>>หนังสือสร้างสุดยอดบุคลากร ตามแบบฉบับดิสนีย์ เขียนโดย บุนจิโร่ ฟุคุชิมะ เป็นหนังสือที่ถ่ายทอดแนวคิดสู่การพัฒนาความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมได้ด้วยการศึกษา ถึงวิธีการทำงานของพนักงานในโตเกียวดิสนีย์แลนด์ ซึ่งนับว่าผู้เขียนนั้นเป็นหนึ่งในพนักงานผู้บุกเบิกของที่นี่ ที่เริ่มจากตำแหน่งเล็กๆจนสามารถก้าวขึ้นสู่สุดยอดผู้พัฒนาโปรแกรมการอบรมดีสนีย์กว่า 20 ปี ประสบความสำเร็จมากว่า 3 ทศวรรษ
“คนเราสร้างได้” แม้ว่า 90% ของพนักงานในโตเกียวดิสนีย์แลนด์จะเป็นพนักงาน Part Time หนังสือ “สร้างสุดยอดบุคลากรตามแบบฉบับดิสนีย์” จะไขข้อข้องใจว่า ทำไมโตเกียวดิสนีย์แลนด์จึงเป็นสถานที่ที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้มที่ทุกคนไปเยี่ยมชมแล้วมีความสุข จากการที่ได้รับบริการอันดีเยี่ยมและทำไมบุคลากรของดิสนีย์จึงเป็นบุคลากรที่ยอดเยี่ยม
หนังสือเล่มนี้สามารถตอบได้ทุกคำถามเกี่ยวกับการสร้างบุคลากร อาทิ เคล็ดลับการสร้างบุคลากรชั้นเยี่ยมได้เทียบเท่าดิสนีย์, แนวทางการปฏิบัติตนที่ทำให้ทุกคนสามารถเป็นผู้นำได้, วิธีการสร้างหัวใจบริการที่ทำให้เป็นองค์กรที่มหัศจรรย์, ล้วงลึกหลักสูตรที่ทำให้พนักงานทุกคนสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า, กลวิธีในการสร้างองค์กรที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพนักงานทุกคนมีความสุข, แนะนำวิธีการบริหารที่ทำให้งานที่เคยถูกมองข้ามกลับกลายเป็นงานที่น่าภูมิใจ, วิธีสอนแบบฉบับดิสนีย์ที่คิดค้นมานานกว่า 3 ทศวรรษจนเป็นหลักสูตรเฉพาะที่นำไปใช้ได้จริงและนำเสนอสุดยอดหลักการบริหารที่ทำให้โตเกียวดิสนีย์แลนด์ครองใจผู้มาเยือนตลอดกาล
กาลเวลาจารึกคน
การเรียนรู้ที่สั้นที่สุดคือ การเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตของคนอื่น ส่วนบทเรียนของการลองผิดลองถูกที่ชัดที่สุดคือ ดอกผลของการลงมือทำเอง
หากเอ่ยชื่อ ประมนต์ สุธีวงศ์ แล้ว ในแวดวงธุรกิจคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะนอกจากการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารให้กับหลายบริษัทแล้ว ท่านยังเป็นคนไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัท โตโยต้า มอเตร์ ประเทศไทย จำกัด ขณะเดียวกันก็ยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย รวมไปถึงการทำงานเกี่ยวกับสังคมและสิ่งแวดล้อมอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอีกมากมาย
การก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กรย่อมต้องผ่านประสบการณ์การทำงานและกาลเวลามายาวนานพอสมควร หนังสือ กาลเวลาจารึกคน เล่มนี้ จะมาบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและประสบการณ์การทำงานของคุณประมนต์
พร้อมข้อคิดในการดำเนินชีวิตให้ได้เรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านครอบครัว สังคม และการบริหารงาน อันถือว่าเป็นหัวใจหลักในการดำเนินชีวิตของทุกคน เพราะหากทั้งสามสิ่งดังที่กล่าวถึงนั้นมีความมั่นคง แข็งแรง เต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจ และมีวิธีการปฏิบัติต่อแต่ละสิ่งอย่างถูกต้อง การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ประสบการณ์คือบทสรุปหนึ่งของเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้เพื่อเป็นแนวทางในการก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของผู้เขียนตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จมากมายอย่างในทุกวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวอันมีคุณค่ายิ่งนี้จะได้ปรากฏต่อสายตาผู้อ่านทุกท่าน
หนังสือประสบการณ์ชีวิตของคนดีๆ อย่าง ประมนต์ สุธีวงศ์ น่าจะช่วยก่อให้เกิดแรงบันดาลใจแก่ผู้คนว่าความดีมีจริง และความดีจะเป็นเครื่องเชื่อมโยงสังคมให้เกิดบูรณภาพและสามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าโดยรักษาการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนกับคน และระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม
หลุมพราง 100 ข้อที่ต้องเลี่ยง เพื่อสรรสร้างธุรกิจขั้นเทพ – The Devil's Advocate
'The Devil's Advocate หลุมพราง 100 ข้อที่ต้องเลี่ยง เพื่อสรรสร้างธุรกิจขั้นเทพ เล่มนี้ เป็นหนังสือที่แตกต่างจากหนังสือแนวแนะนำธุรกิจเล่มอื่นๆ กล่าวคือ แทนที่จะพูดถึงกฎต่างๆ ที่คนเขาทำกันมาแล้วสำเร็จดี แคสเปียน วูดส์ ผู้เขียนกลับตั้งคำถามกับกฎเหล่านั้น และคอย “เตือน” ไม่ให้เรา “เชื่อ” เพียงเพราะคนอื่นเขาเชื่อกันมา
คำแนะนำบางคำของวูดส์อาจจะพิลึกพิลั่น (อย่าไปพึ่งไอทีมากนัก…ในยุคนี้น่ะรึ) หรือบางทีก็เหมือนจะมองโลกในแง่ร้าย (เช่นเวลาวางแผน ให้เพิ่มความเสี่ยงสองเท่า แล้วลดกำไรลงครึ่งหนึ่งเสียก่อน) แต่เอาเข้าจริง ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการการตลาดมาช้านาน คำแนะนำของวูดส์กลับล้วนมีเหตุมีผล ตรงประเด็น และตรงไปตรงมามาก เขายินดีเป็น “ทนายความของปีศาจ” ผู้พูดจา “ร้ายๆ” และเตือนให้คุณ “ตื่น” ดีกว่าปล่อยให้คุณหลงใหลไปกับสิ่งยั่วยุทั้งหลาย แล้วพลอยร่วงตกลงหลุมพรางตามชาวบ้านคนอื่นๆ ไป
และที่จริงแล้ว เราทุกคนก้องการ “ทนายของปีศาจ” แบบนั้นสักคน ไม่ใช่หรือไง
คำนำผู้แปล
'The Devil's Advocate เห็นบทความแต่ละบทสั้นและกระชับ อาจดูว่าเนื้อหาไม่ซับซ้อนหรือลึกซึ้งอะไรมากนัก แต่เมื่อได้อ่านแล้ว คุณจะพบว่ายิ่งอ่านยิ่งได้แง่คิดที่แหลมคมและมุมมองเกี่ยวกับโลกธุรกิจที่เรามองข้ามไปหลายอย่าง หลายบทเรียนเหมือนเป็นการเตือนให้เราคิดรอบคอบก่อนจะลงมือทำอะไร ไม่ทำตามคนอื่นอย่างที่เขาปฏิบัติกันมานานโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ และยังชี้ทางให้เราหลีกเลี่ยงกับดักหรือหลุมพรางที่ใครต่อใครพากันกระโจนลงไป โดยยกตัวอย่างประสบการณ์หรือการวิจัยที่ทดสอบกันมาแล้วประกอบให้เห็น อย่างเช่น บทเรียนที่กล่าวถึงความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตามธรรมชาติที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ความผิดพลาด หรือ การทำสิ่งที่เรารักนั้นเป็นคนละเรื่องกับการทำเงินจากการทำสิ่งที่เรารัก เป็นต้น
แม้บทเรียนทางธุรกิจในหนังสือเล่มนี้จะมาจากการรวบรวมประสบการณ์ของตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องสากลที่คนทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก และสามารถนำไปประยุกต์หรือปรับใช้ให้เข้ากับบริบททางสังคมธุรกิจของตนเองได้ หนังสืออาจไม่ได้ให้คำตอบทุกอย่างแก่เรา แต่มันก็ช่วยกระตุ้นให้เรามีความกล้าที่จะสร้างหนทางของตัวเองไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจได้ หรืออย่างน้อยเราก็ได้มองมุมใหม่ๆ และได้รับความรู้ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน :: Report by FLASH