Celeb Online

ช็อปเริงร่า หรรษารับซัมเมอร์ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 39


 
 เริ่มแล้ววันนี้…สำหรับงานงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 39 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 9 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ถือเป็นงานแฟร์หนังสือระดับประเทศที่มีบรรดาสำนักพิมพ์เกือบทุกแห่งเข้าร่วมงานด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงหนังสือและมีโอกาสได้เลือกซื้อหนังสือหลากหลายประเภท เป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนรักการอ่านอีกทางหนึ่ง
 
เพราะหนังสือ เปรียบเสมือนโลกใบเล็กที่อัดแน่นด้วยเรื่องราวมากมายที่พร้อมให้พวกเราได้เรียนรู้ การเปิดหนังสือจึงเหมือนการเปิดโลกและได้เรียนไปกับสิ่งต่างๆ ยิ่งคุณเปิดหนังสืออ่านมากเท่าไหร่ คุณก็จะเรียนรู้โลกได้กว้างขึ้น รู้ลึก รู้มากกว่าคนอื่น เพื่อพัฒนาตนเอง และที่สำคัญคุณสามารถเปิดโลกกว้างได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะหนังสือมีให้คุณอ่านไม่รู้จบ
 

สำหรับปีนี้มาในคอนเซ็ป “เปิดหนังสือคือเปิดโลกกว้างไม่รู้จบ Open a book : Open the world” คือ การอ่านหนังสือสามารถเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลมากขึ้น โดยแต่ละสำนักพิมพ์ของไทยนั้นปีนี้จัดกันคึกคักมาก มีผู้เข้าร่วมถึง 760 บูธ สำนักพิมพ์กว่า 400 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งนอกจากจะนำหนังสือเก่ามาลด แลก แจก แถมกันแล้ว ยังถือโอกาสเปิดตัวหนังสือใหม่กันอย่างครึกครื้นอีกด้วย
 

การจัดงานในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 โซนคือ นิทรรศการและกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ต่างๆ ที่บริเวณฮอลล์เอ บอลรูม และเมนฟอร์เย่ อาทิ นิทรรศการเอกกษัตริย์นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพะราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 นิทรศการจากกรุงเทพมหานครเพื่อรณรงค์ให้กรุงเทพเป็นมหานครแห่งการอ่านและจะเสนอกรุงเทพมหานครเข้าแข่งขันเป็นเมืองหนังสือโลกในปี 2556
 

กิจกรรม ปั้นดิน ปั้นใจ ให้หนังสือ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมโครงการ All for Book,Books for All จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้วโดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการร่วมบริจาคเงินเพื่อนำไปซื้อหนังสือให้แก่เยาวชนหรือหน่วยงานที่ขาดแคลนหนังสือ ซึ่งสมาคมฯ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตศิลป์ นิทรรศการห้องสมุดหนังสือใหม่: รักษ์สิ่งแวดล้อม ที่มีหนังสือใหม่กว่า 2,000 รายการ ซึ่งจัดพิมพ์ในปี 2553-2554 นิทรรศการหนังสือเด่นประจำปี 2554 และกิจกรรมเด็ก เป็นต้น
 

โซนกิจกรรมทางวิชาการและวิชาชีพ ประกอบด้วย กิจกรรมเสวนาบนเวทีฮอลล์เอ จำนวนกว่า 86 รายการ และการอบรมสัมมนาต่างๆ กว่า 56 รายการ และโซน กิจกรรมการจำหน่ายหนังสือและการการเรียนรู้ เป็นการนำหนังสือที่ไม่สามารถหาได้จากที่ใด จะมาพบเห็นได้ที่ภายในงานนี้ทั้งหนังสทอต่างประเทศและหนังสือไทย
 

ด้านหน้าของแพนนารี ฮอลล์ นั้น บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ยังคงยึดเป็นทำเลทอง สำหรับดักนักอ่านหนอนหนังสือที่หอบหนังสือกลับบ้านไม่ไหว สามารถมาใช้บริการส่งหนังสือได้ที่นี่ ส่วนบริการอื่นๆ ก็มีการขายไปรษณียากรหลากหลายชุดสำหรับคนรักการสะสมแสตมป์ ลองแวะไปดู ส่วนไฮไลท์คือการเปิดจองแสตมป์ชุด “หลวงตามหาบัว” ที่บอกได้เลยว่าคอแสตมป์ ห้ามพลาดชุดนนี้เด็ดขาด
 

ถึงแม้ว่าปีนี้การจัดโซนบูธจะเปลี่ยนไปจากปีที่ผ่านๆ มา แต่บรรยากาศภายในงานก็ยังคงคราคร่ำไปด้วยเด็กเล็ก เด็กวัยรุ่นเดินกันขวักไขว่จนแทบหาพื้นที่เดินไม่ได้ คงเนื่องจากปีนี้มีบรรดาสำนักพิมพ์หลายแห่งที่นำเสนอหนังสือนวนิยายแนวโรแมนติกที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นเยอะมาก เจ้าตลาดคงเป็น สำนักพิมพ์แจ่มใส (P 14 โซน C1) ที่เด็กวัยรุ่นยืนรอคิวเพื่อสั่งจองและจ่ายเงินกันเป็นแถวยาวเหยียด ถึงขนาดศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ จะต้องเสริมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในบูธนี้ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าไป
 

เพราะปีนี้ ครบรอบ 10 ปี สนพ.แจ่มใจึงลดกระหน่ำหนังสือทุกเล่ม 15% โดยงานนี้ชวนติดตามเหล่านักเขียน Jamsai Love Series ที่แฟนคลับทุกคนไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็น เจ้าปลาน้อย,แสตมป์เบอรี่,ปุยฝ้าย ฯลฯ
 

ด้าน บูธเอเอสทีวี สนพ.บ้านพระอาทิตย์ รวมสำนักพิมพ์ของค่ายหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ (หรือค่ายผู้จัดการเจ้าเก่า) ลดราคาเอาใจพันธมิตรตั้งแต่ 15-50 % ซึ่งหนังสือที่ถูกถามถึงในงานนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง อำนาจ เขียนโดย รุ่งมณี เมฆโสภณ เรื่องราวเบื้องลึก เบื้องหลัง เหตุการณ์ พฤษภา 35, รหัสลับบู๊ลิ้ม เขียนโดย พชร สมุทรณิช (บก.หนวด), 8 เทพอสูรมังกรฟ้า โดย ต่อพงษ์ เศวตามร์ นอกจากนี้ยังมีผลงานของ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เรื่อง ความลับแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์
 

ส่วน สำนักพิมพ์บูรพัฒน์ เป็นอีกหนึ่งในเครือของเอเอสทีวีผู้จัดการแต่ไปเน้นเรื่องการ์ตูน หลังจากได้ผลตอบรับอย่างดีกับ มหาจำลอง และ ผมชื่อเคอิโงะ ครั้งนี้ สนพ.บูรพัฒน์ จึงไม่พลาด สร้างเรื่องราวของ มิตซูโอะ คเวสโก (ฉบับการ์ตูน) และ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกู้ชาติ ทั้งภาพและเรื่องราวน่าสนใจไม่น้อยเลย
 

ขณะที่ สนพ. สยามอินเตอร์ บุ๊คส์ ปีนี้ก็ขนหนังสือออกใหม่เพียบ ทั้ง “พลังเลขพลิกชะตา ” โดย อาจารย์ ตรัยเวทย์ โชคอนันต์กุล นักโหราศาสตร์เจ้าของตำรับศาสตร์แห่งตัวเลขอันโด่งดัง,“ Unseen บังคลาเทศ & Amazing รัสเซีย ” ผลงานโดย ฯพณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ เสวนาหัวข้อ “ ปฐมบทตำนานกิมย้งหญิง ( เจิ้งฟง ) ” โดย ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ในฐานะแฟนพันธุ์แท้นวนิยายจีน น. นพรัตน์ นักแปลนวนิยายจีนชื่อดัง พร้อมแนะนำหนังสือนิยายจีนชุดใหม่ “กระบี่อภิญญา” ประพันธ์โดย “เจิ้งฟง” แปลโดย น. นพรัตน์ ส่วนแฟนๆ “หลังคาโลก” แว่วมาว่างานนี้เล่ม 3 ออกมาให้คุณผู้อ่านได้ตามติดเรื่องราวกันต่อแล้ว
 

ไม่น้อยหน้าเช่นกัน สนพ.ดีเอ็มจี (G13) เอาใจแฟนหนังสือ “สุดยอดเดอะซีเคร็ต (The Meta Secret)” เชิญผู้เขียน ดร. เมล กิลล์ เยือนประทศไทยอีกครั้ง จัดกิจกรรมรวมพลคนอ่าน “สุดยอดเดอะซีเคร็ต” เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ โดยมีรางวัลสุดยอดเซอร์ไพรส์สำหรับแฟนหนังสือตัวจริง และเตรียมแจกสมุดบันทึก “My Meta Secret” และเสื้อยืดรุ่น Limited Edition พร้อมด้วยสุดยอดโปรโมชั่น ลดราคาสูงสุด 80% ที่บูธสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี G13 ห้องแพลนนารีฮอลล์ และพิเศษกับการเปิดตัวหนังสือ “ยิ้มครั้งแรก โลกแตกก็ยอม” หนังสือธรรมะสร้างรอยยิ้มเล่มล่าสุดของ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต (พฤ.31 มี.ค.54 )
 

สำหรับ สนพ.เนชั่นส์บุ๊คส์ เปิดตัวหนังสือใหม่ 4 เล่มในงานนี้ด้วยไม่ว่าจะเป็น คุยเรื่องชีวิตธรรมดา ผลงาน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม และ อรอุมา เกษตรพืชผล, หมอสมหมาย ทองประเสริฐ หมอผู้รักษาโรคมะเร็ง ที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้ ผู้อุทิศตนมากว่า 40 ปี เพื่อช่วยให้คนไข้หายจากมะเร็งได้อย่างถาวร มาพร้อมหนังสือเล่มใหม่ “ล้วงลึกทางรอดมะเร็ง” โดย อัศวิน ทองประเสริฐ ผู้สืบสานอุดมการณ์การรักษามะเร็ง คนรักสุขภาพทุกท่านไม่ควรพลาด,จากเว็บสุดฮิบ Jeban.com ที่รวมเทคนิคการแต่งหน้าและกรุเครื่องสำอาง สู่ Jeban on the book “สวยเลือกได้… สไตล์จีบัน” และ “24” ตัวเลขธรรมดาจะกลายเป็นความน่าทึ่งจนคุณคิดไม่ถึง กว่า “24” ปี บนเส้นทางการเป็นนักร้อง ตลอด “24” ชั่วโมงของแต่ละวัน บนเรื่องราวน่าประทับใจ “24” ตอน สัมผัสเสน่ห์ของสาว เจนนิเฟอร์ คิ้ม ในอีกแง่มุม ที่คุณจะได้ข้อคิด แง่คม ทั้งสาระและบันเทิง
 

สนพ.นานมีบุ๊คส์ ก็คึกคักไม่น้อย ก็เล่นขนหนังสือมาเอาใจแฟนๆ ซะเยอะทั้ง “เสริมดวง – ฉุดดวง – ฮวงจุ้ยดี” หนังสือคู่มือที่เหมาะแก่การเสริมดวงทั้ง 5 ทั้งเรื่องเรียน การงาน การเงิน ความรักและสุขภาพ ให้ดียิ่งขึ้นด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากนี้ยังพบกับนักเขียนเยาวชนสายเลือดใหม่ อย่าง “ทัน วิศวัส” เจ้าของผลงาน “ไท แลนเดอร์ กับพลังงานนิรันดร์” ที่ผันตัวจากเจ้าของโรงเรียนติวเตอร์ชื่อดังที่ยอมทิ้งธุรกิจเงินล้านมาจับปากกาเขียน ผลงานวรรณกรรมเยาวชนแฟนตาซียิ่งใหญ่แห่งปี ส่วนใครที่ชื่นชอบนวนิยายรักโรแมนติกอิงประวัติศาสตร์ต้องไม่พลาดเรื่อง “เร้นรอยทราย” ผลงานที่พลิกชีวิตของเจ้าอาณาจักรแบรนด์ pasaya อย่าง “ชเล วุทธานันท์” ให้ก้าวเข้าสู่วงการนักเขียนอย่างเป็นทางการ
 

ต่อกันที่ สนพ. Mars Space ครั้งนี้เอาใจแฟนๆ ของ Nick Hornby ด้วยการนำเรื่อง A Long Way Down เป็นอันตกลง มาแปล นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเล่มที่น่าสนใจอาทิ The Aesthetics of Loneliness สุนทรียะแห่งความเหงา เขียนโดย วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ, Mark Zuckerberg ชายผู้เปลี่ยนคำว่าเพื่อนไปตลอดกาล เขียนโดย กมลวรรณ ลิ้มทองกุล และ 52 วัน มหัศจรรย์ ครึ่งโลก ผลงานของ เปเล่ -คริสโทเฟอร์ วอชิงตัน
 

บูธของ สนพ.มติชน ที่ดูเหมือนจะเข้ากับสถานการโลก เพราะหนังสือส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้นเรื่องราวภัยใกล้ตัว อย่าง เมื่อโลกเอาคืน,6 องศาโลกาวินาศ,ธาตุ 4 พิโรธ,โลกร้อน อ่านสนุกเข้าใจง่าน ได้สาระและปฏิบัติการกู้โลกร้อน นอกจากนี้ หนังสือที่ถือว่าเป็นไฮไลต์เห็นจะเป็น The Genius Of Chaina ต้นกำเนิด 100 สิ่งแรกของโลก ผลงานชิ้นเยี่ยมของ โจเซฟ นีดแฮม ที่ได้ 5 รางวัลระดับชาติในอเมริกา แปลไปแล้ว 44 ภาษาทั่วโลก
 

ปิดท้ายกันที่ บูธของ SCG ที่บริการห่อปกหนังสือในราคาเล่มละ 1 บาท กับหนังสือที่ใช้กระดาษ Green Read ที่จะช่วย ให้คุณอ่านหนังสือได้นานด้วยคุณสมบัติของผิวหน้ากระดาษที่ลดการสะท้อนแสงเข้าสู่ดวงตา ด้วยคุณสมบัติของเยื่อกระดาษที่ ทำให้หนังสือที่พิมพ์ด้วยหนังสือ Green Read คงความใหม่บนชั้นหนังสือของคุณโดยไม่เปลี่ยนสีจนดูเก่า

ยังมีหนังสือที่น่าสนใจจำหน่ายอีกมากมาย อาทิ ณ บ้านวรรณกรรม,Bliss Publishing,PEARL,ใยไหม, 4 letter word,Think Beyond,a book,บรรลือสาส์น,จิตรา,สถาพรบุ๊ค เป็นต้น ใครที่อยากหาหนังสือทุกแนวอ่านลองแวะไปได้ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติจะเปิดตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2554 ระว่างเวลา 10.00 -21.00 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ การเดินทางก็สะดวกมาก ขอแนะนำให้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินจะดีที่สุด เพราะไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ