เชื่อหรือไม่? “การอ่านหนังสือ เปลี่ยนชีวิตของเราได้” เรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง น้องโฟร์ หรือ ด.ช.ปุญญพัฒน์ ศุภพิชญ์นาม อายุ 10 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโพธิ์แก้ว มีชีวิตและนิสัยเหมือนเด็กทั่วไป คือ ยังอ่านหนังสือไม่ค่อยออก และเล่นซนตามประสาเด็กผู้ชาย แต่เมื่อน้องโฟร์ได้อ่านหนังสือชุด “ครอบครัวตึ๋งหนืด” การ์ตูนความรู้เศรษฐศาสตร์จากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ซึ่งแปลมาจากต้นฉบับภาษาเกาหลี ก็ทำให้ชีวิตและนิสัยของน้องโฟร์เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
ณัฐชรัตน์ เครือสันติภพ คุณแม่น้องโฟร์ กล่าวว่า “เดิมแม่เป็นคนไม่ชอบซื้อหนังสือการ์ตูนให้ลูกอ่าน เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีประโยชน์ แต่ลูกชายคนโตซื้อมาแล้วได้อ่านให้น้องโฟร์ฟัง ในตอนนั้นน้องโฟร์ยังอ่านหนังสือไม่ค่อยออก ก็ฟังพี่ชายอ่านและดูภาพประกอบ แม่สังเกตเห็นทุกครั้งที่ลูกอ่านหนังสือ ลูกทั้งสองคนจะหัวเราะเสียงดัง ดูมีความสุข หลังจากที่น้องโฟร์ได้ฟังพี่ชายอ่านครั้งแรก เหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้น้องโฟร์พยายามอ่านหนังสือครอบครัวตึ๋งหนืดด้วยตนเอง ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ น้องโฟร์ก็สามารถอ่านได้เอง”
“น้องโฟร์จะมีวิธีการประหยัดพลังงานที่ได้จากครอบครัวตึ๋งหนืดมาบอกทุกคนในครอบครัวอยู่เสมอ เช่น หากมีน้ำที่เหลือใช้จากการทำอะไรในบ้าน ต้องเอาน้ำนั้นไปเทใส่ต้นไม้ ห้ามเททิ้งโดยเปล่าประโยชน์ หรือแนะนำให้แม่ไปรับครีมที่เป็นตัวอย่าง จากพนักงานในห้างสรรพสินค้าที่มักจะยืนแจกให้กับลูกค้าที่เดินผ่านไปมา แทนการไปซื้อครีมราคาแพงๆ และเขามักจะมาบอกให้แม่ปลูกผักกินเองเหมือนอย่างครอบครัวตึ๋งหนืดในหนังสือ แต่แม่ก็ต้องปฏิเสธไปเพราะที่บ้านเราไม่มีพื้นที่เอื้ออำนวยเหมือนในหนังสือ ซึ่งทุกวันนี้เขาก็มารบเร้าให้ปลูกอยู่เสมอ หรือหากในห้องเปิดแอร์ไว้ แล้วใครเผลอไปเปิดประตูทิ้งไว้ น้องโฟร์ก็จะเดินไปปิดประตูเองทุกครั้ง รวมถึงมีการขอดูใบเสร็จค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปาว่าใช้แพงเกินไปหรือเปล่า หากมียอดจ่ายมากขึ้นเขาก็จะเริ่มบ่น”
“แต่ที่แม่รู้สึกมหัศจรรย์มาก คือ การอ่านหนังสือครอบครัวตึ๋งหนืดเล่มนี้ทำให้น้องโฟร์มีนิสัยรักการออมเงิน เดิมเงินค่าขนมที่ให้ไปโรงเรียนไม่เคยเหลือกลับมาเลย บางวันติดลบก็มี แต่หลังจากที่น้องโฟร์อ่านครอบครัวตึ๋งหนืด เงินค่าขนมที่แม่ให้ไปวันละ 40 บาทจะมีเหลือกลับมาเก็บ 30 บาทขึ้นไปทุกวัน นอกจากนี้เขาบอกว่าในเล่มสอนให้เขียนเป้าหมายในการฝากเงิน และต้องเขียนในกระดาษว่าเก็บเงินแบงค์อะไร จำนวนกี่ใบ สุดท้ายคือเขาเป็นคนขอให้แม่พาไปฝากเงินที่ธนาคาร เมื่อถึงธนาคารน้องโฟร์ก็ยื่นใบเป้าหมายในการฝากเงินให้พนักงาน ทำให้พนักงานรู้สึกประหลาดใจมากที่เด็กอายุ 10 ปี รู้จักเขียนเป้าหมายในการฝากเงิน ทุกวันนี้น้องโฟร์มีเงินเก็บในธนาคารประมาณสามหมื่นกว่าบาทแล้ว ผลที่เกิดขึ้นกับน้องโฟร์ เป็นสิ่งที่ทำให้แม่ยินดี และรู้สึกขอบคุณหนังสือชุดครอบครัวตึ๋งหนืดเป็นอย่างมาก ที่ช่วยทำให้น้องโฟร์เปลี่ยนไปเป็นเด็กที่น่ารัก รู้จักหน้าที่ตนเอง แถมมีนิสัยรักการอ่าน และรักการออมอีกด้วย”
การ์ตูนความรู้ชุดครอบครัวตึ๋งหนืดเป็นการ์ตูนเล่มโปรดที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตของเด็กไทย น้องโฟร์เล่าว่า “ครอบครัวตึ๋งหนืดเป็นหนังสือที่ผมชอบมาก สอนให้รู้จักประหยัดในหลายๆ เรื่อง อย่างเช่น สบู่ก้อนก็ต้องใช้จนหมดจริงๆ แม้จะเหลือก้อนเล็กจิ๋วก็ไม่ควรจะทิ้ง หรือแอร์ก็ต้องเปิดไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส หากจะวาดการ์ตูนในเวลาว่างผมก็จะไปวาดในกระดาษที่เหลือใช้ของแม่ ไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษใหม่ให้สิ้นเปลือง”
“เล่มที่ผมชอบมากที่สุด คือ ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน เที่ยวต่างแดนแบบสุดตึ๋ง เล่มนี้จะพาไปเที่ยวในฝั่งยุโรป โดยจะสอนว่าหากเราจะไปเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก เราควรจะคิดให้ดีก่อนจะซื้อตั๋วเครื่องเล่น และอีกตอนที่ชอบคือ แหวกกฎลดพลังงาน เล่มนี้จะสอนเกี่ยวกับการประหยัดน้ำ ซึ่งผมนำมาใช้ที่บ้านด้วย เช่น การนำน้ำซาวข้าวมารดน้ำต้นไม้ต่อ ไม่ไปเททิ้งเฉยๆ ผมคิดว่าการออมเป็นสิ่งที่ดี เพราะยามที่ผมอยากได้อะไร ผมก็สามารถนำเงินที่ออมออกมาซื้อเองได้ ไม่ต้องเดือดร้อนเงินแม่”
คุณแม่น้องโฟร์ ทิ้งท้ายว่า “ทุกวันนี้น้องโฟร์อ่านครอบครัวตึ๋งหนืดตลอด ตื่นมาก็อ่าน ไปข้างนอกบ้านก็ต้องพกไปอ่าน ไปห้างก็ต้องแวะร้านหนังสือเพื่อหาหนังสือครอบครัวตึ๋งหนืด จนแม่เองต้องเริ่มจำกัดเวลา เพราะไม่อย่างนั้นน้องโฟร์จะอ่านไม่ยอมวางเลย”
การ์ตูนความรู้ ชุด ครอบครัวตึ๋งหนืด เป็นการ์ตูนความรู้ชุดที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย ขายได้แล้วกว่า 3.5 ล้านเล่ม ปัจจุบันชุดครอบครัวตึ๋งหนืดฉบับภาษาไทยมีจำนวน 35 เล่ม สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
เห็นตัวอย่างเด็กไทยเปลี่ยนชีวิตได้จากการอ่านแบบนี้แล้ว สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ผู้จัดพิมพ์หนังสือและส่งเสริมการอ่านมาตลอดก็ชื่นใจ มีกำลังใจในการจัดพิมพ์หนังสือดีมีคุณภาพออกมาให้ผู้อ่านได้อ่านเปลี่ยนชีวิตกันต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบกันเลยทีเดียว