ด้วยความที่คลุกคลีในธุรกิจโรงแรมมาเกือบ 20 ปี ประกอบกับเป็นนักเดินทางตัวยงที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์เข้าพักมาแล้วทั่วโลก ทำให้ “ศรคม กิจประสาน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรญา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ผู้เข้าพักต้องการอะไร ดังนั้น เมื่อได้พื้นที่งามๆ ติดชายหาดฝั่งตะวันออกเป็นเกาะยาวใหญ่ โปรเจกต์รีสอร์ทหรูในฝันที่ตอบโจทย์นักเดินทางได้แบบถูกใจที่สุด อย่าง “อนันตรา เกาะยาวใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่าส์” จึงได้กำเนิดขึ้น
ที่นี่ถือได้ว่าเป็นโลเกชั่นชั้นเลิศ เพราะเกาะยาวใหญ่อยู่กึ่งกลางระหว่างภูเก็ต และกระบี่ เดินทางจากสนามบินของทั้ง 2 จังหวัดได้ในเวลา 20-30 นาที อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว อย่าง หมู่เกาะต่างๆ แถมมีทั้งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ตัวรีสอร์ทตั้งอยู่ในมุมเนินเขาที่ยื่นออก ทำให้ได้วิวกว้างแบบพาโนรามาเห็นทั้งทิวเขาและท้องทะเล มีชายหาดทอดยาวเป็นกิโล
นับเป็นรีสอร์ทหรู 5 ดาวของเครือโรงแรมระดับชั้นนำแห่งแรกบนเกาะยาวใหญ่ มีพื้นที 146 ไร่ ที่มีสิ่งอำนวยสะดวกครบครัน ห้องพักขนาดกว้าง พูลวิลล่า สปาแบบพรีเมียม สวนน้ำ ไปจนถึงคิดส์คลับที่มีอุปกรณ์แสนสนุกมากมาย และฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทค เรียกได้ว่ามีพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของผู้เข้าพักทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อน หรือจะเป็นวาระพิเศษ อย่าง ทริปแต่งงาน ก็มีพื้นที่พร้อมให้จัดฉลอง
แต่กว่าจะกลายเป็นรีสอร์ทหรูได้อย่างทุกวันนี้ ศรคมต้องฝันฝ่าหลายอุปสรรค “โครงการนี้ใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ ลองผิดลองถูกมาเยอะมาก ตั้งแต่แรกเริ่มที่ผมมาถึง ที่นี่ยังเป็นสวนปาล์มอยู่เลย ต้องเข้ามาบุกเบิกทุกอย่าง ตั้งแต่ทำถนน จัดการเรื่องน้ำ ไฟ ขยะ ที่ผมตั้งใจวางแผนให้เราดำเนินการได้อย่างยั่งยืน กระทบสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
เพราะการเข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่ซึ่งชาวบ้านเขาอยู่กันมาเป็นร้อยปี มีวิถีในแบบของเขา เราต้องไม่ทำให้เขาเดือดร้อน ซึ่งในช่วงแรกก็มีกระแสต่อต้านอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ต้องทำการพูดคุย และแสดงให้เห็นความจริงใจของเราว่า อยากเข้ามาพัฒนา ทำให้ที่นี่ดีขึ้น เจริญขึ้น ไม่ได้เข้ามาทำลาย โดยเราจัดสรรเรื่องสาธารณูปโภคเอง ไม่ได้แย่งทรัพยากรชาวบ้าน
อย่างเรื่องน้ำเราหาแหล่งน้ำจืด แหล่งน้ำธรรมชาติ ใช้พื้นที่เป็น 10 ไร่ขุดบ่อเก็บน้ำฝน วางระบบการใช้น้ำ ที่จะมีการบำบัดน้ำเสียมาใช้รดต้นไม้ ทำให้เราสามารถจัดการเรื่องน้ำได้โดยไม่ต้องใช้น้ำประปา ส่วนไฟฟ้าเราก็ทำฟาร์มโซลาร์เซลล์ พร้อมกับใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ส่วนขยะก็มีนำเข้าเครื่องเผาขยะแบบไม่ก่อมลพิษมาใช้ แถมด้วยนโยบายการจ้างงานคนท้องถิ่นมากถึง 30% ของพนักงานทั้งหมด รวมทั้งการรักษาสภาพแวดล้อมที่ทั้งช่วยเพิ่มพื้นที่ต้นไม้ที่นำมาปลูกหลายพันต้น การรณรงค์ออกกฎห้ามแขกผู้เข้าพักทำร้ายปูลม สัตว์ท้องถิ่น ซึ่งมีอยู่มากมายตามชายหาดนับหมื่นตัว”
ส่วนอาคารและห้องพัก ก็ได้รับการออกแบบมาอย่างดี ทุกห้องมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน และมีขนาดกว้างขวาง โดยห้องแบบเล็กสุดมีขนาดใหญ่ถึง 90 ตร.ม. “กว่าเรื่องการก่อสร้างจะลงตัว ผมก็ต้องมากินนอนคุมงานที่นี่ มีการเปลี่ยนผู้รับเหมาไปหลายเจ้ามาก เพราะด้วยหลายปัจจัย การก่อสร้างในเกาะมันมีรายละเอียดเยอะมาก ไหนจะการเดินทาง สภาพอากาศ ต้นทุนค่าใช้จ่าย ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง และเพราะต้องการให้งานออกมาดี กว่าจะได้แบบที่ลงตัวก็ต้องลองผิดลองถูกหลายครั้งมาก เพราะผมไม่ปล่อยผ่านจนกว่าจะได้อย่างที่วาดฝันไว้จริงๆ
อย่างห้องที่ชั้นนี้จะเห็นวิวอย่างไรมันนึกเองไม่ได้ ก็ต้องเอานั่งร้านมาตั้งแล้วปีนขึ้นไปนอนมองเลยว่าจะมีอะไรมาบังไหม ปลูกต้นไม้ได้ตรงไหน ที่สำคัญคือในทุกห้องจะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน เพราะผมไม่อยากให้คนมาแล้วจำเจ คือที่นี่คุณสามารถมาเข้าพักซ้ำได้โดยค้นพบเสน่ห์ใหม่ๆ ได้ตลอด และยิ่งเราได้ร่วมมือกับทางอนันตรา ซึ่งมีจุดเด่นด้านบริการอยู่แล้ว ก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าพักได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นความตั้งใจที่มองหาพาร์ตเนอร์กับเครือโรงแรมของไทย ซึ่งถ้าพูดถึงความลักชัวรีแล้วก็ไม่มีตัวเลือกอื่นใดอีก”
ห้องพักที่นี่จะมีหลายคอนเซ็ปต์ มีโซนชายหาด โซนลากูน โซนสวนน้ำ ถ้าจะมาแนวคู่รัก ก็มีห้องเพนต์เฮาส์ ที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ชั้นบนดาดฟ้าของห้อง หรือถ้ามาเป็นครอบครัวก็มี แฟมิลี่ สวีท ที่มีห้องสำหรับลูกๆ เป็นเตียงสองชั้นพร้อมสไลเดอร์อยู่ในห้อง หรือใครที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติ ก็เลือกบีช ฟรอนต์ พูล วิลล่า ที่สามารถก้าวเดินลงหาดได้เลยจากห้องนอน
“ในทุกรายละเอียดเราคิดมาอย่างดี แก้จุดไม่พอใจที่เคยพบมา อย่าง ปกติถ้ารีสอร์ทมีพูล วิลล่า เขาจะตั้งอยู่หน้าหาด บังวิวทิวทัศน์ของห้องอื่นๆ ทั้งหมด ผมก็ปรับแก้โดยการเอาแนวคิดของฮอบบิท เฮาส์ที่ผมเห็นจากที่นิวซีแลนด์ ที่เป็นบ้านและมีหลังคาเป็นเหมือนหญ้าคลุมอยู่ มีต้นมะพร้าว ซึ่งเมื่อมองลงมาแล้วเห็นกลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ ไม่เป็นหลังคาวิลล่าเกะกะสายตาคนอื่น
หรืออย่างถนนรอบๆ รีสอร์ทเราก็ทำให้มีขนาดกว้าง วิ่งโค้งโอบรอบ นอกจากจะเป็นเส้นทางสัญจรแล้ว ยังสามารถเป็นแทร็กวิ่งหรือปั่นจักรยานได้ โดยมีพื้นที่กว้างไม่เป็นอันตรายต่อกัน หรืออย่างในคิดส์คลับ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำลูกๆ มาเล่นสนุกแล้ว ก็ยังมีมุมเป็นห้องพักผ่อน ให้เด็กๆ นอนกลางวันพร้อมมีพี่เลี้ยงเด็กคอยดูแล เผื่อคุณพ่อคุณแม่ที่อยากได้เวลาส่วนตัวไปทำกิจกรรมต่างๆ ช่วงกลางวันได้แบบไม่ต้องเป็นห่วงลูกๆ”
ด้วยรายละเอียดที่มากมายขนาดนี้ ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่งบบานปลายไปมากกว่าการก่อสร้างปกติหลายเท่า โดยใช้เงินลงทุนไปสูงกว่า 3 พันล้านบาท “นั่นเป็นเฉพาะในเฟสแรกคือรีสอร์ทที่ติดหาด จำนวน 148 ห้อง และตอนนี้เรากำลังเริ่มทำเฟสที่ 2 ซึ่งเป็นวิลล่าบนเนินเขา อีก 30 หลัง น่าจะเสร็จสิ้นช่วงปลายปีหน้า และเฟสสุดท้ายคือทำ เรสซิเดนซ์ ที่ริมชายหาดอีกด้าน เป็นวิลล่าขนาดใหญ่ที่มีทั้งสปา ฟิตเนส สระว่ายน้ำในตัวอีก 6 หลัง ราคาขายประมาณหลังละ 200 ล้านบาท รวมงบประมาณหมดทั้งโครงการ 6 พันล้านบาท”