Celeb Online

ลิ้มลองเมนูใหม่จากอาหารในตำนาน คัดสรรเนื้อเกรดคุณภาพและอาหารทะเลชั้นเลิศ ที่ไฟร์เพลส กริลล์


ห้องอาหาร ไฟร์เพลส กริลล์ แอนด์ บาร์ (Fireplace Grill and Bar) ห้องอาหารที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและชื่อเสียงที่โด่งดังด้านรสชาติอาหารยุโรปแบบต้นตำรับ แนะนำเมนูใหม่ที่มีทั้งอาหารจานอร่อยระดับตำนานที่สร้างชื่อเสียงให้ห้องอาหารมาอย่างยาวนาน และอาหารจานใหม่ที่เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงไม่ว่าจะเป็นเนื้อเกรดคุณภาพ หรืออาหารทะเลชั้นเลิศปรุงตามขั้นตอนแบบอาหารยุโรปดั้งเดิม เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป


ห้องอาหาร ไฟร์เพลส กริลล์ แอนด์ บาร์ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ (InterContinental Bangkok) ถือว่าเป็นห้องอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังให้หมู่นักชิมตัวยงที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ยุโรปแบบต้นตำรับมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2509 ในด้านการคัดสรรแต่วัตถุดิบอย่างดีตั้งแต่เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียเกรดดีที่สุดไปจนถึงล็อบสเตอร์สดใหม่จากเมืองโนวา สโกเทีย (Nova Scotia)

ทีมพ่อครัวของห้องอาหาร ไฟร์เพลส กริลล์ แอนด์ บาร์ ร่วมกันทำงานอย่างพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้อาหารจานใหม่ ๆ ในเมนูมีความสมดุลระหว่างอาหารประเภทเนื้อที่คัดแต่เนื้อนำเข้าชั้นดีและอาหารทะเลสดใหม่คุณภาพเยี่ยม


เริ่มต้นความพิเศษของเมนูใหม่ด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยที่ประกอบไปด้วย ตับห่านย่าง (Seared Foie Gras) ปูสก็อตแลนด์สีน้ำตาล (Scottish Brown Crab) ส่วนคาเวียร์รี ออสเซียตตรา เพรสทีจ คาเวียร์ (Kaviari Oscietra Prestige Caviar) และ อะคามิ ทูน่า (Akami Tuna) หรือเนื้อปลาทูน่าส่วนกลางลำตัว เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจานใหม่ที่นำเสนอความสมดุลของรสชาติและสุนทรีในการรับปะทานอาหารจากท้องทะเลในรูปแบบใหม่ให้ได้ลิ้มรสความสดใหม่ของวัตถุดิบ ส่วนอาหารจานเด่นในกลุ่มอาหารทะเลที่ไม่ควรพลาด อาทิ กุ้งล็อบสเตอร์แคนาดาย่างเนย (Butter Roasted Canadian Lobster) ปลาหิมะจี่กระทะร้อน (Pan-Fried Toothfish) และพาสต้าตากลิโอลินี่กับกุ้งแดงจากแคว้นซิซีลี (Sicilian Red Prawns in a Tagliolini) ซึ่งอาหารทะเลเหล่านี้ก็สามารถจับคู่ความอร่อยได้อย่างลงตัวกับเนื้อสเต็กคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ส่วนอาหารจานหลักอย่าง ไก่ย่างเตาถ่านครึ่งตัว (Charcoal Half Baby Chicken) และ ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่าง (Australian Lamb Rack) ก็เป็นอาหารจานใหม่ที่มาเพิ่มสีสันให้เมนูใหม่นี้


สิ่งที่เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างเอกลักษณ์ของห้องอาหารในอดีตกับห้องอาหารในปัจจุบันคืออาหารจานเด่นระดับตำนานที่ยังคงปรุงโดยใช้สูตรแบบต้นตำรับและอยู่คู่ห้องอาหารมาอย่างยาวนาน อาทิ แอสคาร์โก้ อะ ลา บูร์กอน (Escargots a la Bourguignonn) หอยทากนำเข้าจากฝรั่งเศสอบเนยกระเทียม หรือซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส (French Onion Soup) สูตรดั้งเดิมแบบต้นตำรับ สำหรับอาหารทะเล ได้แก่ ค็อกเทลกุ้ง (Prawn Cocktail) สดๆ เพิ่มความสดชื่นให้มื้ออาหาร หรือปลาโดเวอร์ โซล (Dover Sole) ที่ถูกจับโดยการตกเบ็ดทอดจนเหลืองหอมเสิร์ฟกับบร็อคโคลินีผัดด้วยน้ำมันกระเทียม (Sautéed Broccolini and Garlic Oil) นอกจากนั้นยังมี อาหารยอดนิยมของนักชิมอย่าง ตูร์เนดอส วีล รอสซินี (Tournedos Veal Rossini) หรือเนื้อลูกวัวย่างเสิร์ฟกับตับห่านทอด หรือสเต็กเนื้อสต๊อคยาร์ท ไพร์ม ริบ (Stockyard Prime Rib) และเนื้อสแตนโบรค ซันโชกุ วากิว สตริปลอยด์ (Stanbroke Sanchoku Wagyu Striploin) อาหารจานเด่นที่อยู่คู่ห้องอาหารมาอย่างยาวนาน ส่วนเครปซูว์แซ็ต (Crêpes Suzette) ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสสุดคลาสสิคตลอดกาลประจำห้องอาหารก็ยังคงมีให้บริการแบบปรุงจานต่อจานที่โต๊ะอาหาร


ห้องอาหาร ไฟร์เพลส กริลล์ แอนด์ บาร์ มีบรรยากาศที่เป็นกันเองทำให้ทุกท่านรู้สึกผ่อนคลายระหว่างการรับประทานอาหาร โต๊ะอาหารบริเวณโถงส่วนกลางของห้องอาหารถูกจัดอยู่รอบครัวเปิดที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องอาหาร ทำให้มองเห็นการทำงานของพ่อครัวมากความสามารถภายในครัว นอกจากนั้นยังมีห้องส่วนตัว 2 ห้อง ให้บริการสำหรับท่านที่ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว ระหว่างมื้ออาหาร ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับบริการปรุงอาหารที่โต๊ะโดยพนักงานที่เปี่ยมไปด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์


ประทับใจกับรายการไวน์คุณภาพเยี่ยมกว่า 240 ชนิดที่คัดสรรจากไร่ไวน์ขนาดเล็กและมีชื่อเสียง เพื่อให้บริการเคียงคู่อาหารจานอร่อยจากเมนูใหม่ นอกจากนั้นยังมีค็อกเทลสูตรเฉพาะให้บริการพร้อมกับการแสดงดนตรีแจ๊ส ขับกล่อมด้วยเสียงนุ่มอย่างมีเอกลักษณ์ของ โคโค่ ลาชุน (Coco LaShaun) ทุกค่ำคืนวันพฤหัสบดี


สัมผัสเมนูใหม่ที่มีทั้งอาหารจานใหม่และอาหารจานอร่อยในตำนานของห้องอาหาร ไฟร์เพลส กริลล์ แอนด์ บาร์ ห้องอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการให้บริการอาหารยุโรปแบบต้นตำรับมาอย่างยาวนานกับเพื่อน หรือครอบครัวได้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2567เป็นต้นไป โดยห้องอาหารดังกล่าวตั้งอยู่ที่ชั้น G ของโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึง 14.30 น. และมื้อค่ำตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 23.00 น.