Celeb Online

ดีเอ็มจี ชวนกระตุ้นสังคมให้มี “สติ” ผ่านหนังสือ “สติสร้างปาฏิหาริย์”


เมื่อกล่าวถึงคำว่า ‘ปาฏิหาริย์’ ในทางวิทยาศาสตร์ อาจมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่น่าเชื่อถือ เพราะพิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต เพราะทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล และจับต้องได้จริง ในทางศาสนา หลายคนหลงใหลในปาฏิหาริย์ มองผิดไปถึงการมีอิทธิฤทธิ์ ตาทิพย์ หูทิพย์ เคารพศรัทธายึดถือเอาสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นแก่นสาร จนเป็นศาสดาที่พึ่งทางใจ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยากให้มีปาฏิหาริย์ทางลัด จึงหันไปสวดมนต์อ้อนวอน บูชาสิ่งเร้นลับตามความเชื่อ เพื่อช่วยดลบันดาลสิ่งที่ตนมุ่งมาดปรารถนา ใช้ชีวิตและความคิดของตนแขวนไว้บนอากาศ แต่คงจะดีกว่าหากแม่น้ำทั้งสองสายใหญ่นี้ไหลมารวมกัน กลายเป็น ‘ปาฏิหาริย์’ ที่เราสามารถสร้างได้ด้วย ‘สติ’ ของตัวเอง และพิสูจน์ได้จริง ภายใต้หนังสือ ‘สติสร้างปาฏิหาริย์’ โดย สนพ.ดีเอ็มจี

‘สติสร้างปาฏิหาริย์’ เป็นผลงานเขียนของ กฤติยา อัศวเรืองชัย ซึ่งเป็นหนังสือที่นำแม่น้ำสองสายให้ไหลมาบรรจบกัน จนกลายเป็นคู่มือที่สามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจกลไกธรรมชาติ และพัฒนาสติเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้เชื่อมร้อยประสบการณ์ตรง และการมีสติสูงตั้งแต่วัยเยาว์ พัฒนาเรื่อยมาจนค้นพบ ‘ปัญญา’ ซึ่งส่งผลออกมาเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจ ความอ่อนเยาว์ ความสดใส ความคล่องแคล่วว่องไว แข็งแรง การจดจำเป็นเลิศ หรือความสามารถที่พรั่งพรูออกมาในทุกด้าน และยังได้เชื่อมโยงปัญญาที่เกิดขึ้นกับหลักวิทยาศาสตร์ทุกแขนง อธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และเห็นภาพชัดเจนว่า เหตุใดสรรพสิ่งต่างเชื่อมโยงถึงกัน ตั้งแต่ อะตอม ส่วนที่เล็กที่สุดในร่างกายมนุษย์ ไปจนถึงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้กฎแห่งธรรมชาติทั้งสิ้น จนนำไปสู่ความรู้ที่เป็นอมตะ และสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต โดยมีจุดเริ่มต้น คือ สติของตัวเอง
กฤติยา ผู้เขียน กล่าวว่า “ทุกวันนี้เราคิดอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกไม่คิด ซึ่งก็คือการดำเนินชีวิตด้วย ‘โหมดจิต’ หรือ ‘โหมดปัญญา’ เมื่อเราหันมามีชีวิตอยู่กับจิตมากกว่าความคิด นิสัยและการกระทำของเราจะค่อยๆ เปลี่ยนไปตามสภาพแบบจิตที่จำเป็น หนังสือ ‘สติสร้างปาฏิหาริย์’ เป็นความรู้และเรื่องจริงจากการเรียนรู้และเข้าใจความเป็นไปของชีวิตของอาจารย์ตลอดเวลา ๕๐ ปีที่ผ่านมา ที่สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและลูกศิษย์จำนวนหนึ่งอย่างได้ผล อาจารย์หวังว่าทุกท่านที่อ่านหนังสือเล่มนี้จะได้ความรู้ ได้ประโยชน์ ได้ข้อคิด และเรียนรู้จากตัวอย่างการใช้ชีวิตที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากธรรมชาติชีวิตของอาจารย์และลูกศิษย์ เพื่อการมีชีวิตที่มีความสุข สดใส อ่อนเยาว์ แข็งแรง และเก่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ถ้าอาจารย์ทำได้ ทุกคนก็ทำได้เช่นเดียวกัน”

ขณะที่ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2552 ไข่มุก-ชุติมา ดุรงค์เดช กล่าวถึงเคล็ดลับที่ทำให้คว้ามงกุฎจากเวทีประกวดมาได้ว่า “ไข่มุกฝึกปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่อายุ ๑๕ เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยเฉพาะการเรียนที่สามารถจำได้แม่นขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การที่มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจพร้อมกับฝึกปฏิบัติสติและสมาธิมาตลอด ทำให้เห็นปาฏิหาริย์จริงๆ คือ ตอนประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นเวทีแรกที่ประกวดในประเทศไทย ทำให้ตื่นเต้นมาก แต่ไข่มุกฝึกสติและสมาธิมา จึงช่วยให้มีสติในการตอบคำถาม กำหนดจิตตัวเองว่า ยืนหนอ ฟังหนอ ตอบหนอ แล้วก็ตอบออกไปอย่างเป็นลำดับ จนสามารถคว้าตำแหน่งมาได้ ดังนั้นเมื่อได้เห็นหนังสือเล่มนี้จึงไม่รีรอที่จะอ่านเลยและอยากให้ทุกท่านได้อ่านด้วย เพราะอย่างน้อยการฝึกสติและสมาธิ ก็ช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาหรือเหตุการณ์เฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

ด้าน มะปราง-วิรากานต์ เสณีตันติกุล ดารานักแสดงรุ่นใหม่ใฝ่ทางธรรม บอกว่า “มะปรางได้รู้ว่าสติมีความสำคัญขนาดไหน เมื่อวันหนึ่งโดนเพื่อนเดินชนจนเกือบตกบันไดกว่า ๒๐ ขั้น แต่ตอนนั้นมีสติฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เรากำลังจะตกบันไดนะ และถ้าไม่เอาเท้าซ้ายเหยียบขั้นนั้น เท้าขวาเหยียบขั้นนี้ เราจะต้องหัวแตกและแขนหักแน่นอน เมื่อมีสติจึงทำให้ก้าวลงถึงพื้นโดยสวัสดิภาพ แต่ถ้าวันนั้นเราไม่มีสติก็คงตกบันไดและต้องมีอะไรสักอย่างในร่างกายที่หักประมาณ ๒-๓ จุด หลังจากวันนั้นทำให้รู้ว่า การมีสติสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างไร ซึ่งมะปรางไม่อยากให้คนอื่นต้องเจอเรื่องร้ายแรงก่อนถึงจะเห็นความสำคัญของสติ เพราะเราสามาถฝึกพัฒนาสติได้ เมื่อได้อ่านหนังสือ ‘สติสร้างปาฏิหาริย์’ จนจบ จึงมั่นใจว่านี่คือเครื่องมือหนึ่งที่สามารถช่วยให้เราฝึกด้วยตนเองได้เช่นกัน”
นอกจากนี้ ท้ายเล่มยังมีวิธีการฝึกสติและสมาธิในชีวิตประจำวัน ที่ผู้อ่านสามารถปฏิบัติตามได้ง่ายๆ และวิธีการฝึกนี้ได้รับการยืนยันจากลูกศิษย์อาจารย์กฤติยารุ่นแล้วรุ่นเล่าว่า สติสามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้จริง ดังนั้น หากอ่านหนังสือเล่มนี้ และปฏิบัติตามที่อาจารย์กฤติยาแนะนำ อย่างน้อยก็จะมีสติรักษาจิต อย่างมากที่สุด สตินี้อาจนำไปสู่ ‘บรมสุข’ ที่หลายคนไม่เคยสัมผัสมาตลอดชีวิตก็เป็นได้