>>บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จัดกิจกรรม Urban Night Drive with BMW iPerformance นำสื่อมวลชนสัมผัสยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะการขับขี่และประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานของเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด กับรถยนต์ BMW xDrive40e M Sport และ BMW 330e M Sport บนเส้นทางรอบกรุงในบรรยากาศสบายๆ ด้วยสีสันยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ กันอย่างเต็มอิ่ม
เส้นทางแห่งการทดสอบสมรรถนะของเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด กับบีเอ็มดับเบิลยู เริ่มต้นขึ้นที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล มุ่งหน้าสู่หอประชุมกองทัพเรือและสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนกลับเข้ามาในย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา สู่ย่านเจริญกรุงที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์
ต้องยอมรับว่าการเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยู ในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์รุ่นต่างๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และเพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จในด้านเทคโนโลยีและยนตรกรรมแห่งความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จึงเริ่มต้นการประกอบทั้ง 2 รุ่นของบีเอ็มดับเบิลยู iPerformance ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e และ BMW 330e ปลั๊กอิน ไฮบริด ที่โรงงานในประเทศไทย ช่วงครึ่งหลังของปี 2559 นี้ ต่อเนื่องจากการเริ่มเปิดตัวเทคโนโลยีในระบบปลั๊กอินไฮบริด ด้วยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 เมื่อปี 2557 เพื่อนำพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาสู่ถนนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเทคโนโลยี iPerformance ของบีเอ็มดับเบิลยู รถยนต์ BMW X5 xDrive40e M Sport จึงมอบประสบการณ์การเดินทางอันยอดเยี่ยมและสะดวกสบาย ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร เจ้าของรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี International Engine of the Year สามสมัย ที่ถือเป็นขุมพลังเบนซิน 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ส่งกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จึงทำให้ตัวรถพร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้ขับขี่ได้สนุก ทันใจ เร่งความเร็วได้โดยไม่ต้องรอ
BMW X5 xDrive40e M Sport สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า ให้คุณเร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 31.3 กิโลเมตรต่อลิตร และลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 76 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากสมรรถนะของ BMW X5 xDrive40e M Sport แล้ว สื่อมวลชนยังได้ร่วมสัมผัสกับนวัตกรรมที่ครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหราจาก BMW 330e M Sport รถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นถัดจาก BMW i8 ที่ได้รับการออกแบบเพื่อสุนทรียะในการขับขี่ของผู้โดยสาร ประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี iPerformance ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ที่ได้รับรางวัล International Engine of the Year มาแล้วถึงสองครั้ง ด้วยพละกำลังสูงสุดที่ 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตันเมตร
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 65 กิโลวัตต์/88 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมให้การตอบสนองที่ฉับไว้ไม่แพ้ใคร โดยทำงานประสานกันกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เพลิดเพลินอย่างเหนือชั้น กับอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ BMW 330e M Sport ยังรองรับการขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้า ให้เร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 41.7 กิโลเมตรต่อลิตร และลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 57 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น นับว่าเป็นอัตราที่น้อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยสำหรับประเภทรถยนต์นั่งแบบซีดาน ส่วนรถที่มีอัตราการปล่อย CO2 น้อยที่สุดอันดับหนึ่งในรถยนต์ทุกประเภท รวมถึงรถยนต์ Eco Car คือ BMW i8 ที่มีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ใน BMW X5 xDrive40e M Sport และ BMW 330e M Sport นำพลังของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และสามารถนำมาขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสีย แบตเตอรี่ของรถสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไปด้วยสายชาร์จที่เก็บอยู่ใต้พื้นที่เก็บของ โดยแบตเตอรี่ของ BMW X5 xDrive40e M Sport จะใช้เวลาชาร์จด้วยไฟบ้านราว 3 ชั่วโมง 50 นาที ขณะที่ BMW 330e M Sport จะชาร์จไฟได้เต็มในเวลาราว 3 ชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้ร่วมกับ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ติดตั้งสถานีชาร์จ BMW i pure Wallbox เพื่อให้บริการชาร์จแบตเตอรี่บีเอ็มดับเบิลยู ทั้งระบบขับเคลื่อนตระกูล i และ BMW iPerformance โดยไม่คิดค่าบริการ และยังมีให้บริการที่โซนจอดรถยนต์พิเศษของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอาคารออล ซีซั่น เพลส สำหรับลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยูที่ซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ สถานีชาร์จ BMW i pure Wallbox สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของทั้ง BMW X5 xDrive40e M Sport และ BMW 330e M Sport ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที และ 2 ชั่วโมง 12 นาทีตามลำดับอีกด้วย :: Text by FLASH