ตราด ระยะทางเพียง 100 กม.จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงท่าเรือเกาะลอย เพื่อขึ้นเรือเฟอร์รีไปยังเกาะสีชัง โดยเรือจะออกทุกๆ 1 ชม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที

ทันทีที่ลงจากเรือเฟอร์รี คุณจะสัมผัสได้กับความสงบร่มรื่น มีบ้านหลังเล็กหลังน้อยตั้งกระจายอยู่ตามเนินเขาในระยะไกลๆ ถนนทางเดินแคบๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่โบกพลิ้วให้สายลมอ่อน เดินไปทางไหนก็จะเห็นแต่รอยยิ้มอบอุ่นจากคนท้องถิ่น ที่ยินดีต้อนรับผู้มาเยือน

ความเงียบสงบของที่นี่รื่นรมย์ ขนาดที่ว่า ขณะที่รถแล่นไปมาบนถนนยังสามารถได้ยินเสียงนกร้องตามธรรมชาติรอบๆ ตัวเรา คุณจะสัมผัสได้ว่าไม่มีใครต้องรีบเร่ง และทุกคนก็ดูเหมือนจะรู้จักกันหมด มีชีวิที่เรียบง่ายสบายๆ ชายหาดก็ไม่วุ่นวายด้วยร้านค้ามากเกินไป เหมาะกับการไปพักผ่อนแบบชิลๆ ร้านค้าขายอาหารและเสื้อผ้าที่ผลิตขึ้นโดยคนท้องถิ่น แล้วก็ซื้อขายกันเอง ริมถนนเรียงรายไปด้วยบ้านของชาวบ้านและชีวิตประจำวันก็ดำเนินไปอย่างสบายๆ แบบชนบทท่ามกลางสายลมเอื่อยๆ

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงคือ การใช้บริการ “รถสกายแล็บ” ลักษณะคล้ายรถตุ๊กตุ๊ก แต่มีขนาดใหญ่กว่า ที่นั่งด้านหลังกว้างขวาง เหมาะสำหรับเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง สะดวกรวดเร็ว โดยมีคนขับรถเป็นเสมือนไกด์ส่วนตัวคอยชี้ชวนให้ชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ “พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน” หรือ “พระที่นั่งวิมานเมฆ” พระราชวังฤดูร้อนสมัย ร. 5 ที่ออกแบบให้เป็นอาคารหลัก 3 ชั้นทำด้วยไม้สักทอง ชื่อเดิมว่า “พระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์” แต่ได้ถูกรื้อถอนไปสร้างขึ้นใหม่ใกล้พระที่นั่งอัมพรสถาน ในพระราชวังดุสิต จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2443 ได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ห้ามพลาด รวบรวมกำลังเท้าใช้เวลาเดินขึ้นเขาเพื่อชม วัดอัษฎางคนิมิต วัดที่มีเอกลักษณ์ศิลปกรรมแบบไทยผสมกอธิค และชม “หินระฆัง” หินธรรมชาติรูปร่างคล้ายกบ เมื่อเคาะด้วยหินจะมีเสียงดังกังวานคล้ายระฆัง

ส่วนใครที่ต้องการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ควรแวะสักการะ “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่” ศาลที่ชาวสีชังเคารพนับถือตามด้วย “รอยพระพุทธบาท” และอีกไฮไลต์หนึ่งที่ห้ามพลาดคือ การชมพระอาทิตย์ตกดินที่ “ช่องเขาขาด” หรือ ช่องอิศริยาภรณ์ ซึ่งอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมวิวของ ร. 5 กินพื้นที่กว้างและทอดยาวไปตามทางเดินริมผา สามารถมองเห็นภูมิประเทศที่โดดเด่น และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม

หลังจากท่องเที่ยวมาทั้งวันแล้ว ก็ได้เวลากลับมาพักผ่อน แนะนำ “โรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง” เป็นบูติกโฮเทลน่ารักๆ ที่หรูและทันสมัยที่สุดบนเกาะแห่งนี้ แตกต่างจากโรงแรมที่มีอยู่ในปัจจุบันในเกาะสีชังโดยสิ้นเชิง ให้บริการห้องพักปรับอากาศแบบดีลักซ์ แบบสตูดิโอสวีท และแบบสวีท 1 ห้องนอน รวม 20 ห้อง

ภายในตกแต่งให้ดูโปร่งสบายด้วยโทนสีขาว-ฟ้า เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศชายทะเล ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น ทีวีแอลอีดีจอกว้างสามารถชมรายการต่างๆ ทางช่องดาวเทียม, เครื่องเล่นดีวีดี, ห้องน้ำในตัว, ฟรี Wifi และกุญแจห้องแบบคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าพัก

นอกจากนั้น ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น สระว่ายน้ำ, ห้องอาหารเดอะเวอแรนดาห์ บริการอาหารที่แตกต่างจากร้านอาหารอื่นๆ บนเกาะสีชัง, ห้องประชุมสัมมนา (รองรับได้ 40 ท่าน), บาร์, แผนกต้อนรับส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้บริการตลอด 24 ชม. มาแล้วรับรองว่าจะประทับใจในความสะดวกสบายและเหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง (สนใจติดต่อจองห้องพักโรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง ได้ที่สำนักงานขาย กรุงเทพฯ โทร. 0-2253-3791-7 ต่อ 123 แฟกซ์ 0-2253-0414 หรือโทร. CALL CENTRE 1627)

จบทริปบนเกาะสีชังแล้ว ขากลับ คุณสามารถแวะสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว บนเกาะลอย อ.ศรีราชา เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเจ้าแม่กวนอิมนี้ประดิษฐานอยู่ในเก๋งจีนรูปแปดเหลี่ยม มีความสูงถึง 4 เมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย